xs
xsm
sm
md
lg

พอลแอนด์โจเล็งขยาย2 เคาน์เตอร์ปีหน้า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เครื่องสำอางจากญี่ปุ่น“พอล แอนด์ โจ” ลุยตลาดไทย เน้นทำธุรกิจแบบนิช มาร์เก็ตและเจาะลูกค้าคนไทยวัย 20-35 ปี ชูจุดเด่นผลิตภัณฑ์ที่ดูทันสมัยผสมความคลาสสิค และมีราคาถูกกว่าที่ญี่ปุ่น 10% เล็งขยายเคาน์เตอร์ 2 แห่งปีหน้า ชี้เครื่องสำอางเกาหลีจะติดตลาดเท่าของญี่ปุ่นต้องใช้เวลาอีกนานอีก 5 ปี

นางสาวสรินนา ประวิทย์ธนา ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์พอล แอนด์ โจ บริษัทเพรสติก โพรดักส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯเพิ่งเปิดตัวเครื่องสำอางพอล แอนด์ โจในไทยไปเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา พบว่าได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าที่เข้ามาซื้อผลิตภัณฑ์ประมาณ 500 ราย ซึ่งการทำตลาดของผลิตภัณฑ์พอล แอนด์ โจในช่วงเบื้องต้นจะทำในลักษณะนิชมาร์เก็ต เนื่องจากมีลูกค้าบางกลุ่มรู้จักแบรนด์นี้บ้างแล้ว เช่น คนที่ไปเที่ยวหรือศึกษาในต่างประเทศ ส่วนลูกค้าใหม่บริษัทฯก็มีแผนเจาะตลาดทั้งกลุ่มวัยรุ่นและนักศึกษา ผ่านทางการโฆษณาลงนิตยสารผู้หญิง เป็นต้น ขณะที่กลุ่มเป้าหมายหลักบริษัทฯจะเน้นกลุ่มลูกค้าคนไทยอายุ 20-35 ปี

จุดเด่นของผลิตภัณฑ์พอล แอนด์ โจอยู่ที่ตัวแพคเกจที่ดูทันสมัย สดใส และมีความคลาสสิค ส่วนระดับราคาจะอยู่ที่ 2,000 บาท ซึ่งหากเทียบกับราคาที่ญี่ปุ่นซึ่งเป็นผู้ผลิตสินค้าให้พบว่ามีราคาในไทยถูกกว่า 10% ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์ของพอลฯแบ่งเป็น กลุ่มเมคอัพ 75% สกินแคร์ 20% และน้ำหอม 5%

ส่วนช่องทางการขายปัจจุบันบริษัทฯมีเคาน์เตอร์พอล แอนด์ โจอยู่ที่ดิ เอ็มโพเรียม และสยามพารากอน ในปีหน้าคาดว่าจะเปิดเพิ่ม 2 แห่งตามห้างสรรพสินค้า ซึ่งการขยายสาขาของพอล แอนด์ โจจะมีน้อย เนื่องจากเป็นแบรนด์เอ็กซ์คลูซีฟและมีลูกค้าเฉพาะกลุ่ม

“แบรนด์เครื่องสำอางใหม่เข้ามาทำตลาดในไทยมาก เพราะมีห้างใหม่เปิด ประกอบกับการที่คนไทยรักสวยรักงามมากขึ้น ส่วนเครื่องสำอางเกาหลีที่กำลังเข้ามาในตลาดไทยหลายราย มองว่ามีแนวโน้มดี แต่ต้องใช้เวลาในการสร้างและทำตลาดนานพอสมควรหรือต้องใช้ประมาณ 5 ปีแบรนด์เกาหลีถึงจะติดตลาดเหมือนเครื่องสำอางญี่ปุ่น” นางสาวสรินนากล่าว

ส่วนภาพรวมการแข่งขันของตลาดเครื่องสำอางเคาน์เตอร์เซลยังมีการแข่งที่รุนแรง สังเกตได้จากการเข้ามาของแบรนด์เครื่องสำอาง การทำตลาดและโปรโมชั่นของแต่ละราย รวมถึงการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆในทุกฤดูกาล
กำลังโหลดความคิดเห็น