ธนาคารกสิกรไทยชี้แนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปีหน้าชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจคาดบ้านใหม่ออกสู่ตลาดไม่เกิน 60,000 ยูนิต โดยเน้นราคาเฉลี่ย 2 - 5 ล้านบาท ขณะที่สถาบันการเงินเน้นให้การสนับสนุนเฉพาะผู้ประกอบการหน้าเก่า หวั่นหน้าใหม่ทำเอ็นพีแอลเพิ่มขึ้น ส่วนบ้านยอดนิยมต้องอยู่บนพื้นที่ใจกลางเมือง และมีเส้นทางรถไฟฟ้าผ่าน
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์และการตลาดสินเชื่อผู้บริโภค ธนาคารกสิกรไทย กล่าวถึงแนวโน้มของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2549 ว่า การเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะมีการชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจ แต่คาดว่าอัตราการเกิดขึ้นของบ้านใหม่น่าจะมีอัตราเฉลี่ยประมาณ 60,000 ยูนิต ขณะที่บ้านมือสองก็ยังมีมูลค่าประมาณ 200,000 ล้านบาทที่ยังรอการจำหน่าย และราคาบ้านปีหน้าจะมีการก่อสร้างในขนาดที่เล็กลงกว่าปีนี้ ราคาส่วนใหญ่จะเฉลี่ย 2 - 5 ล้านบาท จากอัตราเฉลี่ยเดิมที่เน้นประมาณ 3 - 5 ล้านบาท และที่อยู่อาศัยที่น่าจะได้รับความนิยมมากต้องตั้งอยู่ในพื้นที่ใจกลางเมือง ใกล้เส้นทางรถไฟฟ้า การเดินทางสะดวก เพราะปัญหาราคาน้ำมันที่แพงขึ้นส่งผลให้ผู้บริโภคไม่ต้องการซื้อบ้านในพื้นที่ชานเมือง แม้ว่าจะมีราคาถูกกว่าบ้านในเมืองก็ตาม
นายชาติชาย กล่าวว่า การชะลอตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไม่ใช้สิ่งผิดปกติของเศรษฐกิจ ถือว่าเป็นวงจรปกติ เมื่อภาพรวมมีการชะลอตัวธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ก็ต้องชะลอตัวตาม แต่ไม่ใช่ชะลออย่างรุนแรง เพราะโดยเฉลี่ยจำนวนบ้านใหม่จะยังคงมีจำนวนประมาณ 60,000 ยูนิต แต่ผู้ประกอบการรายใหม่ยังมีน้อยเพราะสถาบันการเงินที่ให้บริการสินเชื่อจะเน้นความน่าเชื่อของผู้ประกอบการมากกว่าในอดีต เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือเอ็นพีแอลในระบบ
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์และการตลาดสินเชื่อผู้บริโภค ธนาคารกสิกรไทย กล่าวถึงแนวโน้มของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2549 ว่า การเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะมีการชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจ แต่คาดว่าอัตราการเกิดขึ้นของบ้านใหม่น่าจะมีอัตราเฉลี่ยประมาณ 60,000 ยูนิต ขณะที่บ้านมือสองก็ยังมีมูลค่าประมาณ 200,000 ล้านบาทที่ยังรอการจำหน่าย และราคาบ้านปีหน้าจะมีการก่อสร้างในขนาดที่เล็กลงกว่าปีนี้ ราคาส่วนใหญ่จะเฉลี่ย 2 - 5 ล้านบาท จากอัตราเฉลี่ยเดิมที่เน้นประมาณ 3 - 5 ล้านบาท และที่อยู่อาศัยที่น่าจะได้รับความนิยมมากต้องตั้งอยู่ในพื้นที่ใจกลางเมือง ใกล้เส้นทางรถไฟฟ้า การเดินทางสะดวก เพราะปัญหาราคาน้ำมันที่แพงขึ้นส่งผลให้ผู้บริโภคไม่ต้องการซื้อบ้านในพื้นที่ชานเมือง แม้ว่าจะมีราคาถูกกว่าบ้านในเมืองก็ตาม
นายชาติชาย กล่าวว่า การชะลอตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไม่ใช้สิ่งผิดปกติของเศรษฐกิจ ถือว่าเป็นวงจรปกติ เมื่อภาพรวมมีการชะลอตัวธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ก็ต้องชะลอตัวตาม แต่ไม่ใช่ชะลออย่างรุนแรง เพราะโดยเฉลี่ยจำนวนบ้านใหม่จะยังคงมีจำนวนประมาณ 60,000 ยูนิต แต่ผู้ประกอบการรายใหม่ยังมีน้อยเพราะสถาบันการเงินที่ให้บริการสินเชื่อจะเน้นความน่าเชื่อของผู้ประกอบการมากกว่าในอดีต เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือเอ็นพีแอลในระบบ