ตลาดมันฝรั่งทอดกรอบหวั่นชาเขียวดูดกำลังซื้อผู้บริโภค เทสโตปล่อยหมัดเด็ดรุกตลาดครึ่งปีหลัง เทงบตลาด 25 ล้านบาทเปิดตัว 2 รสชาติใหม่ “รสสาหร่ายและรสยำสาหร่าย” ชูราคาขายถูกกว่าคู่แข่ง 1 บาทเป็นตัวกระตุ้นยอด พร้อมดึง “ฟิล์ม รัฐภูมิ” มาเป็นพรีเซ็นเตอร์หวังเจาะกลุ่มวัยรุ่น คาดสิ้นปีแชร์เพิ่มเป็น 30%
นายปฐพงศ์ เอี่ยมสุโร กรรมการผู้จัดการ บริษัทเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ ฟู้ดส์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์มันฝรั่งทอดกรอบ ตราเทสโต เปิดเผยว่า ยอดรายได้ของบริษัทในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาโตต่ำกว่า 10% ซึ่งถือว่าต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 6-7% เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่ม 15-20% โดยเฉพาะปิโตรเคมีที่ใช้ผลิตบรรจุภัณฑ์ก็มีราคาสูงขึ้น รวมถึงการที่เครื่องดื่มชาเขียวมาแรงและแย่งกำลังซื้อของผู้บริโภคซึ่งมีรายได้เท่าเดิมไปด้วย
“การขึ้นราคาสินค้านั้นเทสโตจะยังคงตรึงราคาขายให้คงที่อยู่ โดยยอมแบกรับภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นทั้งราคาวัตถุดิบ บรรจุภัณฑ์ และค่าขนส่งไว้ทั้งหมด” นายปฐพงศ์กล่าว
ดังนั้นช่วงครึ่งปีหลังเทสโตจึงได้มีการรุกตลาดมันฝรั่งทอดกรอบที่คาดว่าจะมีการเติบโตในปีนี้ 5% ด้วยการเปิดตัวรสชาติใหม่ 2 รส ได้แก่ รสสาหร่ายและรสยำสาหร่าย มีให้เลือก 3 ขนาด คือ 17 ,70 และ 95 กรัม ในราคา 5 ,20 และ 30 บาทตามลำดับ ซึ่งได้ทดลองวางขายในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น ทั้งนี้พบว่าขนมราคา 5 บาทมียอดขายดีสุดคิดเป็น 45% และรองลงมาราคา 20 บาท คิดเป็น 25% ปัจจุบันเทสโตมี 10 รสชาติ โดยรสที่ขายดีที่สุดคือ รสปูผัดผงกะหรี่ รองมาเป็นรสบาร์บีคิวและมั่นฝรั่งแท้
“การรุกตลาดแบบสวนกระแสครั้งนี้เชื่อว่าจะทำให้เรามียอดขายเพิ่มขึ้น ซึ่งกลยุทธ์ที่เราเหนือกว่าคู่แข่ง คือ ราคาขนาด 17 กรัม ขาย 5 บาท ซึ่งขายถูกกว่าคู่แข่ง 1 บาท ตรงนี้ถือเป็นกลยุทธ์หนึ่งในการกระตุ้นการตัดสินค้าของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี”
ส่วนงบทางการตลาดที่ใช้ในการเปิดตัว 2 รสชาติใหม่นี้ใช้ประมาณ 25 ล้านบาท โดยได้มีการดึง “ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์” มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้ภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ ซึ่งจะออกอากาศในวันที่ 8 ก.ค. นี้ รวมถึงทำกิจกรรมต่างๆ เช่น สื่อ ณ จุดขาย ฯลฯ นอกจากนี้บริษัทยังคงเน้นกิจกรรมด้านสปอร์ตมาร์เก็ตติ้งอย่างต่อเนื่องจากปีที่แล้ว ภายใต้งบ 15 ล้านบาท จากงบการตลาดรวมทั้งปีของบริษัทที่ตั้งไว้ 10% ของยอดรายได้
ผลประกอบการของบริษัทปีที่แล้วมียอดรายได้ 2,300 ล้านบาท และมีอัตราการโตกว่า 10% โดยรายได้หลัก คือ เทสโต คิดเป็นสัดส่วน 50% แบรนด์โดโซะ 25% และอื่นๆ เช่น ปาร์ตี้,แคมปัส 25% โดยปีนี้ตั้งเป้ารายได้จะโต 10-15% จากการเปิดตัว 2 รสชาติใหม่
ขณะที่ตลาดรวมของขนมขบเคี้ยวหรือสแน็คปัจจุบันมีมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท และมีอัตราการเติบโต 5% แบ่งเป็นกลุ่มมันฝรั่ง มีสัดส่วน 32% จากตลาดรวม ซึ่งเลย์เป็นผู้นำ ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาด 60% และเทสโต 24-26% ปีนี้คาดว่าแชร์จะเพิ่มกว่า 30% ส่วนขนมกลุ่มอื่นๆ เช่น ปลาเส้น ที่มีส่วนแบ่ง 8% จากตลาดรวมหมี่นล้านบาท คาดว่าช่วงครึ่งปีหลังตลาดจะกลับมาโตอีกครั้ง หลังจากที่ปีที่แล้วตลาดเงียบไป