กรมการขนส่งทางบกเลื่อนจับจักรยานยนต์รับจ้างป้ายดำวิ่งรับจ้างสาธารณะจากเดิมจะเริ่มจับ 7 ก.ย.48 เป็นเริ่มจับ 7 มี.ค.49 เหตุเพราะออกกฎกระทรวงคมนาคมที่เกี่ยวข้อง 9 ฉบับไม่ทัน คาดว่า กฎกระทรวงจะมีผลบังคับใช้ทั้งหมดภายใน ต.ค.นี้ ส่วนค่าโดยสารที่ถูกร้องเรียนว่า แพงเป็นหน้าที่คณะกรรมการแต่ละจังหวัดจะผู้กำหนดต่อไป
นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ตามที่ประชาชนร้องเรียนผ่านสายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 เรื่อง รถจักรยานยนต์รับจ้างเก็บค่าโดยสารแพง ทางกระทรวงพาณิชย์ ไม่มีอำนาจดูแล จึงประสานงานไปยัง นายปิยะพันธ์ จำปาสุต อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เพื่อหารือถึงแนวทางแก้ไข จากการหารือสรุปได้ว่า กรมการขนส่งทางบกอยู่ระหว่างรอให้กฎกระทรวงที่เกี่ยวข้องมีผลบังคับใช้ก่อน ซึ่งหลังจากนั้นจะมีคณะกรรมการระดับจังหวัดเข้ามาดูแลต่อไป
ด้านนายปิยะพันธ์ จำปาสุต อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า กฎกระทรวงคมนาคมที่เกี่ยวข้องกับการดูแลรถจักรยานยนต์รับจ้างสาธารณะมี 9 ฉบับ คาดว่า จะมีผลบังคับใช้เป็นกฎหมายภายในเดือนตุลาคมนี้ หลังจากนั้นต้องมีเวลาให้จ้างของรถจักรยานยนต์นำรถไปจดทะเบียนก่อน และขอใบขับขี่รถสาธารณะด้วย จากนั้นกรมการขนส่งทางบกจะเริ่มเข้มงวดและจับกุมรถจักรยานยนต์ที่ไม่จดทะเบียนเป็นรถรับจ้างสาธารณะ หรือไม่จดทะเบีนยเป็นรถจักรยานยนต์ป้ายเหลืองต่อไป ซึ่งจากการที่กฎกระทรวงออกมาล่าช้า เดิมกรมการขนส่งทางบกจะเริ่มจับกุม ตั้งแต่วันที่ 7 กันยายนที่ผ่านมา ก็จะเลื่อนไปเป็นวันที่ 7 มีนาคม 2549 แทน
นายปิยะพันธ์ กล่าวว่า ปัจจุบันมีรถจักรยานยนต์รับจ้างวิ่งให้บริการอยู่ในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัดประมาณ 300,000 คัน แบ่งเป็นกรุงเทพฯ ประมาณ 170,000 คัน และต่างจังหวัดอีกประมาณ 110,000 คัน เมื่อกฎหมายมีผลบังคับใช้ในเดือนตุลาคม 2548 รถจักรยานยนต์รับจ้างทั้งหมดที่ขณะนี้เป็นป้ายดำ ผู้ขับขี่ที่ใช้ใบขับขี่ส่วนบุคคล หากประสงค์จะประกอบอาชีพรถจักรยานยนต์รับจ้างต่อไป ก็จะต้องไปจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก และขอใบขับขี่รถสาธารณะก่อน
สำหรับขั้นตอนการจะจดทะเบียนเป็นรถจักรยานยนต์รับจ้างสาธารณะได้ เจ้าของรถจักรยานยนต์จะต้องไปขอใบรับรองจากคณะกรรมการที่ดูแลก่อน ซึ่งในกรุงเทพฯ จะมีปลัดกรุงเทพมหานครเป็นประธาน ส่วนต่างจังหวัดจะมีผู้ว่าราชการจังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วม เพื่อนำใบรับรองไปที่คณะกรรมการออกให้ไปยื่นกับกรมการขนส่งทางบก เพื่อขอจดทะเบียนเป็นรถจักรยานยนต์รับจ้างสาธารณะต่อไป โดยจะได้รับทะเบียนสีเหลืองสำหรับรถยนต์รับจ้างสาธารณะแทนทะเบียนรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล
ส่วนการดูแลค่าโดยสารรถจักรยานยนต์รับจ้างสาธารณะในขณะนี้ ไม่สามารถทำได้ เพราะกฎหมายไม่ได้กำหนดให้มีการจดทะเบียนรถจักรยานยนต์รับจ้างสาธารณะ กรมการขนส่งทางบกจึงไม่สามารถเข้าไปดูแลปัญหาการเก็บค่าโดยสารแพงได้ แต่ต่อไปเมื่อกฎกระทรวงคมนาคมมีผลใช้บังคับ ซึ่งประมาณเดือนตุลาคมนี้ คณะกรรมการประจำจังหวัดขึ้นมาดูแล และออกใบรับรองเพื่อให้เจ้าของรถจักรยานยนต์ไปจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกต่อไป ซึ่งในการจดทะเบียนจะมีการควบคุมดูแลทั้งการตรวจสภาพรถจักรยานยนต์ เพื่อความปลอดภัย เช่น ต้องมีราวจับให้ผู้โดยสาร โซ่รถจักรยานยนต์จะต้องมีวัสดุป้องกันไม่ให้ผู้โดยสารได้รับอันตราย และวัสดุบังกันความร้อนจากท่อไอเสีย ตลอดจนข้อบังคับเกี่ยวกับการแต่งกาย ตลอดจนใบขับขี่
นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ตามที่ประชาชนร้องเรียนผ่านสายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 เรื่อง รถจักรยานยนต์รับจ้างเก็บค่าโดยสารแพง ทางกระทรวงพาณิชย์ ไม่มีอำนาจดูแล จึงประสานงานไปยัง นายปิยะพันธ์ จำปาสุต อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เพื่อหารือถึงแนวทางแก้ไข จากการหารือสรุปได้ว่า กรมการขนส่งทางบกอยู่ระหว่างรอให้กฎกระทรวงที่เกี่ยวข้องมีผลบังคับใช้ก่อน ซึ่งหลังจากนั้นจะมีคณะกรรมการระดับจังหวัดเข้ามาดูแลต่อไป
ด้านนายปิยะพันธ์ จำปาสุต อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า กฎกระทรวงคมนาคมที่เกี่ยวข้องกับการดูแลรถจักรยานยนต์รับจ้างสาธารณะมี 9 ฉบับ คาดว่า จะมีผลบังคับใช้เป็นกฎหมายภายในเดือนตุลาคมนี้ หลังจากนั้นต้องมีเวลาให้จ้างของรถจักรยานยนต์นำรถไปจดทะเบียนก่อน และขอใบขับขี่รถสาธารณะด้วย จากนั้นกรมการขนส่งทางบกจะเริ่มเข้มงวดและจับกุมรถจักรยานยนต์ที่ไม่จดทะเบียนเป็นรถรับจ้างสาธารณะ หรือไม่จดทะเบีนยเป็นรถจักรยานยนต์ป้ายเหลืองต่อไป ซึ่งจากการที่กฎกระทรวงออกมาล่าช้า เดิมกรมการขนส่งทางบกจะเริ่มจับกุม ตั้งแต่วันที่ 7 กันยายนที่ผ่านมา ก็จะเลื่อนไปเป็นวันที่ 7 มีนาคม 2549 แทน
นายปิยะพันธ์ กล่าวว่า ปัจจุบันมีรถจักรยานยนต์รับจ้างวิ่งให้บริการอยู่ในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัดประมาณ 300,000 คัน แบ่งเป็นกรุงเทพฯ ประมาณ 170,000 คัน และต่างจังหวัดอีกประมาณ 110,000 คัน เมื่อกฎหมายมีผลบังคับใช้ในเดือนตุลาคม 2548 รถจักรยานยนต์รับจ้างทั้งหมดที่ขณะนี้เป็นป้ายดำ ผู้ขับขี่ที่ใช้ใบขับขี่ส่วนบุคคล หากประสงค์จะประกอบอาชีพรถจักรยานยนต์รับจ้างต่อไป ก็จะต้องไปจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก และขอใบขับขี่รถสาธารณะก่อน
สำหรับขั้นตอนการจะจดทะเบียนเป็นรถจักรยานยนต์รับจ้างสาธารณะได้ เจ้าของรถจักรยานยนต์จะต้องไปขอใบรับรองจากคณะกรรมการที่ดูแลก่อน ซึ่งในกรุงเทพฯ จะมีปลัดกรุงเทพมหานครเป็นประธาน ส่วนต่างจังหวัดจะมีผู้ว่าราชการจังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วม เพื่อนำใบรับรองไปที่คณะกรรมการออกให้ไปยื่นกับกรมการขนส่งทางบก เพื่อขอจดทะเบียนเป็นรถจักรยานยนต์รับจ้างสาธารณะต่อไป โดยจะได้รับทะเบียนสีเหลืองสำหรับรถยนต์รับจ้างสาธารณะแทนทะเบียนรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล
ส่วนการดูแลค่าโดยสารรถจักรยานยนต์รับจ้างสาธารณะในขณะนี้ ไม่สามารถทำได้ เพราะกฎหมายไม่ได้กำหนดให้มีการจดทะเบียนรถจักรยานยนต์รับจ้างสาธารณะ กรมการขนส่งทางบกจึงไม่สามารถเข้าไปดูแลปัญหาการเก็บค่าโดยสารแพงได้ แต่ต่อไปเมื่อกฎกระทรวงคมนาคมมีผลใช้บังคับ ซึ่งประมาณเดือนตุลาคมนี้ คณะกรรมการประจำจังหวัดขึ้นมาดูแล และออกใบรับรองเพื่อให้เจ้าของรถจักรยานยนต์ไปจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกต่อไป ซึ่งในการจดทะเบียนจะมีการควบคุมดูแลทั้งการตรวจสภาพรถจักรยานยนต์ เพื่อความปลอดภัย เช่น ต้องมีราวจับให้ผู้โดยสาร โซ่รถจักรยานยนต์จะต้องมีวัสดุป้องกันไม่ให้ผู้โดยสารได้รับอันตราย และวัสดุบังกันความร้อนจากท่อไอเสีย ตลอดจนข้อบังคับเกี่ยวกับการแต่งกาย ตลอดจนใบขับขี่