“ปานปรีย์ พหิทธานุกร” เร่งให้สรุปโครงการย่อยของกรุงเทพฯ เมืองแฟชั่นว่าจะดำเนินการต่อหรือไม่ หากไม่เร่งสรุป จะส่งงบฯ คืนกระทรวงการคลัง หลังนายกรัฐมนตรีประกาศให้ดึงงบลงทุนที่ล่าช้าไปจัดการใหม่ เพื่อเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ
นายปานปรีย์ พหิทธานุกร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า จากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ประกาศให้ส่วนราชการต่างๆ เร่งใช้งบประมาณ ไม่เช่นนั้นจะมีการดึงงบฯ เพื่อนำไปใช้ในโครงการอื่นๆ ที่จำเป็นนั้น ล่าสุดสำนักงบประมาณได้ทำหนังสือสอบถามถึงงบฯ 1,800 ล้านบาทของโครงการกรุงเทพฯ เมืองแฟชั่น ว่าจะดำเนินการได้ทันงบฯ ปีนี้หรือไม่ โดยขอให้คำตอบภายในเดือนมิถุนายนนี้ จึงได้มอบหมายให้คณะทำงานเร่งสรุป โดยเฉพาะ 4 โครงการย่อย จากทั้งหมด 11 โครงการ ที่ยังประกวดราคาคัดเลือกเอกชนเข้ามาดำเนินการไม่ได้ หากไม่สามารถคัดเลือกได้ทันในเดือนสิงหาคมนี้ก็คงจะส่งคืนงบฯ ดังกล่าวแก่กระทรวงการคลังต่อไป
ทั้งนี้ งบประมาณ 1,800 ล้านบาท เพิ่งมีการเบิกจ่ายงบฯ ไปใช้จริง 240.5 ล้านบาท โดย 4 โครงการที่ยังไม่ได้ทำสัญญาว่าจ้างประกอบไปด้วย โครงการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันธุรกิจแฟชั่น สาขาอุตสาหกรรมรองเท้าและเครื่องหนัง โครงการสร้างแรงโน้มแฟชั่นโลก โครงการประกวดออกแบบแฟชั่นนานาชาติ และโครงการสร้างภาพลักษณ์กรุงเทพฯ เมืองแฟชั่น ส่วน 7 โครงการที่ได้เอกชนดำเนินโครงการแล้ว ได้แก่ โครงการศูนย์พัฒนาบุคลากรด้านแฟชั่น โครงการศูนย์รวบรวมแนวโน้มแฟชั่นโลก โครงการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันธุรกิจแฟชั่นสาขาสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม โครงการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันสาขาอัญมณี โครงการจัดแสดงสินค้า โครงการเจาะตลาดเป้าหมาย และโครงการรวบรวมผลงานแฟชั่นนักออกแบบไทย
นายปานปรีย์กล่าวว่า ขณะนี้ได้เร่งให้ทุกโครงการเร่งดำเนินการเพื่อให้ไทยประสบความสำเร็จในการเป็นศูนย์กลางแฟชั่น โดยได้มีการหารือร่วมกับผู้รับจ้างภาคเอกชนในโครงการย่อยทั้งหมด และให้เร่งสรุปถึงการนำเงินภาคเอกชนมาสมทบนอกเหนือจากงบประมาณกลางของโครงการที่มีอยู่ในสัดส่วนร้อยละ 15-20 รวมทั้งได้เน้นการสนับสนุนในเชิงพาณิชย์มากกว่ากลุ่มผู้บริโภค ดังนั้นในมิติใหม่เมืองแฟชั่นจากนี้ไป ได้มีแผนงานที่ชัดเจนในการสนับสนุนให้ผู้บริโภคเข้ามามีส่วนร่วมพัฒนาโครงการ ซึ่งอาจเป็นในลักษณะการสร้างความรู้ ความเข้าใจ ที่นอกเหนือจากจับกระแสความเคลื่อนไหวของแฟชั่นโดยทั่วไป แต่จะเป็นการลงลึกในรายละเอียดว่าทำอย่างไรจึงจะสามารถสร้างแฟชั่นไทยให้เป็นที่รู้จักได้
นายปานปรีย์ พหิทธานุกร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า จากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ประกาศให้ส่วนราชการต่างๆ เร่งใช้งบประมาณ ไม่เช่นนั้นจะมีการดึงงบฯ เพื่อนำไปใช้ในโครงการอื่นๆ ที่จำเป็นนั้น ล่าสุดสำนักงบประมาณได้ทำหนังสือสอบถามถึงงบฯ 1,800 ล้านบาทของโครงการกรุงเทพฯ เมืองแฟชั่น ว่าจะดำเนินการได้ทันงบฯ ปีนี้หรือไม่ โดยขอให้คำตอบภายในเดือนมิถุนายนนี้ จึงได้มอบหมายให้คณะทำงานเร่งสรุป โดยเฉพาะ 4 โครงการย่อย จากทั้งหมด 11 โครงการ ที่ยังประกวดราคาคัดเลือกเอกชนเข้ามาดำเนินการไม่ได้ หากไม่สามารถคัดเลือกได้ทันในเดือนสิงหาคมนี้ก็คงจะส่งคืนงบฯ ดังกล่าวแก่กระทรวงการคลังต่อไป
ทั้งนี้ งบประมาณ 1,800 ล้านบาท เพิ่งมีการเบิกจ่ายงบฯ ไปใช้จริง 240.5 ล้านบาท โดย 4 โครงการที่ยังไม่ได้ทำสัญญาว่าจ้างประกอบไปด้วย โครงการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันธุรกิจแฟชั่น สาขาอุตสาหกรรมรองเท้าและเครื่องหนัง โครงการสร้างแรงโน้มแฟชั่นโลก โครงการประกวดออกแบบแฟชั่นนานาชาติ และโครงการสร้างภาพลักษณ์กรุงเทพฯ เมืองแฟชั่น ส่วน 7 โครงการที่ได้เอกชนดำเนินโครงการแล้ว ได้แก่ โครงการศูนย์พัฒนาบุคลากรด้านแฟชั่น โครงการศูนย์รวบรวมแนวโน้มแฟชั่นโลก โครงการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันธุรกิจแฟชั่นสาขาสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม โครงการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันสาขาอัญมณี โครงการจัดแสดงสินค้า โครงการเจาะตลาดเป้าหมาย และโครงการรวบรวมผลงานแฟชั่นนักออกแบบไทย
นายปานปรีย์กล่าวว่า ขณะนี้ได้เร่งให้ทุกโครงการเร่งดำเนินการเพื่อให้ไทยประสบความสำเร็จในการเป็นศูนย์กลางแฟชั่น โดยได้มีการหารือร่วมกับผู้รับจ้างภาคเอกชนในโครงการย่อยทั้งหมด และให้เร่งสรุปถึงการนำเงินภาคเอกชนมาสมทบนอกเหนือจากงบประมาณกลางของโครงการที่มีอยู่ในสัดส่วนร้อยละ 15-20 รวมทั้งได้เน้นการสนับสนุนในเชิงพาณิชย์มากกว่ากลุ่มผู้บริโภค ดังนั้นในมิติใหม่เมืองแฟชั่นจากนี้ไป ได้มีแผนงานที่ชัดเจนในการสนับสนุนให้ผู้บริโภคเข้ามามีส่วนร่วมพัฒนาโครงการ ซึ่งอาจเป็นในลักษณะการสร้างความรู้ ความเข้าใจ ที่นอกเหนือจากจับกระแสความเคลื่อนไหวของแฟชั่นโดยทั่วไป แต่จะเป็นการลงลึกในรายละเอียดว่าทำอย่างไรจึงจะสามารถสร้างแฟชั่นไทยให้เป็นที่รู้จักได้