รมว.อุตสาหกรรมยืนยันปีนี้จะมีน้ำดิบป้อนโรงงานอุตสาหกรรมในภาคตะวันออกอย่างเพียงพอ ขณะที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เตรียมเสนอ ครม.แก้กฎหมายให้เรียกเก็บค่าน้ำในภาคอุตสาหกรรมได้เพิ่มขึ้นจากเดิม สั่งสภาพัฒน์ศึกษาแผนความต้องการใช้น้ำในช่วง 20 ปีข้างหน้า
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการลุ่มน้ำภาคตะวันออกว่าสถานการณ์น้ำของภาคตะวันออกในปี 2549 จะมีปริมาณเพียงพอต่อความต้องการของภาคอุตสาหกรรมโดยไม่ขาดแคลนอย่างแน่นอน เนื่องจากขณะนี้มีน้ำต้นทุนที่อยู่ในอ่างเก็บน้ำต่างๆ ถึงร้อยละ 60 หรือประมาณ 245 ล้านลูกบาศก์เมตร จากปริมาณที่สามารถกักเก็บได้ถึง 310 ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้มีปริมาณน้ำสำรองใช้เพียงพอสำหรับความต้องการของอุตสาหกรรมต่างๆ เป็นระยะเวลา 10 เดือน แม้ไม่มีฝนตกลงมา
ส่วนการแก้ไขปัญหาและบริหารจัดการน้ำภาคตะวันออกระยะกลางและระยะยาวได้มอบหมายสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ไปศึกษาตัวเลขความต้องการใช้น้ำระยะยาว 20 ปี ให้แล้วเสร็จใน 3 เดือน เพื่อกำหนดเป็นแผนการดำเนินการอย่างชัดเจน หากไม่เพียงพอจริงอาจต้องนำน้ำทะเลมาผลิตหรือส่งเสริมเฉพาะอุตสาหกรรมที่ใช้น้ำน้อยเท่านั้น โดย สศช. มีข้อเสนอเพิ่มเติมว่าควรจัดเก็บค่าน้ำจากภาคอุตสาหกรรมในภาคตะวันออกเพิ่ม เนื่องจากรัฐต้องใช้งบลงทุนในส่วนนี้สูง ขณะที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ก็กำลังเสนอแก้ไขกฎหมายให้มีอำนาจเก็บค่าน้ำเพิ่มขึ้นได้ ทั้งนี้ อัตราค่าน้ำปัจจุบันอยู่ที่ลูกบาศก์เมตรละ 50 สตางค์ ซึ่งจะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการลุ่มน้ำภาคตะวันออกว่าสถานการณ์น้ำของภาคตะวันออกในปี 2549 จะมีปริมาณเพียงพอต่อความต้องการของภาคอุตสาหกรรมโดยไม่ขาดแคลนอย่างแน่นอน เนื่องจากขณะนี้มีน้ำต้นทุนที่อยู่ในอ่างเก็บน้ำต่างๆ ถึงร้อยละ 60 หรือประมาณ 245 ล้านลูกบาศก์เมตร จากปริมาณที่สามารถกักเก็บได้ถึง 310 ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้มีปริมาณน้ำสำรองใช้เพียงพอสำหรับความต้องการของอุตสาหกรรมต่างๆ เป็นระยะเวลา 10 เดือน แม้ไม่มีฝนตกลงมา
ส่วนการแก้ไขปัญหาและบริหารจัดการน้ำภาคตะวันออกระยะกลางและระยะยาวได้มอบหมายสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ไปศึกษาตัวเลขความต้องการใช้น้ำระยะยาว 20 ปี ให้แล้วเสร็จใน 3 เดือน เพื่อกำหนดเป็นแผนการดำเนินการอย่างชัดเจน หากไม่เพียงพอจริงอาจต้องนำน้ำทะเลมาผลิตหรือส่งเสริมเฉพาะอุตสาหกรรมที่ใช้น้ำน้อยเท่านั้น โดย สศช. มีข้อเสนอเพิ่มเติมว่าควรจัดเก็บค่าน้ำจากภาคอุตสาหกรรมในภาคตะวันออกเพิ่ม เนื่องจากรัฐต้องใช้งบลงทุนในส่วนนี้สูง ขณะที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ก็กำลังเสนอแก้ไขกฎหมายให้มีอำนาจเก็บค่าน้ำเพิ่มขึ้นได้ ทั้งนี้ อัตราค่าน้ำปัจจุบันอยู่ที่ลูกบาศก์เมตรละ 50 สตางค์ ซึ่งจะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป