กรมการขนส่งทางบกคาดกฎกระทรวงเพื่อเพิ่มจำนวนรถสามล้อเครื่องหรือตุ๊ก ๆ ตามโครงการ “ตุ๊ก ๆ เอื้ออาทร” จะประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้ประมาณเดือนกุมภาพันธ์นี้ ซึ่งจะเพิ่มจำนวนรถตุ๊ก ๆ อีกประมาณ 2,500 คัน จากปัจจุบันมีอยู่ 7,500 คัน
นายปิยะพันธ์ จัมปาสุต อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า การจัดระเบียบรถสามล้อเครื่องตามโครงการ “ตุ๊ก ๆ เอื้ออาทร” อยู่ระหว่างรอประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษา หลังจากที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้ลงนามในกฎกระทรวงเรียบร้อยแล้ว แต่จะมีผลบังคับใช้อีก 30 วัน หลังจากประกาศใช้อย่างเป็นทางการ ซึ่งกรมการขนส่งทางบกได้เตรียมประกาศให้ประชาชนทั่วไปและสหกรณ์ที่ประสงค์จะประกอบอาชีพขับรถสามล้อเครื่องหรือรถตุ๊ก ๆ เพื่อหารายได้เลี้ยงตัวเองและครอบครัวรับทราบ โดยคาดว่าจะประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้
ทั้งนี้ โครงการตุ๊ก ๆ เอื้ออาทรที่จะเปิดให้จดทะเบียนเพิ่มจะมีจำนวนเพียง 2,500 คันเท่านั้น จากจำนวนที่มีอยู่แล้ว 7,500 คัน แต่หากความต้องการมีมากกว่าจำนวนทะเบียนรถจะใช้วิธีการจับสลาก นอกจากนี้ โครงการตุ๊ก ๆ เอื้ออาทรจะเปิดเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ โดยผู้ที่จะเข้าร่วมโครงการนี้ได้จะต้องมีหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขว่าจะต้องเป็นรถตุ๊ก ๆ ที่มีเครื่องยนต์ 4 จังหวะ เพื่อไม่ให้รถประเภทนี้ก่อมลภาวะมากขึ้น สำหรับรถตุ๊ก ๆ เอื้ออาทรไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลจะซื้อแจก แต่เป็นลักษณะการให้จดทะเบียนเพิ่ม จากเดิมที่อนุญาตให้ผู้ที่จะจดทะเบียนได้ต้องเป็นสหกรณ์เท่านั้น ซึ่งสาเหตุที่จำกัดจำนวนรถประเภทนี้ไว้เนื่องจากไม่ต้องการให้มีจำนวนมากเกินไป เหมือนรถยนต์ประเภทอื่น ๆ โดยเฉพาะรถแท็กซี่ที่มีเป็นจำนวนกว่า 100,000 คัน อีกทั้งเป็นการช่วยลดปัญหาต่าง ๆ เช่น ปัญหาความไม่ปลอดภัยของผู้โดยสารและป้องกันการนำรถประเภทนี้ไปตกแต่งเพิ่มเติม แต่ด้วยความที่รถตุ๊ก ๆ ได้กลายเป็นเสมือนสัญลักษณ์ของประเทศไทยในสายตาชาวต่างประเทศจึงให้จดทะเบียนเพิ่มได้
นายปิยะพันธ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ได้มีสถาบันการเงินสนใจเข้าร่วมโครงการดังกล่าว โดยปล่อยสินเชื่อซื้อรถให้แก่ผู้ประสงค์จะประกอบอาชีพนี้ ทั้งธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอี แบงก์) และธนาคารออมสิน
สำหรับเรื่องการติดตั้งตะแกรงกั้นระหว่างผู้โดยสารและผู้ขับขี่ในรถแท็กซี่ กรมการขนส่งทางบกพร้อมที่จะนำเรื่องดังกล่าวเสนอขอความเห็นชอบจากกระทรวงคมนาคมเพื่อพิจารณาอีกครั้ง ซึ่งปัจจุบันได้เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรถแท็กซี่ติดตั้งตะแกรงกั้นได้ตามความสมัครใจ แต่พบว่ายังไม่ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด ขณะที่เรื่องการติดหมายเลขทะเบียนรถและบัตรผู้ได้รับอนุญาตให้ขับขี่นั้น กรมการขนส่งทางได้ดำเนินการอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด แต่เมื่อผู้ประกอบการได้จดทะเบียนหรือต่อใบอนุญาตจากกรมการขนส่งไปแล้วมักจะไม่ปฏิบัติตาม ซึ่งกรมการขนส่งทางบกไม่มีเจ้าหน้าที่เพียงพอที่จะติดตามไปตรวจสอบและดำเนินการจับกุม จึงอยากขอความช่วยเหลือจากตำรวจในการตรวจสอบเพื่อเป็นการร่วมกันป้องกันก่อนที่เหตุร้ายจะเกิดขึ้น
นายปิยะพันธ์ จัมปาสุต อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า การจัดระเบียบรถสามล้อเครื่องตามโครงการ “ตุ๊ก ๆ เอื้ออาทร” อยู่ระหว่างรอประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษา หลังจากที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้ลงนามในกฎกระทรวงเรียบร้อยแล้ว แต่จะมีผลบังคับใช้อีก 30 วัน หลังจากประกาศใช้อย่างเป็นทางการ ซึ่งกรมการขนส่งทางบกได้เตรียมประกาศให้ประชาชนทั่วไปและสหกรณ์ที่ประสงค์จะประกอบอาชีพขับรถสามล้อเครื่องหรือรถตุ๊ก ๆ เพื่อหารายได้เลี้ยงตัวเองและครอบครัวรับทราบ โดยคาดว่าจะประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้
ทั้งนี้ โครงการตุ๊ก ๆ เอื้ออาทรที่จะเปิดให้จดทะเบียนเพิ่มจะมีจำนวนเพียง 2,500 คันเท่านั้น จากจำนวนที่มีอยู่แล้ว 7,500 คัน แต่หากความต้องการมีมากกว่าจำนวนทะเบียนรถจะใช้วิธีการจับสลาก นอกจากนี้ โครงการตุ๊ก ๆ เอื้ออาทรจะเปิดเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ โดยผู้ที่จะเข้าร่วมโครงการนี้ได้จะต้องมีหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขว่าจะต้องเป็นรถตุ๊ก ๆ ที่มีเครื่องยนต์ 4 จังหวะ เพื่อไม่ให้รถประเภทนี้ก่อมลภาวะมากขึ้น สำหรับรถตุ๊ก ๆ เอื้ออาทรไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลจะซื้อแจก แต่เป็นลักษณะการให้จดทะเบียนเพิ่ม จากเดิมที่อนุญาตให้ผู้ที่จะจดทะเบียนได้ต้องเป็นสหกรณ์เท่านั้น ซึ่งสาเหตุที่จำกัดจำนวนรถประเภทนี้ไว้เนื่องจากไม่ต้องการให้มีจำนวนมากเกินไป เหมือนรถยนต์ประเภทอื่น ๆ โดยเฉพาะรถแท็กซี่ที่มีเป็นจำนวนกว่า 100,000 คัน อีกทั้งเป็นการช่วยลดปัญหาต่าง ๆ เช่น ปัญหาความไม่ปลอดภัยของผู้โดยสารและป้องกันการนำรถประเภทนี้ไปตกแต่งเพิ่มเติม แต่ด้วยความที่รถตุ๊ก ๆ ได้กลายเป็นเสมือนสัญลักษณ์ของประเทศไทยในสายตาชาวต่างประเทศจึงให้จดทะเบียนเพิ่มได้
นายปิยะพันธ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ได้มีสถาบันการเงินสนใจเข้าร่วมโครงการดังกล่าว โดยปล่อยสินเชื่อซื้อรถให้แก่ผู้ประสงค์จะประกอบอาชีพนี้ ทั้งธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอี แบงก์) และธนาคารออมสิน
สำหรับเรื่องการติดตั้งตะแกรงกั้นระหว่างผู้โดยสารและผู้ขับขี่ในรถแท็กซี่ กรมการขนส่งทางบกพร้อมที่จะนำเรื่องดังกล่าวเสนอขอความเห็นชอบจากกระทรวงคมนาคมเพื่อพิจารณาอีกครั้ง ซึ่งปัจจุบันได้เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรถแท็กซี่ติดตั้งตะแกรงกั้นได้ตามความสมัครใจ แต่พบว่ายังไม่ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด ขณะที่เรื่องการติดหมายเลขทะเบียนรถและบัตรผู้ได้รับอนุญาตให้ขับขี่นั้น กรมการขนส่งทางได้ดำเนินการอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด แต่เมื่อผู้ประกอบการได้จดทะเบียนหรือต่อใบอนุญาตจากกรมการขนส่งไปแล้วมักจะไม่ปฏิบัติตาม ซึ่งกรมการขนส่งทางบกไม่มีเจ้าหน้าที่เพียงพอที่จะติดตามไปตรวจสอบและดำเนินการจับกุม จึงอยากขอความช่วยเหลือจากตำรวจในการตรวจสอบเพื่อเป็นการร่วมกันป้องกันก่อนที่เหตุร้ายจะเกิดขึ้น