รมว.คลังชี้แจงการออกตั๋วเงินคลังอีก 100,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการสำรองสภาพคล่องและเป็นวิธีการบริหารกระแสเงินสดตามปกติ แต่ยอมรับการออกตั๋วเงินคลังเพราะเงินคงคลังไม่พอ เนื่องจากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณมาก รวมทั้งการใช้จ่ายงบประมาณจากปีงบประมาณอื่นๆ ก่อนหน้านี้
นายทนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงการออกตั๋วเงินคงคลังอีกจำนวน 100,000 ล้านบาท ว่า การออกตั๋วเงินคงคลังเท่ากับเป็นการขอวงเงินโอดี หรือสแตนบายเครดิตเพิ่มขึ้นเท่านั้น ไม่ได้นำมาใช้ทั้งหมด โดยการขอออกตั๋วเงินคงคลังเพิ่มครั้งนี้เนื่องจากเงินคงคลังไม่พอ เพราะที่ผ่านมามีการเร่งรัดการใช้จ่ายเงินงบประมาณปี 2548 ที่สามารถเบิกจ่ายได้สูงถึงร้อยละ 92 นอกจากนี้ยังมีเงินที่รัฐต้องนำมาใช้จ่ายกรณีฉุกเฉิน ซึ่งไม่ได้อยู่ในวงเงินงบประมาณเช่น กรณีเหตุการณ์สึนามิ และยังมีเงินงบประมาณผูกพันจากปีงบประมาณ 2546 และ 2547 ซึ่งนำมาใช้จ่ายในปีงบประมาณ 2548 อีกจำนวนมาก และในปี 2549 รัฐบาลได้ตั้งเป้าการเบิกจ่ายเงินงบประมาณไว้มากถึงร้อยละ 93
นายทนง กล่าวว่า การขอวงเงินกู้เพิ่มเพื่อบริหารกระแสเงินสดของประเทศ ไม่ได้นำมาใช้จนหมดภายในครั้งเดียว เนื่องจากการจัดเก็บรายได้ของประเทศไม่ได้จัดเก็บรายได้เท่ากันทุกๆ ไตรมาสหรือเท่ากันทุกเดือน ขณะที่ต้องเร่งรัดเบิกจ่ายเงินงบประมาณให้ได้ รวมถึงมีเงินนอกงบประมาณที่ต้องใช้ อาทิ สำหรับการเกษียณอายุราชการ เงินเบี้ยหวัดบำนาญ ซึ่งบางครั้งไม่เพียงพอกับจำนวนรายได้ที่เข้ามา จึงต้องขอวงเงินโอดีจากรัฐบาลเพิ่มเติมไว้เผื่อเหลือเผื่อขาด ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติของการบริหารเงินไม่ว่าจะเป็นธุรกิจหรืองบประมาณของประเทศก็ตาม ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลไม่มีเงิน แต่เป็นเรื่องของกระแสเงินสดเท่านั้น ซึ่งตามปกติกระทรวงการคลังก็ขอวงเงินเพิ่มจากคณะรัฐมนตรีอยู่แล้ว และการออกตั๋วเงินคลังจะมีอายุสั้นเช่น ระยะ 1 เดือน 3 เดือน หรือ 6 เดือน ซึ่งตามปกติกระทรวงการคลังจะดำรงเงินคงคลังไว้ประมาณ 10 วันทำการ หรือประมาณ 50,000 ล้านบาท
นายทนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงการออกตั๋วเงินคงคลังอีกจำนวน 100,000 ล้านบาท ว่า การออกตั๋วเงินคงคลังเท่ากับเป็นการขอวงเงินโอดี หรือสแตนบายเครดิตเพิ่มขึ้นเท่านั้น ไม่ได้นำมาใช้ทั้งหมด โดยการขอออกตั๋วเงินคงคลังเพิ่มครั้งนี้เนื่องจากเงินคงคลังไม่พอ เพราะที่ผ่านมามีการเร่งรัดการใช้จ่ายเงินงบประมาณปี 2548 ที่สามารถเบิกจ่ายได้สูงถึงร้อยละ 92 นอกจากนี้ยังมีเงินที่รัฐต้องนำมาใช้จ่ายกรณีฉุกเฉิน ซึ่งไม่ได้อยู่ในวงเงินงบประมาณเช่น กรณีเหตุการณ์สึนามิ และยังมีเงินงบประมาณผูกพันจากปีงบประมาณ 2546 และ 2547 ซึ่งนำมาใช้จ่ายในปีงบประมาณ 2548 อีกจำนวนมาก และในปี 2549 รัฐบาลได้ตั้งเป้าการเบิกจ่ายเงินงบประมาณไว้มากถึงร้อยละ 93
นายทนง กล่าวว่า การขอวงเงินกู้เพิ่มเพื่อบริหารกระแสเงินสดของประเทศ ไม่ได้นำมาใช้จนหมดภายในครั้งเดียว เนื่องจากการจัดเก็บรายได้ของประเทศไม่ได้จัดเก็บรายได้เท่ากันทุกๆ ไตรมาสหรือเท่ากันทุกเดือน ขณะที่ต้องเร่งรัดเบิกจ่ายเงินงบประมาณให้ได้ รวมถึงมีเงินนอกงบประมาณที่ต้องใช้ อาทิ สำหรับการเกษียณอายุราชการ เงินเบี้ยหวัดบำนาญ ซึ่งบางครั้งไม่เพียงพอกับจำนวนรายได้ที่เข้ามา จึงต้องขอวงเงินโอดีจากรัฐบาลเพิ่มเติมไว้เผื่อเหลือเผื่อขาด ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติของการบริหารเงินไม่ว่าจะเป็นธุรกิจหรืองบประมาณของประเทศก็ตาม ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลไม่มีเงิน แต่เป็นเรื่องของกระแสเงินสดเท่านั้น ซึ่งตามปกติกระทรวงการคลังก็ขอวงเงินเพิ่มจากคณะรัฐมนตรีอยู่แล้ว และการออกตั๋วเงินคลังจะมีอายุสั้นเช่น ระยะ 1 เดือน 3 เดือน หรือ 6 เดือน ซึ่งตามปกติกระทรวงการคลังจะดำรงเงินคงคลังไว้ประมาณ 10 วันทำการ หรือประมาณ 50,000 ล้านบาท