xs
xsm
sm
md
lg

บอร์ด อคส.สั่งฟันกลุ่มทุจริตปลอมปนข้าวหอมมะลิ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บอร์ดองค์การคลังสินค้าสั่งฟันทุจริตปลอมปนข้าวหอมมะลิ เตรียมส่งผลสรุปให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติสวบสวนหาผู้กระทำผิด เพื่อดำเนินคดีทางแพ่งและอาญาควบคู่กับการส่งเรื่องให้อัยการหาช่องดำเนินคดี หลังพบสัญญามีช่องโหว่อยู่มาก และเร่งรัดให้ อคส.ติดตามทวงเงินจากลูกหนี้กว่า 1,000 ล้านบาท ที่เกิดจากโครงการของ คชก.และธงฟ้าคืนมาให้ได้ เพื่อบริหารองค์กรให้มีกำไร คาดปีนี้กำไร 53 ล้านบาท

นายปานปรีย์ พหิทธานุกร ผู้แทนการค้าไทยและในฐานะประธานคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า (อคส.)เปิดเผยภายหลังการประชุมบอร์ด อคส.ว่า ที่ประชุมมีการพิจารณาผลตรวจสอบการปลอมปนข้าวหอมมะลิในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปีในฤดูกาลผลิต 2547/2548 ตามผลสรุปของคณะกรรมการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวที่มี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียเวส จเรตำรวจ ในฐานะประธานจัดส่งมาให้ โดยพบการปลอมปนรวมทั้งหมด 57 โกดัง ปริมาณ 495,676 ตัน ดังนั้น จึงได้สั่งการให้ นายนภศูล อังคทะวานิช ผู้อำนวยการ อคส.ดำเนินการร้องทุกข์ทางแพ่งและอาญากับสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยเร็วที่สุด เนื่องจาก อคส.เป็นผู้เสียหาย จากเรื่องที่เกิดขึ้นนี้เพิ่มเติมจากเดิมที่ได้ส่งเรื่องดังกล่าวให้ทางสำนักอัยการสูงสุดตีความเพื่อขอความเห็นในการดำเนินคดีสามารถทำได้อย่างไร

“เรื่องการจัดการปัญหาโกดังที่ปลอมปนข้าวตามความเห็นของที่ประชุมบอร์ดได้แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่งเรื่องให้สำนักอัยการสูงสุดทำควบคู่ไปกับร้องทุกข์ทางแพ่งและอาญา ซึ่งที่ผ่านมา อคส.ได้ทำเรื่องไปถึงอัยการแล้ว เพื่อขอความเห็นเกี่ยวกับขั้นตอนการดำเนินคดีจะต้องทำอย่างไรบ้าง เพราะ อคส.ไม่แน่ใจในสัญญาว่าจะสามารถเอาผิดได้หรือไม่ จึงต้องส่งเรื่องให้อัยการตีความ แต่ทางบอร์ดเห็นว่า อคส.เป็นผู้ได้รับความเสียหาย แม้จะยังไม่ทราบว่าการปลอมปนเกิดขึ้นจากส่วนใดก็ต้องส่งเรื่องให้ทางตำรวจเป็นผู้สอบสวน เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด ซึ่งหลังจากนี้ทุกอย่างจะเข้าตามกระบวนการของกฎหมายในการหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ได้” นายปานปรีย์ กล่าว

นายปานปรีย์ กล่าวอีกว่า ที่ประชุมยังได้สั่งการให้ทาง อคส.ไปเร่งรัดในการติดตามหนี้สินที่ อคส.มีอยู่ประมาณ 1,000 ล้านบาท แบ่งเป็นลูกหนี้ในส่วนของ อคส.ที่เกิดจากการดำเนินโครงการธงฟ้าจำนวน 37 ล้านบาท ที่เหลือเป็นลูกหนี้ที่เกิดจากการดำเนินโครงการตามมติของคณะกรรมการนโยบายช่วยเหลือเกษตร (คชก.) ประมาณกว่า 900 ล้านบาทให้มีการติดตามหนี้ทั้งหมดกลับคืนมาโดยเร็วที่สุด เพราะต่อไป อคส.จะต้องบริหารองค์กรแบบธุรกิจที่มีกำไร คาดว่าปี 2548 อคส.จะมีกำไรทั้งหมด 53 ล้านบาท จากปี 2547 ที่ขาดทุน 2.8 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายว่าปี 2549 จะต้องมีกำไรเพิ่มขึ้นมากกว่าปีนี้ ซึ่งก็ได้สั่งการให้ อคส.ไปปรับปรุงการบริหารในส่วนที่มีกำไรให้มีประสิทธิภาพแล้ว

สำหรับธุรกิจส่วนใดที่บริหารแล้วขาดทุน ก็ต้องทำให้มีกำไรขึ้นมา ดังนั้น ทาง อคส.จึงได้ขออนุมัติงบประมาณจำนวน 14 ล้านบาท ไปปรับปรุงห้องเย็นที่มีอยู่ให้สามารถนำมาทำธุรกิจให้มีกำไรได้ต่อไป ส่วนการจัดตั้งบริษัทลูกขึ้นมาทำธุรกิจทางด้านการค้าต่างประเทศตามนโยบายของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์นั้นที่ประชุมได้สั่งให้ อคส.ไปจัดทำแผนให้แล้วเสร็จว่าจะมีวิธีดำเนินการอย่างไรบ้าง และจะต้องให้แล้วเสร็จโดยเร็วนำมารายงานผลในที่ประชุมบอร์ดครั้งหน้ารับทราบ

“การประชุมครั้งนี้ อคส.ยังได้เสนอบอร์ดที่จะขอใช้วิธีเช่าช่วงคลังสินค้ามาใช้งาน ซึ่งบอร์ดไม่เห็นด้วย เพราะต้องการให้ อคส.ทำสัญญาเฉพาะรายไป โดยหากจะใช้วิธีการเช่าช่วงคลังสินค้าจะต้องขออนุมัติเป็นกรณีไป” นายปานปรีย์ กล่าว

นายนภศูล กล่าวว่า ภายในสัปดาห์นี้จะสามารถส่งคำร้องไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้สอบสวนผลการปลอมปนข้าวหอมมะลิให้กับ อคส.ได้ โดยตามคำร้องที่จะจัดส่งให้ตำรวจนั้นจะแจ้งความว่า อคส.พบปัญหาการปลอมปนจากข้าวที่ฝากเก็บไว้กับเจ้าของโกดัง ซึ่งขั้นตอนของตำรวจจะต้องไปสืบพยานในทางลับ เพื่อหาการทุจริตที่เกิดขึ้นในการดำเนินคดีทางกฎหมายให้เร็วที่สุด
กำลังโหลดความคิดเห็น