“เฟสต้า” ยกทีมพบประชาของบจัดงาน TTM หลังถูก ททท.โบ้ยของดจัดงาน อ้างกระเป๋าแห้ง นายกแอตต้าระบุ 3 เหตุผลที่ไทยต้องจัดงาน TTM เพราะประเทศอื่นเขาก็มีการจัดงานรูปแบบนี้ อีกทั้งเป็นการให้บายเออร์ได้เข้ามาอัพเดทการพัฒนาของแหล่งท่องเที่ยวโดยดูจากของจริง และเป็นโอกาสที่จะให้เอสเอ็มอีไทย ที่ทุนน้อยได้พบบายเออร์เพื่อเจรจาธุรกิจ ด้าน “ประชา” รับคำได้จัดงานแน่ สัญญาจะหางบให้
นายอภิชาติ สังฆอารี นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) ในฐานะตัวแทนสหพันธ์สมาคมท่องเที่ยวไทย หรือ เฟสต้า เปิดเผยภายหลังการนำตัวแทนเฟสต้า เข้าพบนายประชา มาลีนนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว ว่า เป็นการเข้าพบเพื่อแนะนำเฟสต้าให้รัฐมนตรีได้รู้จัก เพราะเป็นสหพันธ์ที่เพิ่งตั้งขึ้นมาใหม่ นอกจากนั้นยังถือโอกาสรับฟังนโยบาย และชี้แจงถึงปัญหาที่เกิดกับธุรกิจท่องเที่ยวเพื่อจะได้หาทางร่วมกันแก้ไข
เรื่องเร่งด่วนที่นำเสนอกับนายประชา ในครั้งนี้ คือเรื่องของความจำเป็นที่จะต้องให้มีการจัดงาน ไทยแลนด์ ทราเวล มาร์ท หรือ TTM ทั้งนี้เพราะได้รับทราบจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)เมื่อเร็วๆนี้ว่า ปีนี้ จะไม่มีการจัดงาน TTM เพราะ ททท.ไม่มีงบประมาณ แต่ทางผู้ประกอบการธุรกิจด้านการท่องเที่ยวยังมองเห็นว่า ประเทศไทยไม่ควรงดจัดงานนี้
โดยให้เหตุผล 3 ข้อหลัก คือ 1. เป็นกิจกรรมด้านการนำเสนอขายสินค้าทางการท่องเที่ยวที่ทุกประเทศมีการจัดทุกปี ดังนั้นไทยก็ควรที่จะต้องจัด 2. เป็นงานที่ประเทศไทยจะได้แสดงให้บายเออร์ที่เข้ามาร่วมงานได้เห็นการพัฒนาของแหล่งท่องเที่ยวในประเทศไทย และความพร้อมในการต้อนรับนักท่องเที่ยว เหมือนเป็นการให้เขามาอัพเดทข้อมูลโดยเห็นจากสถานที่จริง เพื่อประกอบการตัดสินใจในการเจรจาทางธุรกิจ และ 3.เป็นงานที่ให้โอกาสผู้ประกอบการรายเล็ก ที่ไม่มีเงินทุนออกไปโรดโชว์ต่างประเทศ ได้มาออกแสดงในงานนี้ให้ บายเออร์ได้เห็น ก่อให้เกิดการเจรจาทางธุรกิจ
ที่ผ่านมาประเทศไทยจัดงาน TTM เป็นเวลาติดต่อกันมาแล้ว 4 ปี โดยเมื่อปีก่อนเราเปิดให้ผู้จัดงานจากประเทศสิงคโปร์มาเป็นเจ้าภาพจัดงาน ซึ่งเขาได้นำบริษัททัวร์ต่างประเทศเข้ามาขายสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวของประเทศนั้นๆด้วย ซึ่งเราก็มองว่าไม่เหมาะ เพราะ TTM ถือเป็นงานของประเทศไทย ที่ต้องการโชว์ศักยภาพแหล่งท่องเที่ยวของประเทศไทย ดังนั้นจึงมองว่าประเทศไทยจะต้องเป็นผู้จัดงานเอง และภายในงานต้องเป็นสินค้าด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทยล้วนๆ ซึ่งสหพันธ์พร้อมให้ความร่วมมือเต็มที่
“เข้าใจว่างบที่จะใช้ในการจัดงานแต่ละครั้งน่าจะประมาณ 20 ล้านบาท ซึ่งจะต้องหาผู้สนับสนุนจากหลายฝ่าย เช่น ททท. การบินไทย เป็นต้น เพราะเราต้องเชิญบายเออร์หรือผู้ซื้อมาจากต่างประเทศ โดยให้ตั๋วเครื่องบินและที่พักฟรี พร้อมกับโปรแกรมนำเที่ยว ให้เขาได้ไปเห็นสถานที่จริง เพื่อจะได้นำสินค้าด้านการท่องเที่ยวของไทยไปขายได้ถูกต้อง ซึ่งจากการเข้าพบครั้งนี้ ท่านรัฐมนตรีฯประชา ก็ให้การตอบรับที่จะให้มีการจัดงาน TTM ในปีนี้อย่างแน่นอน โดยรับปากว่าจะหางบประมาณให้ ส่วนช่วงเวลาของการจัดงานน่าจะประมาณ เดือนสิงหาคม หรือกันยายนปีหน้า เพราะหากเลยช่วงนี้จะเข้าสู่ไฮน์ซีซั่น ซึ่งบายเออร์จะไม่ว่าง” นายอภิชาติ กล่าว
อย่างไรก็ตาม การจัดงาน TTM หรืองานที่เกี่ยวกับการเจรจาซื้อ-ขายสินค้าด้านการท่องเที่ยวอื่นๆ โดยส่วนตัวมองว่า อย่าไปคิดแค่ยอดรายได้ที่จะเกิดจากการเจรจาซื้อขายเท่านั้น แต่ต้องการให้มองกว้างไปถึงการเรียนรู้ของผู้ประกอบการ โดยเฉพาะการได้พูดคุยกับบายเออร์ หรือผู้ซื้อสินค้า เพื่อให้ทราบมุ่งมอง และรู้ถึงความเคลื่อนไหวของคู่แข่ง เพื่อผู้ประกอบการไทยจะได้มีการปรับตัวรับมือกับการแข่งขันที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ เพราะอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นอีกหนึ่งธุรกิจบริการที่ถูกบรรจุไว้ในข้อตกลงเปิดเขตการค้าเสรี หรือ FTA
นายอภิชาติ กล่าวอีกว่า นายประชา มาลีนนท์ ได้ถามเพื่อทำความเข้าใจถึงการก่อตั้ง เฟสต้า ว่าเป็นมาอย่างไร และการทำงานจะซ้ำซ้อนกับสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวหรือไม่ ตนจึงชี้แจงไปว่า เฟสต้า เป็นการรวมตัวของ 5 สมาคมผู้ประกอบการท่องเที่ยว ประกอบด้วย สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว สมาคมโรงแรมไทย สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ สมาคมท่องเที่ยวเชิงผจญภัยและอนุรักษ์ และ สมาคมไทยบริการท่องเที่ยว ซึ่ง แต่ละปี มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เข้าประเทศไทย โดยผ่านการดูแลรับรองผ่าน 5 สมาคม เป็นจำนวนกว่า 4 ล้านคนต่อปี หรือ 1 ใน 3 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาประเทศไทย ดังนั้นข้อมูลปัญหาที่เฟสต้านำเสนอ จะเป็นข้อมูลที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวฯสามารถนำไปใช้ประกอบการวิเคราะห์แผนยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยวได้
นายอภิชาติ สังฆอารี นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) ในฐานะตัวแทนสหพันธ์สมาคมท่องเที่ยวไทย หรือ เฟสต้า เปิดเผยภายหลังการนำตัวแทนเฟสต้า เข้าพบนายประชา มาลีนนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว ว่า เป็นการเข้าพบเพื่อแนะนำเฟสต้าให้รัฐมนตรีได้รู้จัก เพราะเป็นสหพันธ์ที่เพิ่งตั้งขึ้นมาใหม่ นอกจากนั้นยังถือโอกาสรับฟังนโยบาย และชี้แจงถึงปัญหาที่เกิดกับธุรกิจท่องเที่ยวเพื่อจะได้หาทางร่วมกันแก้ไข
เรื่องเร่งด่วนที่นำเสนอกับนายประชา ในครั้งนี้ คือเรื่องของความจำเป็นที่จะต้องให้มีการจัดงาน ไทยแลนด์ ทราเวล มาร์ท หรือ TTM ทั้งนี้เพราะได้รับทราบจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)เมื่อเร็วๆนี้ว่า ปีนี้ จะไม่มีการจัดงาน TTM เพราะ ททท.ไม่มีงบประมาณ แต่ทางผู้ประกอบการธุรกิจด้านการท่องเที่ยวยังมองเห็นว่า ประเทศไทยไม่ควรงดจัดงานนี้
โดยให้เหตุผล 3 ข้อหลัก คือ 1. เป็นกิจกรรมด้านการนำเสนอขายสินค้าทางการท่องเที่ยวที่ทุกประเทศมีการจัดทุกปี ดังนั้นไทยก็ควรที่จะต้องจัด 2. เป็นงานที่ประเทศไทยจะได้แสดงให้บายเออร์ที่เข้ามาร่วมงานได้เห็นการพัฒนาของแหล่งท่องเที่ยวในประเทศไทย และความพร้อมในการต้อนรับนักท่องเที่ยว เหมือนเป็นการให้เขามาอัพเดทข้อมูลโดยเห็นจากสถานที่จริง เพื่อประกอบการตัดสินใจในการเจรจาทางธุรกิจ และ 3.เป็นงานที่ให้โอกาสผู้ประกอบการรายเล็ก ที่ไม่มีเงินทุนออกไปโรดโชว์ต่างประเทศ ได้มาออกแสดงในงานนี้ให้ บายเออร์ได้เห็น ก่อให้เกิดการเจรจาทางธุรกิจ
ที่ผ่านมาประเทศไทยจัดงาน TTM เป็นเวลาติดต่อกันมาแล้ว 4 ปี โดยเมื่อปีก่อนเราเปิดให้ผู้จัดงานจากประเทศสิงคโปร์มาเป็นเจ้าภาพจัดงาน ซึ่งเขาได้นำบริษัททัวร์ต่างประเทศเข้ามาขายสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวของประเทศนั้นๆด้วย ซึ่งเราก็มองว่าไม่เหมาะ เพราะ TTM ถือเป็นงานของประเทศไทย ที่ต้องการโชว์ศักยภาพแหล่งท่องเที่ยวของประเทศไทย ดังนั้นจึงมองว่าประเทศไทยจะต้องเป็นผู้จัดงานเอง และภายในงานต้องเป็นสินค้าด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทยล้วนๆ ซึ่งสหพันธ์พร้อมให้ความร่วมมือเต็มที่
“เข้าใจว่างบที่จะใช้ในการจัดงานแต่ละครั้งน่าจะประมาณ 20 ล้านบาท ซึ่งจะต้องหาผู้สนับสนุนจากหลายฝ่าย เช่น ททท. การบินไทย เป็นต้น เพราะเราต้องเชิญบายเออร์หรือผู้ซื้อมาจากต่างประเทศ โดยให้ตั๋วเครื่องบินและที่พักฟรี พร้อมกับโปรแกรมนำเที่ยว ให้เขาได้ไปเห็นสถานที่จริง เพื่อจะได้นำสินค้าด้านการท่องเที่ยวของไทยไปขายได้ถูกต้อง ซึ่งจากการเข้าพบครั้งนี้ ท่านรัฐมนตรีฯประชา ก็ให้การตอบรับที่จะให้มีการจัดงาน TTM ในปีนี้อย่างแน่นอน โดยรับปากว่าจะหางบประมาณให้ ส่วนช่วงเวลาของการจัดงานน่าจะประมาณ เดือนสิงหาคม หรือกันยายนปีหน้า เพราะหากเลยช่วงนี้จะเข้าสู่ไฮน์ซีซั่น ซึ่งบายเออร์จะไม่ว่าง” นายอภิชาติ กล่าว
อย่างไรก็ตาม การจัดงาน TTM หรืองานที่เกี่ยวกับการเจรจาซื้อ-ขายสินค้าด้านการท่องเที่ยวอื่นๆ โดยส่วนตัวมองว่า อย่าไปคิดแค่ยอดรายได้ที่จะเกิดจากการเจรจาซื้อขายเท่านั้น แต่ต้องการให้มองกว้างไปถึงการเรียนรู้ของผู้ประกอบการ โดยเฉพาะการได้พูดคุยกับบายเออร์ หรือผู้ซื้อสินค้า เพื่อให้ทราบมุ่งมอง และรู้ถึงความเคลื่อนไหวของคู่แข่ง เพื่อผู้ประกอบการไทยจะได้มีการปรับตัวรับมือกับการแข่งขันที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ เพราะอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นอีกหนึ่งธุรกิจบริการที่ถูกบรรจุไว้ในข้อตกลงเปิดเขตการค้าเสรี หรือ FTA
นายอภิชาติ กล่าวอีกว่า นายประชา มาลีนนท์ ได้ถามเพื่อทำความเข้าใจถึงการก่อตั้ง เฟสต้า ว่าเป็นมาอย่างไร และการทำงานจะซ้ำซ้อนกับสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวหรือไม่ ตนจึงชี้แจงไปว่า เฟสต้า เป็นการรวมตัวของ 5 สมาคมผู้ประกอบการท่องเที่ยว ประกอบด้วย สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว สมาคมโรงแรมไทย สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ สมาคมท่องเที่ยวเชิงผจญภัยและอนุรักษ์ และ สมาคมไทยบริการท่องเที่ยว ซึ่ง แต่ละปี มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เข้าประเทศไทย โดยผ่านการดูแลรับรองผ่าน 5 สมาคม เป็นจำนวนกว่า 4 ล้านคนต่อปี หรือ 1 ใน 3 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาประเทศไทย ดังนั้นข้อมูลปัญหาที่เฟสต้านำเสนอ จะเป็นข้อมูลที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวฯสามารถนำไปใช้ประกอบการวิเคราะห์แผนยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยวได้