เปิดเบื้องหลังเด้ง ผอ.ช่อง 5 แฉผู้จัดรายการขัดขากันเอง วิ่งเต้นให้ทบทวนผังใหม่ วิเคราะห์ผังใหม่ส่งผล 3 ประเด็นหลัก รายการของ “สมัคร สุนทรเวช” หลุดผัง เผยอาร์.ที.เอ.ฯ ได้เวลากลับมาผงาดอีกครั้ง
แหล่งข่าวจากวงการโทรทัศน์ เปิดเผยถึงเบื้องหลังการโยกย้ายผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ช่อง 5 จากคนเก่า คือ พล.ท.มีชัย ห้องริ้ว ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา นั่งเก้าอี้ก้นยังไม่ทันร้อน มาเป็น พล.ท.วุฒิชัย พรพิบูลย์ ซึ่งรับตำแหน่งเป็นทางการเมื่อวันที่ 6 ธันวาคมที่ผ่านมาว่า น่าจะมีเบื้องหลังเรื่องผลประโยชน์ของผู้ประกอบการรายการโทรทัศน์ที่เกิดความไม่พอใจของผู้ประกอบการยักษ์ใหญ่รายหนึ่งในวงการโทรทัศน์ และมีความขัดแย้งกัน ซึ่งภายหลังมีการเปลี่ยนแปลงตัวผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ช่อง 5 ทำได้บริษัทดังกล่าวได้ผังรายการเพิ่มขึ้นทันที ส่งผลให้ผู้ประกอบการหลายรายไม่พอใจและมีการเรียกร้องให้มีการทบทวนผังรายการดังกล่าวใหม่
“การเด้ง ผอ.ช่อง 5 ออกไปเพราะไม่สนองตอบผังรายการที่บริษัทเอกชนต้องการ ถึงกับมีการวิ่งเต้นคนในรัฐบาล และกองทัพ ให้ปลด ผอ.ช่อง 5 เพื่อต้องการเวลาใหม่เพิ่มและดึงรายการที่เคยถูกถอดออกไปแล้วกลับมาอีกครั้งหนึ่ง” แหล่งข่าวคนเดียวกันกล่าว
แหล่งข่าวกล่าวต่อไปว่า ในการปรับผังรายการในช่อง 5 นั้น ผู้ประกอบการแต่ละรายที่จะเข้ามานั้นล้วนแต่มีเส้นและมีความสัมพันธ์กับคนในรัฐบาลทั้งสิ้น ล่าสุดมีบริษัทเอกชนที่เป็นคนที่มีสายสัมพันธ์และสนิทสนมกับลูกชายของผู้ใหญ่ในรัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พยายามจะเข้ามาเลือกเวลาที่ต้องการ แต่ตอนนี้ยังไม่มีความพร้อมที่จะเข้ามาทำรายการ คาดว่ามีการจับจองเวลาไว้ก่อนซึ่งคาดว่าจะเริ่มเข้าผังรายการใหม่ในกลางปีหน้า ซึ่งทำให้คนในช่อง 5 รู้สึกอึดอัดแต่ไม่สามารถโวยวายอะไรได้ เพราะหากโวยวายก็จะถูกเด้งเหมือนกับ ผอ.ช่อง 5 ที่ถูกย้ายฟ้าผ่าไปแล้ว
หากวิเคราะห์จากผังรายการใหม่ประจำปี 2549 ของช่อง 5 แล้ว มีการเปลี่ยนแปลงหลัก 3 ประเด็น คือ 1.ผู้ผลิตรายย่อยใหม่มีโอกาสแจ้งเกิด ขณะเดียวกัน ผู้ผลิตรายย่อยเดิมก็เจ็บตัว 2.ผู้ผลิตรายใหญ่ทั้งรายเก่าและรายใหม่ยึดเวลาไปครองแบบมีข้อกังขา 3.การสร้างโอกาสให้กับบริษัท อาร์.ที.เอ.โปรดักชั่น จำกัด ในเครือของช่อง 5 เองที่จะโชว์ฝีมือและขยายงานมากขึ้น
ถือเป็นเรื่องและแนวทางที่ถูกต้องแล้วที่ช่อง 5 จะยึดเกณฑ์ ข่าว 30% บันเทิง 30% และสาระ เยาวชน คุณภาพชีวิต 40% ตามนโยบายที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก กำชับมา
แต่ทำเอาผู้ผลิตรายย่อยๆ ต้องเจ็บตัวไม่น้อย อย่างบริษัท สแปลชเอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ผู้ผลิตรายการไออีโชว์ ดอทคอม ซึ่งถือเป็นรายการที่ดีมีสาระ กลับถูกโยกเวลาดีจากวันเสาร์ ช่วงประมาณ 10.00 น.ไปลงเวลา 16.00 น.ทุกวันอังคาร แต่เปิดทางให้รายการ “น้าติงมาแล้ว” ที่คาดว่าจะเป็นมวยปล้ำเข้ามาสวมแทน
หรือแม้แต่รายการที่เกี่ยวกับอาหาร ซึ่งแล้วแต่มุมองของคนบางคนก็ว่าไร้สาระ บางคนก็ว่าเป็นสาระเพราะสอนการทำอาหาร ซึ่งมี 5 รายการที่ถูกถอดออกไป ว่ากันว่าเป็นของเจ้าของรายเดียวที่เป็นผู้จัดรายย่อยที่เรียกกันว่า “น้าเหล่” ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างมาก เนื่องจากรายการหลุดจากผังโดยไม่ทันตั้งตัว
รายการของผู้จัดรายย่อยที่หลุดผังอีก เช่น รายการสวรรค์มีตา ของนายยุรนันท์ ภมรมนตรี รายการกล้าคิดกล้าทำของอรุณโรจน์ เลี่ยมทอง เป็นต้น
สิ่งเหล่านี้เป็นพียงตัวอย่างเล็กน้อยที่ต้องการคำตอบ
ขณะที่รายการ “เช้าวันนี้..ที่เมืองไทย” ที่มีนายสมัคร สุนทรเวช ดำเนินรายการคู่กับนายดุสิต ศิริวรรณ ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่นอยู่ฝ่ายเดียวตลอดรายการนั้น ก็ถูกถอดออกจากผังเช่นกัน แต่ก็มีกระแสข่าวว่ารายการนี้ถูกถอดแต่ก็อาจจะได้เวลาในช่วงอื่นที่ดีกว่า และได้เวลาที่นานขึ้นด้วยเพื่อออกอากาศรายการชื่อใหม่ แต่ทั้งนี้ก็ยังไม่เป็นที่ยืนยันแน่ชัด
แต่ที่กล่าวไว้ว่า ยังเป็นโอกาสให้กับผู้จัดรายย่อยใหม่ๆ ได้มีโอกาสแสดงฝีมือนั้น เช่น บริษัท แม็กซิม่า ผลิตรายการสถานีสนามเป้า วันจันทร์-วันพฤหัสบดี เวลา 07.10 น. รายการเปิดประเด็น วันจันทร์ และวันศุกร์ เวลา 23.30 น. บริษัท ซัคเซสเอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ผลิตรายการคุณช่วยได้ วันเสาร์ เวลา 12.20 น.
สำหรับประเด็นร้อนอีกประเด็น คือ รายใหญ่อย่าง เจเอสแอล กับ มีเดียออฟมีเดียส์ ที่ดูเหมือนจะอยู่กันในคนละอารมณ์
เจเอสแอล ต้องช้ำใจเมื่อรายการหลุดผังไป 2 รายการ ขณะที่ มีเดียออฟมีเดียส์ นั้นกลับมาผงาดโดยได้เวลาลงรายการเก่า 2 รายการ คือ บ้านเลขที่ 5 วันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 18.05 น. และรายการเวทีไท ส่วนรายการขอบอก ของเอ็กแซ็กท์ หลดุผัง
สำหรับปัญหาหนี้สินของมีเดียออฟมีเดียส์ ซึ่งมีภาระหนี้สินกับช่อง 5 กว่า 100 ล้านบาท ขณะนี้ทางบริษัทพยายามที่จะเข้ามาเคลียร์ปัญหากับผู้บริหารของช่อง 5 โดยการทยอยผ่อนชำระเป็นรายเดือน ซึ่งหนี้สินที่ค้างชำระส่วนใหญ่เป็นค่ายโฆษณาหลังรายการข่าว ทำให้ผู้บริหารของช่อง 5 ไม่กล้าตัดสินผังรายการของบริษัท มีเดียออฟมีเดีส์ ทิ้งเพราะเกรงว่าบริษัทจะไม่ชำระหนี้สินที่ค้างอยู่ใน ททบ.5
อีกรายอย่าง อาร์.เอส.โปรโมชั่น ก็น่าจับตามองไม่แพ้กัน
ว่ากันว่างานนี้ที่ผู้จัดหลายรายไม่พอใจ เนื่องจากว่ามีกระแสข่าวว่ามีผู้จัดบางรายไปเสนอขายเวลาโฆษณากับเอเยนซีแล้ว ทั้งๆ ที่ผังใหม่ยังไม่ประกาศและผู้จัดทุกรายยังไม่มีใครระแคะระคายว่ารายการตัวเองจะหลุดจากผัง และข่าวนั้นพุ่งเป้าไปที่ค่ายเพลงใหญ่ค่ายหนึ่งในไทย และมีสายสัมพันธ์อันดีกับช่อง 5 ไม่น้อย
แหล่งข่าวจากวงการทีวี กล่าวว่า ผังรายการในช่อง 5 ที่จะประกาศใช้ตั้งแต่เดือนมกราคาปี 49 ค่ายที่ได้ผังรายการมากสุด คือ ค่ายอาร์.เอส.ฯ ซึ่งเสนอรายการมาทั้งหมด 16 รายการได้เวลาทั้งหมด ตามมาด้วยค่ายแกรมมี่ ได้รายการ 9 รายการ และค่ายมีเดียออฟมีเดียส์ 4-5 รายการ ส่วนที่เหลือเป็นของเอกชนรายอื่นที่เสนอเข้ามาทั้งหมดกว่า 400 รายการ แต่ผังรายการที่ช่อง 5 สามารถพิจารณาได้เพียง 100 รายการเท่านั้น
“ต้องยอมรับว่าตอนนี้ค่ายอาร์.เอส.ฯมาแรง ผู้บริหารมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ใหญ่ในกองทัพ ทำให้สามารถเบียดผังรายการอื่นๆ ได้ และยังได้รายการทั้งหมดที่เสนอมา 16 รายการ ไม่มีการถูกตัดเลยสักรายการเดียว”
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ยังส่งผลให้ชื่อของบริษัท อาร์.ที.เอ.โปรดักชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของช่อง 5 โด่งดังขึ้นมาอีกครั้ง เพราะได้เวลาผลิตรายการมาก โดยเฉพาะในรายการประเภทข่าวสาร สาระ ซึ่งได้ผลิตรายการใหม่ คือ มองไทยรายวัน เข้ามาแทนที่รายการเดิม เช้าวันนี้...ที่เมืองไทย ที่เป็นรายการสด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 05.30-07.50 น.
ทั้งนี้ ยังมีรายการอื่นๆ อีกที่ช่อง 5 จะผลิตเอง ซึ่งแน่นอนว่าคงต้องอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของอาร์.ที.เอ.ฯ เป็นหลักอยู่แล้ว เช่น รายการร้อยใจไทยใต้ร่มเย็น วันจันทร์-วันพฤหัสบดี เวลา 08.00 น., รายการ 5 แยกแจกข่าว วันจันทร์-วันพฤหัสบดี เวลา 08.05 น., รายการสามัคคี 4 เหล่าทัพ วันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 20.05 น. อีกทั้งยังมีรายการข่าวทุกต้นชั่วโมงอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม การผลิตรายการเองของช่อง 5 ได้ยึดเอาเวลาส่วนหนึ่งจากรายการของผู้จัดบางรายคืนมาเพื่อให้รายการใหม่ๆ ดังกล่าวนี้ โดยรายการที่ถูกลดเวลาลง เช่น รายการชิงร้อยชิงล้าน รายการแฟนพันธุ์แท้ รายการเจาะใจ ซึ่งเดิมจะมีเวลาประมาณ 110 นาทีต่อรายการ ลดลงเหลือ 80 นาที
จากการผลิตรายการเองนี้ ส่งผลทางช่อง 5 มีสัดส่วนรายการที่ผลิตเองประมาณ 30% จากเวลาทั้งหมด จากเดิมที่ในปี 2548 นี้มีสัดส่วนประมาณ 22%
ผังรายการใหม่นี้จะช่วยให้ช่อง 5 สามารถขยับเรตติ้งขึ้นมากได้มากน้อยเพียงใด ไม่ใช่สาระสำคัญ แต่ประเด็นหลักอยู่ที่จะสามารถลบคำครหากับความสงสัยที่คาใจผู้จัดรายการหลายรายได้หรือไม่ว่า รายการที่เข้ารอบมาอยู่ในผังใหม่นี้นั้นเป็นรายการที่ดีตามนโยบายจริงๆ ถึงขนาดรายการเก่าที่ดีๆ ต้องถูกเด้งออกไป
แหล่งข่าวจากวงการโทรทัศน์ เปิดเผยถึงเบื้องหลังการโยกย้ายผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ช่อง 5 จากคนเก่า คือ พล.ท.มีชัย ห้องริ้ว ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา นั่งเก้าอี้ก้นยังไม่ทันร้อน มาเป็น พล.ท.วุฒิชัย พรพิบูลย์ ซึ่งรับตำแหน่งเป็นทางการเมื่อวันที่ 6 ธันวาคมที่ผ่านมาว่า น่าจะมีเบื้องหลังเรื่องผลประโยชน์ของผู้ประกอบการรายการโทรทัศน์ที่เกิดความไม่พอใจของผู้ประกอบการยักษ์ใหญ่รายหนึ่งในวงการโทรทัศน์ และมีความขัดแย้งกัน ซึ่งภายหลังมีการเปลี่ยนแปลงตัวผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ช่อง 5 ทำได้บริษัทดังกล่าวได้ผังรายการเพิ่มขึ้นทันที ส่งผลให้ผู้ประกอบการหลายรายไม่พอใจและมีการเรียกร้องให้มีการทบทวนผังรายการดังกล่าวใหม่
“การเด้ง ผอ.ช่อง 5 ออกไปเพราะไม่สนองตอบผังรายการที่บริษัทเอกชนต้องการ ถึงกับมีการวิ่งเต้นคนในรัฐบาล และกองทัพ ให้ปลด ผอ.ช่อง 5 เพื่อต้องการเวลาใหม่เพิ่มและดึงรายการที่เคยถูกถอดออกไปแล้วกลับมาอีกครั้งหนึ่ง” แหล่งข่าวคนเดียวกันกล่าว
แหล่งข่าวกล่าวต่อไปว่า ในการปรับผังรายการในช่อง 5 นั้น ผู้ประกอบการแต่ละรายที่จะเข้ามานั้นล้วนแต่มีเส้นและมีความสัมพันธ์กับคนในรัฐบาลทั้งสิ้น ล่าสุดมีบริษัทเอกชนที่เป็นคนที่มีสายสัมพันธ์และสนิทสนมกับลูกชายของผู้ใหญ่ในรัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พยายามจะเข้ามาเลือกเวลาที่ต้องการ แต่ตอนนี้ยังไม่มีความพร้อมที่จะเข้ามาทำรายการ คาดว่ามีการจับจองเวลาไว้ก่อนซึ่งคาดว่าจะเริ่มเข้าผังรายการใหม่ในกลางปีหน้า ซึ่งทำให้คนในช่อง 5 รู้สึกอึดอัดแต่ไม่สามารถโวยวายอะไรได้ เพราะหากโวยวายก็จะถูกเด้งเหมือนกับ ผอ.ช่อง 5 ที่ถูกย้ายฟ้าผ่าไปแล้ว
หากวิเคราะห์จากผังรายการใหม่ประจำปี 2549 ของช่อง 5 แล้ว มีการเปลี่ยนแปลงหลัก 3 ประเด็น คือ 1.ผู้ผลิตรายย่อยใหม่มีโอกาสแจ้งเกิด ขณะเดียวกัน ผู้ผลิตรายย่อยเดิมก็เจ็บตัว 2.ผู้ผลิตรายใหญ่ทั้งรายเก่าและรายใหม่ยึดเวลาไปครองแบบมีข้อกังขา 3.การสร้างโอกาสให้กับบริษัท อาร์.ที.เอ.โปรดักชั่น จำกัด ในเครือของช่อง 5 เองที่จะโชว์ฝีมือและขยายงานมากขึ้น
ถือเป็นเรื่องและแนวทางที่ถูกต้องแล้วที่ช่อง 5 จะยึดเกณฑ์ ข่าว 30% บันเทิง 30% และสาระ เยาวชน คุณภาพชีวิต 40% ตามนโยบายที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก กำชับมา
แต่ทำเอาผู้ผลิตรายย่อยๆ ต้องเจ็บตัวไม่น้อย อย่างบริษัท สแปลชเอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ผู้ผลิตรายการไออีโชว์ ดอทคอม ซึ่งถือเป็นรายการที่ดีมีสาระ กลับถูกโยกเวลาดีจากวันเสาร์ ช่วงประมาณ 10.00 น.ไปลงเวลา 16.00 น.ทุกวันอังคาร แต่เปิดทางให้รายการ “น้าติงมาแล้ว” ที่คาดว่าจะเป็นมวยปล้ำเข้ามาสวมแทน
หรือแม้แต่รายการที่เกี่ยวกับอาหาร ซึ่งแล้วแต่มุมองของคนบางคนก็ว่าไร้สาระ บางคนก็ว่าเป็นสาระเพราะสอนการทำอาหาร ซึ่งมี 5 รายการที่ถูกถอดออกไป ว่ากันว่าเป็นของเจ้าของรายเดียวที่เป็นผู้จัดรายย่อยที่เรียกกันว่า “น้าเหล่” ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างมาก เนื่องจากรายการหลุดจากผังโดยไม่ทันตั้งตัว
รายการของผู้จัดรายย่อยที่หลุดผังอีก เช่น รายการสวรรค์มีตา ของนายยุรนันท์ ภมรมนตรี รายการกล้าคิดกล้าทำของอรุณโรจน์ เลี่ยมทอง เป็นต้น
สิ่งเหล่านี้เป็นพียงตัวอย่างเล็กน้อยที่ต้องการคำตอบ
ขณะที่รายการ “เช้าวันนี้..ที่เมืองไทย” ที่มีนายสมัคร สุนทรเวช ดำเนินรายการคู่กับนายดุสิต ศิริวรรณ ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่นอยู่ฝ่ายเดียวตลอดรายการนั้น ก็ถูกถอดออกจากผังเช่นกัน แต่ก็มีกระแสข่าวว่ารายการนี้ถูกถอดแต่ก็อาจจะได้เวลาในช่วงอื่นที่ดีกว่า และได้เวลาที่นานขึ้นด้วยเพื่อออกอากาศรายการชื่อใหม่ แต่ทั้งนี้ก็ยังไม่เป็นที่ยืนยันแน่ชัด
แต่ที่กล่าวไว้ว่า ยังเป็นโอกาสให้กับผู้จัดรายย่อยใหม่ๆ ได้มีโอกาสแสดงฝีมือนั้น เช่น บริษัท แม็กซิม่า ผลิตรายการสถานีสนามเป้า วันจันทร์-วันพฤหัสบดี เวลา 07.10 น. รายการเปิดประเด็น วันจันทร์ และวันศุกร์ เวลา 23.30 น. บริษัท ซัคเซสเอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ผลิตรายการคุณช่วยได้ วันเสาร์ เวลา 12.20 น.
สำหรับประเด็นร้อนอีกประเด็น คือ รายใหญ่อย่าง เจเอสแอล กับ มีเดียออฟมีเดียส์ ที่ดูเหมือนจะอยู่กันในคนละอารมณ์
เจเอสแอล ต้องช้ำใจเมื่อรายการหลุดผังไป 2 รายการ ขณะที่ มีเดียออฟมีเดียส์ นั้นกลับมาผงาดโดยได้เวลาลงรายการเก่า 2 รายการ คือ บ้านเลขที่ 5 วันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 18.05 น. และรายการเวทีไท ส่วนรายการขอบอก ของเอ็กแซ็กท์ หลดุผัง
สำหรับปัญหาหนี้สินของมีเดียออฟมีเดียส์ ซึ่งมีภาระหนี้สินกับช่อง 5 กว่า 100 ล้านบาท ขณะนี้ทางบริษัทพยายามที่จะเข้ามาเคลียร์ปัญหากับผู้บริหารของช่อง 5 โดยการทยอยผ่อนชำระเป็นรายเดือน ซึ่งหนี้สินที่ค้างชำระส่วนใหญ่เป็นค่ายโฆษณาหลังรายการข่าว ทำให้ผู้บริหารของช่อง 5 ไม่กล้าตัดสินผังรายการของบริษัท มีเดียออฟมีเดีส์ ทิ้งเพราะเกรงว่าบริษัทจะไม่ชำระหนี้สินที่ค้างอยู่ใน ททบ.5
อีกรายอย่าง อาร์.เอส.โปรโมชั่น ก็น่าจับตามองไม่แพ้กัน
ว่ากันว่างานนี้ที่ผู้จัดหลายรายไม่พอใจ เนื่องจากว่ามีกระแสข่าวว่ามีผู้จัดบางรายไปเสนอขายเวลาโฆษณากับเอเยนซีแล้ว ทั้งๆ ที่ผังใหม่ยังไม่ประกาศและผู้จัดทุกรายยังไม่มีใครระแคะระคายว่ารายการตัวเองจะหลุดจากผัง และข่าวนั้นพุ่งเป้าไปที่ค่ายเพลงใหญ่ค่ายหนึ่งในไทย และมีสายสัมพันธ์อันดีกับช่อง 5 ไม่น้อย
แหล่งข่าวจากวงการทีวี กล่าวว่า ผังรายการในช่อง 5 ที่จะประกาศใช้ตั้งแต่เดือนมกราคาปี 49 ค่ายที่ได้ผังรายการมากสุด คือ ค่ายอาร์.เอส.ฯ ซึ่งเสนอรายการมาทั้งหมด 16 รายการได้เวลาทั้งหมด ตามมาด้วยค่ายแกรมมี่ ได้รายการ 9 รายการ และค่ายมีเดียออฟมีเดียส์ 4-5 รายการ ส่วนที่เหลือเป็นของเอกชนรายอื่นที่เสนอเข้ามาทั้งหมดกว่า 400 รายการ แต่ผังรายการที่ช่อง 5 สามารถพิจารณาได้เพียง 100 รายการเท่านั้น
“ต้องยอมรับว่าตอนนี้ค่ายอาร์.เอส.ฯมาแรง ผู้บริหารมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ใหญ่ในกองทัพ ทำให้สามารถเบียดผังรายการอื่นๆ ได้ และยังได้รายการทั้งหมดที่เสนอมา 16 รายการ ไม่มีการถูกตัดเลยสักรายการเดียว”
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ยังส่งผลให้ชื่อของบริษัท อาร์.ที.เอ.โปรดักชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของช่อง 5 โด่งดังขึ้นมาอีกครั้ง เพราะได้เวลาผลิตรายการมาก โดยเฉพาะในรายการประเภทข่าวสาร สาระ ซึ่งได้ผลิตรายการใหม่ คือ มองไทยรายวัน เข้ามาแทนที่รายการเดิม เช้าวันนี้...ที่เมืองไทย ที่เป็นรายการสด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 05.30-07.50 น.
ทั้งนี้ ยังมีรายการอื่นๆ อีกที่ช่อง 5 จะผลิตเอง ซึ่งแน่นอนว่าคงต้องอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของอาร์.ที.เอ.ฯ เป็นหลักอยู่แล้ว เช่น รายการร้อยใจไทยใต้ร่มเย็น วันจันทร์-วันพฤหัสบดี เวลา 08.00 น., รายการ 5 แยกแจกข่าว วันจันทร์-วันพฤหัสบดี เวลา 08.05 น., รายการสามัคคี 4 เหล่าทัพ วันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 20.05 น. อีกทั้งยังมีรายการข่าวทุกต้นชั่วโมงอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม การผลิตรายการเองของช่อง 5 ได้ยึดเอาเวลาส่วนหนึ่งจากรายการของผู้จัดบางรายคืนมาเพื่อให้รายการใหม่ๆ ดังกล่าวนี้ โดยรายการที่ถูกลดเวลาลง เช่น รายการชิงร้อยชิงล้าน รายการแฟนพันธุ์แท้ รายการเจาะใจ ซึ่งเดิมจะมีเวลาประมาณ 110 นาทีต่อรายการ ลดลงเหลือ 80 นาที
จากการผลิตรายการเองนี้ ส่งผลทางช่อง 5 มีสัดส่วนรายการที่ผลิตเองประมาณ 30% จากเวลาทั้งหมด จากเดิมที่ในปี 2548 นี้มีสัดส่วนประมาณ 22%
ผังรายการใหม่นี้จะช่วยให้ช่อง 5 สามารถขยับเรตติ้งขึ้นมากได้มากน้อยเพียงใด ไม่ใช่สาระสำคัญ แต่ประเด็นหลักอยู่ที่จะสามารถลบคำครหากับความสงสัยที่คาใจผู้จัดรายการหลายรายได้หรือไม่ว่า รายการที่เข้ารอบมาอยู่ในผังใหม่นี้นั้นเป็นรายการที่ดีตามนโยบายจริงๆ ถึงขนาดรายการเก่าที่ดีๆ ต้องถูกเด้งออกไป