สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยชี้ผลกระทบน้ำมันพ่นพิษเศรษฐกิจโลก ทำให้คำสั่งซื้อสินค้า (ออร์เดอร์) เริ่มหดตัวร้อยละ 30 แล้ว และเร็วๆ นี้ เตรียมเข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อเร่งหารือถึงแนวทางการแก้ปัญหาภาษีเหล็กซิลิคอน
นายเกียรติพงษ์ น้อยใจบุญ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท. ) เปิดเผยภายหลังการสัมมนาเรื่อง "วิกฤตการณ์เหล็กซิลิคอนอิเลคทริคกับผลกระทบต่ออุตสาหกรรมไฟฟ้าและเครื่องปรับอากาศ" ว่า จากปัจจัยลบที่เกิดขึ้นขณะนี้ โดยเฉพาะราคาน้ำมันจะส่งผลกระทบกับภาคการผลิตอย่างแน่นอน เพราะขณะนี้ได้เริ่มปรับลดกำลังการผลิตลงแล้ว จากปี 2547 ภาคอุตสาหกรรมมีกำลังการผลิตร้อยละ 75 นอกจากนี้ ยังส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังภาคการส่งออกของอุตสาหกรรม ซึ่งในปี 2548 นี้ ตั้งเป้ามียอดการส่งออกเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 15 ต้องปรับลดลงเหลือประมาณร้อยละ 10 เท่านั้น ซึ่งขณะนี้เริ่มเห็นชัดเจนที่ยอดคำสั่งซื้อ หรือออร์เดอร์ ได้เริ่มปรับลดลงถึงร้อยละ 30 เนื่องจากผู้บริโภคได้เริ่มชะลอซื้อ ซึ่งผลกระทบดังกล่าวจะทำให้ภาคอุตสาหกรรมปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 5-10
นายเกียรติพงษ์ กล่าวถึงปัญหาความไม่ชัดเจนของพิกัดเหล็กซิลิคอนอิเล็คทริคว่า ภายในเดือนกรกฎาคม 2548 นี้ ส.อ.ท.จะขอเข้าพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้เร่งแก้ปัญหาโดยเฉพาะในประเด็นภาคเอกชนต้องการให้ลดภาษีเหลือร้อยละ 1 เนื่องจากที่ผ่านมายังไม่มีความคืบหน้าในการแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจัง ทำให้ผู้ประกอบการได้รับผลกระทบ เพราะเป็นเหล็กที่ไม่มีการผลิตในประเทศ เพราะขณะนี้การตีความพิกัดภาษีผิดพลาดของกรมศุลกากรทำให้มีการปรับลดภาษีย้อนหลังสำหรับเหล็กกล้าซิลิคอนอิเล็คทริกให้มีผลย้อนหลังเป็นมูลค่านับหมื่นล้านบาท ทั้งนี้ หากไม่เร่งดำเนินการจะส่งผลกระทบต่อนโยบายการลงทุนของรัฐบาล ทำให้นักลงทุนไม่มีความเชื่อมั่นเพราะนโยบายที่ไม่แน่นอนของรัฐบาล
นายเกียรติพงษ์ น้อยใจบุญ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท. ) เปิดเผยภายหลังการสัมมนาเรื่อง "วิกฤตการณ์เหล็กซิลิคอนอิเลคทริคกับผลกระทบต่ออุตสาหกรรมไฟฟ้าและเครื่องปรับอากาศ" ว่า จากปัจจัยลบที่เกิดขึ้นขณะนี้ โดยเฉพาะราคาน้ำมันจะส่งผลกระทบกับภาคการผลิตอย่างแน่นอน เพราะขณะนี้ได้เริ่มปรับลดกำลังการผลิตลงแล้ว จากปี 2547 ภาคอุตสาหกรรมมีกำลังการผลิตร้อยละ 75 นอกจากนี้ ยังส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังภาคการส่งออกของอุตสาหกรรม ซึ่งในปี 2548 นี้ ตั้งเป้ามียอดการส่งออกเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 15 ต้องปรับลดลงเหลือประมาณร้อยละ 10 เท่านั้น ซึ่งขณะนี้เริ่มเห็นชัดเจนที่ยอดคำสั่งซื้อ หรือออร์เดอร์ ได้เริ่มปรับลดลงถึงร้อยละ 30 เนื่องจากผู้บริโภคได้เริ่มชะลอซื้อ ซึ่งผลกระทบดังกล่าวจะทำให้ภาคอุตสาหกรรมปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 5-10
นายเกียรติพงษ์ กล่าวถึงปัญหาความไม่ชัดเจนของพิกัดเหล็กซิลิคอนอิเล็คทริคว่า ภายในเดือนกรกฎาคม 2548 นี้ ส.อ.ท.จะขอเข้าพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้เร่งแก้ปัญหาโดยเฉพาะในประเด็นภาคเอกชนต้องการให้ลดภาษีเหลือร้อยละ 1 เนื่องจากที่ผ่านมายังไม่มีความคืบหน้าในการแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจัง ทำให้ผู้ประกอบการได้รับผลกระทบ เพราะเป็นเหล็กที่ไม่มีการผลิตในประเทศ เพราะขณะนี้การตีความพิกัดภาษีผิดพลาดของกรมศุลกากรทำให้มีการปรับลดภาษีย้อนหลังสำหรับเหล็กกล้าซิลิคอนอิเล็คทริกให้มีผลย้อนหลังเป็นมูลค่านับหมื่นล้านบาท ทั้งนี้ หากไม่เร่งดำเนินการจะส่งผลกระทบต่อนโยบายการลงทุนของรัฐบาล ทำให้นักลงทุนไม่มีความเชื่อมั่นเพราะนโยบายที่ไม่แน่นอนของรัฐบาล