กนอ.เตรียมชงแผน "วัฒนา" แก้ปัญหาภัยแล้ง ปริมาณน้ำไม่เพียงพอป้อนสู่ระบบโรงงาน เล็งจับมือกรมทรัพยากรธรณีออกใบอนุญาตเปิดบ่อสำรองน้ำใช้รับแผนฉุกเฉิน ช่วยกู้วิกฤติโรงงานในนิคมทั่วประเทศ พร้อมผุดแผน 5 ปีบริหารจัดการนิคมอุตสาหกรรมแนวใหม่ เน้นสิ่งแวดล้อมดี ลดปัญหาจราจร-น้ำท่วม
นายประสาน ตันประเสริฐ ประธานกรรมการบริหารการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยภายหลังการตรวจเยี่ยมนิคมอุตสาหกรรม 4 แห่ง ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมบางพลี นิคมอุตสาหกรรมบางปู นิคมอุตสาหกรรมบางชัน และนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง ว่า จากภาวะวิกฤติภัยแล้งจนส่งผลให้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำต่างๆ ที่จะป้อนเข้าสู่โรงงานอุตสาหกรรมมีปริมาณไม่เพียงพอ โดยเฉพาะโรงงงานในแถบนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง ในเรื่องดังกล่าว กนอ.ได้เตรียมนำเสนอปัญหาต่อนายวัฒนา เมืองสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมทันทีภายหลังที่เดินทางกลับจากประเทศญี่ปุ่น
ทั้งนี้ เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือผู้ประกอบการอย่างเร่งด่วน โดยวางแนวทางที่จะประสานไปยังกรมทรัพยากรธรณีในการพิจารณาออกใบอนุญาตให้นิคมอุตสาหกรรมแต่ละแห่งที่ประสบความความเดือดร้อนจากปัญหาน้ำขาดแคลนในขณะนี้ สามารถขุดเจาะบ่อน้ำบาดาลเพื่อสำรองน้ำไว้ในกรณีฉุกเฉินได้
“ กนอ.ได้จัดเจ้าหน้าที่เข้าไปสำรวจนิคมอุตสาหกรรมทั่วประเทศแล้ว เพื่อดูว่าขณะนี้มีปริมาณน้ำเพียงพอป้อนเข้าสู่โรงงานอุตสาหกรรมมากน้อยเพียงใด พร้อมทั้งให้ผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมแต่ละแห่งเร่งจัดส่งรายงานปัญหาความเดือดร้อนที่เกิดจากปริมาณน้ำที่ป้อนเข้าสู่ระบบไม่เพียงพอมายัง กนอ.เพื่อทำรายงานสรุปเสนอต่อนายวัฒนาในเร็วๆ นี้”
นอกจากนี้ได้เตรียมการหารือกับบริษัทจัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก (อีสท์วอเตอร์) ผู้บริหารนิคมอุตสาหกรรมทุกแห่ง เกี่ยวกับแนวทางการบริหารจัดการน้ำภายนิคมให้เพียงพอในช่วงระยะต่อไป ทั้งนี้เพื่อป้องกันปัญหาภัยแล้งที่จะเกิดขึ้นในระยะยาว โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่อาจมีฝนทิ้งช่วง ซึ่งจากการรายงานของนิคมฯ บางแห่งพบว่ากลุ่มบริษัทอุตสาหกรรม หรือโรงงานที่มีปริมาณการใช้น้ำในกระบวนการผลิตเป็นจำนวนมากจะได้รับความเดือดร้อน และอาจจะมีการปิดโรงงานเพื่อหยุดซ่อมบำรุงในช่วงนี้ แทนที่จะปิดซ่อมบำรุงในปลายปี โดยเฉพาะในภาคธุรกิจปิโตรเคมีและโรงกลั่นน้ำมัน เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้มอบหมายให้นิคมอุตสาหกรรมทุกแห่งจัดทำแผน 5 ปี (2548-2552) สำหรับการวางระบบบริหารจัดการนิคมอุตสาหกรรมใหม่ โดยเน้นใน 4 ส่วนหลักด้วยกัน ได้แก่ 1. การเพิ่มความสำคัญกับการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมภายในพื้นที่นิคม 2. การจัดระเบียบกิจการค้าประเภทหาบเร่ แผงลอย 3.วางระบบโครงสร้างโรงงานที่เกิดใหม่ให้เหมาะสม เพื่อลดปัญหาการจราจรและปัญหาน้ำท่วม 4. การสร้างสภาพแวดล้อมและสังคมที่ดีภายในชุมชนเขตพื้นที่นิคมอุตสาหรรม
นายประสาน ตันประเสริฐ ประธานกรรมการบริหารการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยภายหลังการตรวจเยี่ยมนิคมอุตสาหกรรม 4 แห่ง ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมบางพลี นิคมอุตสาหกรรมบางปู นิคมอุตสาหกรรมบางชัน และนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง ว่า จากภาวะวิกฤติภัยแล้งจนส่งผลให้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำต่างๆ ที่จะป้อนเข้าสู่โรงงานอุตสาหกรรมมีปริมาณไม่เพียงพอ โดยเฉพาะโรงงงานในแถบนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง ในเรื่องดังกล่าว กนอ.ได้เตรียมนำเสนอปัญหาต่อนายวัฒนา เมืองสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมทันทีภายหลังที่เดินทางกลับจากประเทศญี่ปุ่น
ทั้งนี้ เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือผู้ประกอบการอย่างเร่งด่วน โดยวางแนวทางที่จะประสานไปยังกรมทรัพยากรธรณีในการพิจารณาออกใบอนุญาตให้นิคมอุตสาหกรรมแต่ละแห่งที่ประสบความความเดือดร้อนจากปัญหาน้ำขาดแคลนในขณะนี้ สามารถขุดเจาะบ่อน้ำบาดาลเพื่อสำรองน้ำไว้ในกรณีฉุกเฉินได้
“ กนอ.ได้จัดเจ้าหน้าที่เข้าไปสำรวจนิคมอุตสาหกรรมทั่วประเทศแล้ว เพื่อดูว่าขณะนี้มีปริมาณน้ำเพียงพอป้อนเข้าสู่โรงงานอุตสาหกรรมมากน้อยเพียงใด พร้อมทั้งให้ผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมแต่ละแห่งเร่งจัดส่งรายงานปัญหาความเดือดร้อนที่เกิดจากปริมาณน้ำที่ป้อนเข้าสู่ระบบไม่เพียงพอมายัง กนอ.เพื่อทำรายงานสรุปเสนอต่อนายวัฒนาในเร็วๆ นี้”
นอกจากนี้ได้เตรียมการหารือกับบริษัทจัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก (อีสท์วอเตอร์) ผู้บริหารนิคมอุตสาหกรรมทุกแห่ง เกี่ยวกับแนวทางการบริหารจัดการน้ำภายนิคมให้เพียงพอในช่วงระยะต่อไป ทั้งนี้เพื่อป้องกันปัญหาภัยแล้งที่จะเกิดขึ้นในระยะยาว โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่อาจมีฝนทิ้งช่วง ซึ่งจากการรายงานของนิคมฯ บางแห่งพบว่ากลุ่มบริษัทอุตสาหกรรม หรือโรงงานที่มีปริมาณการใช้น้ำในกระบวนการผลิตเป็นจำนวนมากจะได้รับความเดือดร้อน และอาจจะมีการปิดโรงงานเพื่อหยุดซ่อมบำรุงในช่วงนี้ แทนที่จะปิดซ่อมบำรุงในปลายปี โดยเฉพาะในภาคธุรกิจปิโตรเคมีและโรงกลั่นน้ำมัน เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้มอบหมายให้นิคมอุตสาหกรรมทุกแห่งจัดทำแผน 5 ปี (2548-2552) สำหรับการวางระบบบริหารจัดการนิคมอุตสาหกรรมใหม่ โดยเน้นใน 4 ส่วนหลักด้วยกัน ได้แก่ 1. การเพิ่มความสำคัญกับการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมภายในพื้นที่นิคม 2. การจัดระเบียบกิจการค้าประเภทหาบเร่ แผงลอย 3.วางระบบโครงสร้างโรงงานที่เกิดใหม่ให้เหมาะสม เพื่อลดปัญหาการจราจรและปัญหาน้ำท่วม 4. การสร้างสภาพแวดล้อมและสังคมที่ดีภายในชุมชนเขตพื้นที่นิคมอุตสาหรรม