ไอ.ซี.ซี. ชี้ตลาดสินค้าแฟชั่น “เสื้อผ้า-เครื่องสำอาง” ครึ่งปีหลังส่อเค้าชะลอตัว แบรนด์เนมป่วนหนักเริ่มลดอัตรานำเข้า แดนมังกรฉวยโอกาสส่งสินค้าตีตลาด ยันผู้ประกอบการไทยยังไม่แย่ รับอานิสงส์คนรวย-ปานกลางแห่ใช้สินค้าแบรนด์ไทย ไอ.ซี.ซี.ปรับตัวเน้นโตจากฐานลูกค้าใหม่ เมินเพิ่มความถี่ทำโปรโมชั่น หวังสิ้นปีโต15%
นายบุญเกียรติ โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดกลุ่มสินค้าแฟชั่นประกอบด้วย เสื้อผ้า เครื่องสำอาง รองเท้า และเครื่องประดับ ในช่วงครึ่งปีหลังนี้จะเกิดภาวะชะลอตัวหรือเติบโตลดลง เพราะพฤติกรรมของคนไทยมีรายได้ตั้งแต่ระดับสูง-ปานกลาง และระดับล่างจะชะลอการจับจ่ายใช้สอยสินค้าในกลุ่มแฟชั่นลง โดยเฉพาะกลุ่มผู้หญิงจะเป็นตลาดที่ได้รับผลกระทบมากสุด เนื่องจากมีแนวโน้มที่ผู้หญิงจะตัดการใช้จ่ายในเรื่องการซื้อเสื้อผ้าเป็นอันดับแรกในช่วงที่ค่าครองชีพสูง ตามด้วยเครื่องสำอาง
ล่าสุดผู้นำเข้ากลุ่มสินค้าแฟชั่นแบรนด์เนมจากต่างประเทศ เริ่มชะลอการนำเข้าบ้างแล้ว ซึ่งจะส่งผลให้กลุ่มสินค้าแฟชั่นราคาถูกจากจีนจะเข้ามาทำตลาดในไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนกลุ่มสินค้าแฟชั่นของผู้ประกอบการไทยจะไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะดังกล่าวมากนัก โดยสภาพตลาดสินค้าไทยจะอยู่ในภาวะทรงตัวมากกว่าที่จะชะลอการขยายตัวลง
“ทิศทางของเศรษฐกิจไทยจะกลับมาสดใสขึ้นในอีก 2-3 เดือนข้างหน้านี้ โดยขณะนี้เริ่มมีสัญญาณที่ดีในการบ่งชี้ อาทิ การเปิดตัวของสนามบินสุวรรณภูมิ จะทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในไทยมากขึ้น สถานที่ท่องเที่ยวทางภาคใต้ที่ได้รับผลกระทบจากสึนามิเริ่มฟื้นตัว และแนวโน้มราคาน้ำมันที่จะลดลง”
สำหรับนโยบายของบริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล ในช่วงนี้จะมุ่งขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มใหม่ๆ พร้อมกับการแตกไลน์กลุ่มเสื้อผ้าให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายทุกวัย ทั้งกลุ่มผู้หญิงและผู้ชายภายใต้แบรนด์ที่มีศักยภาพ ลาคอสต์ แอร์โรว์ ฯลฯ แต่จะไม่เพิ่มความถี่โปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นยอดขาย เพราะที่ผ่านมามีการจัดทำโปรโมชันมากพอแล้ว และผู้ประกอบการรายอื่นก็มีการจัดโปรโมชันที่บ่อยมากพออยู่แล้ว
“ขณะนี้ไอ.ซี.ซี.ไม่มีนโยบายจะปรับขึ้นราคาสินค้ากลุ่มแฟชั่น เพราะต้นทุนวัตถุดิบไม่ได้ขึ้นราคามากนัก แม้ว่าในขณะนี้คู่แข่งปรับราคาสินค้าไปบ้างแล้วก็ตาม”
ล่าสุดกลุ่มเสื้อผ้าแอร์โรว์ เปิดตัวนวัตกรรมใหม่เสื้อเชิ๊ต “Wrinkle Free Express” สามารถรีดได้เร็ว จากปกติรีดเสื้อเชิ๊ต 10 ตัว ใช้เวลา 85 นาที แต่สำหรับแอร์โรว์ ใช้เวลา 64 นาที พร้อมกันนี้แอร์โรว์ยังได้เตรียมเปิดตัวรุ่น” แอร์โรว์ อะคาเดมี่” ขยายฐานกลุ่มลูกค้าจากกลุ่มผู้ใหญ่มาสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่ หรือเริ่มเข้าสู่วัยทำงาน โดยวางราคาไว้ต่ำกว่า 20% เมื่อเทียบกับรุ่นปกติราคาตั้งแต่ 790-2,000 บาท
โดยแอร์โรว์ อะคาเดมี่จะจำหน่ายเฉพาะช่วงเปิดเทอมระหว่างเดือนเมษายน และตุลาคม ทดลองจำหน่ายแล้วช่วงเมษายนที่ผ่านมา ตั้งเป้ายอดขายรุ่นแอร์โรว์ อะคาเดมี่ 10% จากรายได้รวมแบรนด์แอร์โรว์ 1,000 ล้านบาท และในปี 2549 เตรียมขยายไลน์มาสู่กลุ่มเสื้อผ้าผู้หญิง ใน 3 คอลเลกชัน ช่วงฤดูร้อน ฤดูหนาว และเปิดเทอม ซึ่งตั้งป้ายอดขายกลุ่มเสื้อผ้าผู้หญิง 25-30%
ผลประกอบการปีนี้บริษัทตั้งเป้าเติบโต 15% หรือ 15,000 ล้านบาท กำไร 6-7% โดยในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาเติบโต 15% เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ กลุ่มสินค้าเรือธงคือ กลุ่มเสื้อผ้าและชุดชั้นใน 70% โดยแอร์โรว์และลาคอสต์คิดเป็นสัดส่วนรายได้เกือบ 20% ที่เหลืออีก 30% เป็นกลุ่มเครื่องสำอาง เครื่องหนัง ฯลฯ