เจ้าหน้าที่สถาบันจัดอันดับเครดิตมูดี้ส์ฯ เข้าหารือกับรมว.คลังเพื่อรับฟังข้อมูลภาพรวมเศรษฐกิจ ก่อนนำกลับไปทบทวนอันดับเครดิตของประเทศไทย ภายใน 1 เดือน กระทรวงการคลังเชื่อมั่นไทยน่าจะได้รับการปรับอันดับที่ดีขึ้น
นายสมชัย สัจจพงษ์ โฆษกกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยนางพรรณี สถาวโรดม ผู้อำนวยการสำนักบริหารหนี้สาธารณะ แถลงร่วมกันว่า เจ้าหน้าที่ของสถาบันจัดอันดับเครดิตมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ได้เข้าหารือกับนายทนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อรับทราบข้อมูลภาพรวมทางเศรษฐกิจของประเทศ หลังจากก่อนหน้านี้ได้เดินทางไปหารือเจ้าหน้าที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) นักวิชาการสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ซึ่งมูดี้ส์ฯ ให้ความสำคัญในการสอบถามเรื่องการลงทุนโครงการเมกะโปรเจกต์พอสมควร โดยรัฐมนตรีคลังยืนยันว่า การลงทุนดังกล่าวจะเน้นไปที่การก่อสร้างระบบขนส่งสาธารณะประมาณ 400,000 ล้านบาท โดยลงทุนด้วยเงินงบประมาณร้อยละ 39 และมีการกู้จากแหล่งทุนอื่นร้อยละ 18 จึงเชื่อว่าจะไม่กระทบต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ
นอกจากนี้ มูดี้ส์ฯ ได้สอบถามเกี่ยวกับโครงการธนาคารประชาชน โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ซึ่งจากที่มูดี้ส์ฯ ติดตามดูในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา เห็นว่าโครงการดังกล่าวไม่มีปัญหาต่องบประมาณรัฐบาลและการดำเนินนโยบายต่างๆ ในการแก้ปัญหาเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ เห็นว่ารัฐบาลเดินมาถูกทางแล้ว สำหรับปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น เห็นว่าจะเป็นปัญหาที่จำกัดวงอยู่เฉพาะใน 3 จังหวัด ซึ่งคงไม่กระทบต่อภาพรวมมากนัก และรัฐบาลไม่ได้มีการจัดสรรงบประมาณให้แก่กระทรวงกลาโหม ในการจัดซื้ออาวุธ หรือการแก้ปัญหาความไม่สงบที่มากเกินไป เพราะงบประมาณของปี 2549 เพิ่มจากปี 2548 เพียงร้อยละ 5 เท่านั้น สำหรับการจัดตั้งสถาบันประกันเงินฝากก็ยังมีแผนดำเนินการเช่นเดิม และหากสถาบันการเงินมีปัญหา รัฐบาลก็จะเน้นการรักษาเสถียรภาพเป็นหลักมากกว่าเน้นการเติบโตในอัตราที่สูง
ทั้งนี้ คาดว่าหลังจากนี้ มูดี้ส์ฯ น่าจะประกาศอันดับเครดิตได้ภายใน 1 เดือนข้างหน้า ซึ่งปัจจุบันอันดับเครดิตตราสารหนี้ระยะยาวประเทศ อยู่ที่ Baa1 ซึ่งเป็นระดับที่น่าเข้าลงทุน และเชื่อมั่นว่าน่าจะมีระดับที่ดีขึ้น หลังจากก่อนหน้านี้ เอสแอนด์พีก็ได้ประกาศเพิ่มอันดับเครดิตไปแล้ว นอกจากนี้ มูดี้ส์ฯ ยอมรับว่าจำเป็นต้องเปลี่ยนวิธีการคำนวณในการพิจารณาทบทวนอันดับเครดิตของประเทศต่างๆ ใหม่ โดยไม่ต้องนำภาระการกู้เงินของรัฐวิสาหกิจที่กระทรวงการคลัง ไม่ค้ำประกันเข้าไปรวมอยู่ในยอดหนี้สาธารณะที่รัฐบาลต้องรับผิดชอบ และเทียบกับรายรับของประเทศ ซึ่งเมื่อดึงยอดหนี้ที่กระทรวงการคลัง ไม่ค้ำประกันที่มีอยู่จำนวน 316,975 ล้านบาท น่าจะทำให้การทบทวนอันดับเครดิตของประเทศดีขึ้น โดยยอดหนี้สาธารณะของประเทศ ณ 31 ก.ค. 48 อยู่ที่ 3.233 ล้านล้านบาท หรือประมาณร้อยละ 44 ของจีดีพี โดยเป็นหนี้ที่รัฐบาลรับผิดชอบประมาณ 1.805 ล้านล้านบาท
นายสมชัย สัจจพงษ์ โฆษกกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยนางพรรณี สถาวโรดม ผู้อำนวยการสำนักบริหารหนี้สาธารณะ แถลงร่วมกันว่า เจ้าหน้าที่ของสถาบันจัดอันดับเครดิตมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ได้เข้าหารือกับนายทนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อรับทราบข้อมูลภาพรวมทางเศรษฐกิจของประเทศ หลังจากก่อนหน้านี้ได้เดินทางไปหารือเจ้าหน้าที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) นักวิชาการสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ซึ่งมูดี้ส์ฯ ให้ความสำคัญในการสอบถามเรื่องการลงทุนโครงการเมกะโปรเจกต์พอสมควร โดยรัฐมนตรีคลังยืนยันว่า การลงทุนดังกล่าวจะเน้นไปที่การก่อสร้างระบบขนส่งสาธารณะประมาณ 400,000 ล้านบาท โดยลงทุนด้วยเงินงบประมาณร้อยละ 39 และมีการกู้จากแหล่งทุนอื่นร้อยละ 18 จึงเชื่อว่าจะไม่กระทบต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ
นอกจากนี้ มูดี้ส์ฯ ได้สอบถามเกี่ยวกับโครงการธนาคารประชาชน โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ซึ่งจากที่มูดี้ส์ฯ ติดตามดูในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา เห็นว่าโครงการดังกล่าวไม่มีปัญหาต่องบประมาณรัฐบาลและการดำเนินนโยบายต่างๆ ในการแก้ปัญหาเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ เห็นว่ารัฐบาลเดินมาถูกทางแล้ว สำหรับปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น เห็นว่าจะเป็นปัญหาที่จำกัดวงอยู่เฉพาะใน 3 จังหวัด ซึ่งคงไม่กระทบต่อภาพรวมมากนัก และรัฐบาลไม่ได้มีการจัดสรรงบประมาณให้แก่กระทรวงกลาโหม ในการจัดซื้ออาวุธ หรือการแก้ปัญหาความไม่สงบที่มากเกินไป เพราะงบประมาณของปี 2549 เพิ่มจากปี 2548 เพียงร้อยละ 5 เท่านั้น สำหรับการจัดตั้งสถาบันประกันเงินฝากก็ยังมีแผนดำเนินการเช่นเดิม และหากสถาบันการเงินมีปัญหา รัฐบาลก็จะเน้นการรักษาเสถียรภาพเป็นหลักมากกว่าเน้นการเติบโตในอัตราที่สูง
ทั้งนี้ คาดว่าหลังจากนี้ มูดี้ส์ฯ น่าจะประกาศอันดับเครดิตได้ภายใน 1 เดือนข้างหน้า ซึ่งปัจจุบันอันดับเครดิตตราสารหนี้ระยะยาวประเทศ อยู่ที่ Baa1 ซึ่งเป็นระดับที่น่าเข้าลงทุน และเชื่อมั่นว่าน่าจะมีระดับที่ดีขึ้น หลังจากก่อนหน้านี้ เอสแอนด์พีก็ได้ประกาศเพิ่มอันดับเครดิตไปแล้ว นอกจากนี้ มูดี้ส์ฯ ยอมรับว่าจำเป็นต้องเปลี่ยนวิธีการคำนวณในการพิจารณาทบทวนอันดับเครดิตของประเทศต่างๆ ใหม่ โดยไม่ต้องนำภาระการกู้เงินของรัฐวิสาหกิจที่กระทรวงการคลัง ไม่ค้ำประกันเข้าไปรวมอยู่ในยอดหนี้สาธารณะที่รัฐบาลต้องรับผิดชอบ และเทียบกับรายรับของประเทศ ซึ่งเมื่อดึงยอดหนี้ที่กระทรวงการคลัง ไม่ค้ำประกันที่มีอยู่จำนวน 316,975 ล้านบาท น่าจะทำให้การทบทวนอันดับเครดิตของประเทศดีขึ้น โดยยอดหนี้สาธารณะของประเทศ ณ 31 ก.ค. 48 อยู่ที่ 3.233 ล้านล้านบาท หรือประมาณร้อยละ 44 ของจีดีพี โดยเป็นหนี้ที่รัฐบาลรับผิดชอบประมาณ 1.805 ล้านล้านบาท