รมว.พาณิชย์ ย้ำรอดูผลการประหยัดใช้พลังงานในช่วง 3 เดือนนี้ก่อนว่าได้ผลมากน้อยแค่ไหน ระบุหากไม่ได้ผลนายกรัฐมนตรีอาจใช้มาตรการลดการนำเข้าสินค้าทุนและวัตถุดิบแก่ผู้ประกอบการลงอย่างน้อยร้อยละ 10 ต่อราย พร้อมยอมรับการส่งออกปีนี้มีโอกาสเติบโตถึงร้อยละ 20 น้อยเต็มทีจากปัญหาราคาน้ำมัน แต่ยังมั่นใจว่าน่าเติบโตร้อยละ 16-17
นายสุริยา ลาภวิสุทธิสิน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงตัวเลขการส่งออกสินค้าไทยในเดือนพฤษภาคม 2548 ว่า คงจะแถลงรายละเอียดได้ประมาณต้นสัปดาห์หน้า เพราะขณะนี้กำลังรอการรวบรวมตัวเลขของกรมศุลกากรอยู่ แต่ยอมรับว่าจากสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นนี้
ตัวเลขการส่งออกที่จะแถลงออกมาคงไม่ดีนัก และจะยังขาดดุลการค้าอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น เป้าหมายที่ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ต้องการให้การส่งออกปีนี้ขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 20 ถือเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะหากราคาน้ำมันในตลาดโลกไม่นิ่งเช่นนี้ การส่งออกของไทยก็อาจจะขยายตัวได้ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างแน่นอน
“ยังคาดการณ์อะไรไม่ได้มาก เพราะราคาน้ำมันในตลาดโลกไม่นิ่งปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ขณะนี้รัฐบาลกำลังรอดูผลจากมาตรการประหยัดใช้พลังงานของผู้ประกอบการทั้งระบบในช่วง 3 เดือนนี้ก่อนว่าจะลดการใช้พลังงานลงได้มากน้อยแค่ไหน หากไม่สามารถลดลงเป็นที่น่าพอใจได้ รัฐบาลคงจะใช้มาตรการบังคับให้ผู้ประกอบการลดการนำเข้าสินค้าทุนและวัตถุดิบจากต่างประเทศลงอย่างน้อยร้อยละ 10 ต่อราย” นายสุริยากล่าว
นายสุริยากล่าวอีกว่า เท่าที่ได้ประเมินสถานการณ์ตัวเลขการส่งออกสินค้าไทยในปีนี้ ยังเป็นตัวเลขการขยายตัวอยู่ ซึ่งตามเป้าหมายเดิมที่กระทรวงพาณิชย์เคยคาดการณ์ไว้การส่งออกปีนี้จะขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 13-15 ยังมีความเป็นไปได้ และจากมาตรการเร่งเจาะตลาดและส่งทีมเจาะตลาดและมาตรการหาตลาดใหม่ ๆ ของกระทรวงพาณิชย์ น่าจะทำให้ตัวเลขการส่งออกในปีนี้ของไทยน่าจะขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 16-17 แต่จะขยายตัวให้ได้ถึงร้อยละ 20 หรือไม่นั้น คงต้องรอดูสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกว่าจะนิ่งได้ในช่วงไตรมาสที่ 4 หรือไม่ หากราคาน้ำมันนิ่งแนวทางการผลักดันการส่งออกก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมการส่งออกทำงานเต็มที่และหนักมาก เพราะปัจจัยสำคัญไม่ได้อยู่การหาตลาดแต่อยู่ที่ราคาน้ำมันมากกว่า
นายสุริยา ลาภวิสุทธิสิน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงตัวเลขการส่งออกสินค้าไทยในเดือนพฤษภาคม 2548 ว่า คงจะแถลงรายละเอียดได้ประมาณต้นสัปดาห์หน้า เพราะขณะนี้กำลังรอการรวบรวมตัวเลขของกรมศุลกากรอยู่ แต่ยอมรับว่าจากสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นนี้
ตัวเลขการส่งออกที่จะแถลงออกมาคงไม่ดีนัก และจะยังขาดดุลการค้าอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น เป้าหมายที่ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ต้องการให้การส่งออกปีนี้ขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 20 ถือเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะหากราคาน้ำมันในตลาดโลกไม่นิ่งเช่นนี้ การส่งออกของไทยก็อาจจะขยายตัวได้ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างแน่นอน
“ยังคาดการณ์อะไรไม่ได้มาก เพราะราคาน้ำมันในตลาดโลกไม่นิ่งปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ขณะนี้รัฐบาลกำลังรอดูผลจากมาตรการประหยัดใช้พลังงานของผู้ประกอบการทั้งระบบในช่วง 3 เดือนนี้ก่อนว่าจะลดการใช้พลังงานลงได้มากน้อยแค่ไหน หากไม่สามารถลดลงเป็นที่น่าพอใจได้ รัฐบาลคงจะใช้มาตรการบังคับให้ผู้ประกอบการลดการนำเข้าสินค้าทุนและวัตถุดิบจากต่างประเทศลงอย่างน้อยร้อยละ 10 ต่อราย” นายสุริยากล่าว
นายสุริยากล่าวอีกว่า เท่าที่ได้ประเมินสถานการณ์ตัวเลขการส่งออกสินค้าไทยในปีนี้ ยังเป็นตัวเลขการขยายตัวอยู่ ซึ่งตามเป้าหมายเดิมที่กระทรวงพาณิชย์เคยคาดการณ์ไว้การส่งออกปีนี้จะขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 13-15 ยังมีความเป็นไปได้ และจากมาตรการเร่งเจาะตลาดและส่งทีมเจาะตลาดและมาตรการหาตลาดใหม่ ๆ ของกระทรวงพาณิชย์ น่าจะทำให้ตัวเลขการส่งออกในปีนี้ของไทยน่าจะขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 16-17 แต่จะขยายตัวให้ได้ถึงร้อยละ 20 หรือไม่นั้น คงต้องรอดูสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกว่าจะนิ่งได้ในช่วงไตรมาสที่ 4 หรือไม่ หากราคาน้ำมันนิ่งแนวทางการผลักดันการส่งออกก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมการส่งออกทำงานเต็มที่และหนักมาก เพราะปัจจัยสำคัญไม่ได้อยู่การหาตลาดแต่อยู่ที่ราคาน้ำมันมากกว่า