xs
xsm
sm
md
lg

แอลเอไบซ์ฯฉวยจังหวะน้ำมันแพง ส่งจักรยานไฟฟ้าจับแมสเซนเจอร์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ยุคน้ำมันแพงแอลเอ ไบซิเคิ้ลเตรียมเปิดตัวสกู้ตเตอร์ไฟฟ้าและจักรยานไฟฟ้า ภายใต้ชื่อ “LA E RIDE” ในวันที่ 17 ก.พ.นี้ หวังเจาะกลุ่มเป้าหมายแม่บ้านและพนักงานส่งเอกสารในกทม. คาดยอดรายได้แอลเอปีนี้โต30% และดันยอดรายได้สามพรานกรุ๊ปแตะ 5,000 ล้านบาท

นายสุรสิทธิ์ ติยะวัชรพงศ์ ประธานกรรมการ บริษัทแอลเอ ไบซิเคิ้ล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรถจักรยาน “แอลเอ” เปิดเผยว่า เมื่อช่วงปลายปีที่แล้วบริษัทฯได้ใช้งบลงทุนกว่า 100 ล้านบาทในการเพิ่มไลน์ผลิตรถจักรยานรุ่นใหม่ ได้แก่ สกู้ตเตอร์ไฟฟ้าและจักรยานไฟฟ้า ภายใต้เทคโนโลยีจากจีนและสหรัฐอเมริกา ล่าสุดบริษัทฯเตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่นี้ ภายใต้ชื่อ “LA E RIDE” ในวันที่ 17 ก.พ.2549นี้ โดยจะใช้งบในการทำตลาด 20 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทฯมั่นใจว่าผู้บริโภคจะให้การตอบรับดี เนื่องจากสภาพในปัจจุบันของกรุงเทพฯหรือจังหวัดอื่นๆประสบปัญหามลภาวะที่เป็นพิษ หรือการที่ราคาน้ำมันที่แพงขึ้น รวมถึงเพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคคนไทยที่นิยมใช้งานจักรยานมากถึง 95%

กลุ่มเป้าหมายหลักของสินค้าใหม่นี้จะเน้นกลุ่มลูกค้าแม่บ้านที่จะซื้อของภายในหมู่บ้าน หรือบริษัทที่มีพนักงานส่งเอกสารในกรุงเทพฯ เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการเดินทางถูกหากเทียบกับรถจักรยานยนต์

สำหรับราคาของสกู้ตเตอร์ที่ใช้ระบบไฟจากประเทศจีนจะอยู่ที่คันละ 8,000-9,000 บาท และระบบไฟฟ้าจากอเมริการาคาคันละ 20,000 บาท ซึ่งรุ่นดังกล่าวยังไม่มีแผนวางจำหน่าย ส่วนจักรยานไฟฟ้าราคาคันละ 15,000 บาท โดยในปีแรกคาดว่าจะมีสัดส่วนในปีแรก 3-5%

“บริษัทฯตั้งเป้าในปีนี้และปีหน้าจะทำตลาดสินค้าใหม่ในประเทศก่อน จากนั้นในปี2551 จะเริ่มส่งออกไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดในยุโรป เพื่อแข่งขันกับตลาดจีนที่เน้นเรื่องกลยุทธ์ด้านราคาในการทำตลาด”

นอกจากนี้ในส่วนของจักรยานแอลเอในปีนี้บริษัทฯเตรียมงบการตลาดกว่า 50 ล้านบาทในการสร้างแบรนด์แอลแอให้เป็นที่ยอมรับต่อผู้บริโภคมากขึ้น

สำหรับยอดรายได้ปีนี้บริษัทฯตั้งเป้ารวมกว่า 3,000 ล้านบาทและมีอัตราการเติบโต 25-30% จากปีที่แล้ว โดยแบ่งเป็นยอดรายได้จักรยานแอลเอในไทย 800-1,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราเติบโต 20% และยอดขายจากการส่งออก 2,000 ล้านบาทหรือโต 25%

ทั้งนี้ในส่วนยอดรายได้ของบริษัทสามพราน กรุ๊ป คาดการณ์ว่าจะมีรายได้ 5,000 ล้านบาทหรือโตขึ้น 20% แบ่งเป็นยอดรายได้จากธุรกิจจักรยาน 3,000 ล้านบาท ธุรกิจสิ่งทอ 1,200-1,300 ล้านบาท อสังหาริมทรัพย์ 500 ล้านบาท และผลิตภัณฑ์กลุ่มอาหาร 100 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น