อิมพีเรียลกรุ๊ปเปิดแนวทางการรุก ทั้งร่วมทุนและพัฒนาเอง ทุ่มงบปรับโฉมสาขาสำโรงต่อ หวังยกระดับเป็นศูนย์การค้าครบวงจรย่านสมุทรปราการ เร่งเครื่องพัฒนาพื้นที่ที่เหลือ เร่งเจรจาพันธมิตรเปิดโรงหนัง ปัดฝุ่นพื้นที่ซูเปอร์เซฟเดิมทำธุรกิจใหม่
นายพรชัย ศรีประไพ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อิมพีเรียล พลาซ่า จำกัด เปิดเผย “ผู้จัดการรายวัน” ว่า ในปีนี้บริษัทฯมีแผนที่จะใช้งบประมาณไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาทในการปรับปรุงโฉมศูนย์การค้าอิมพีเรียลเวิลด์ทั้งสองสาขาคือที่ ลาดพร้าวกับสำโรง อย่างต่อเนื่องจากปีที่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งงบประมาณจะทุ่มให้กับสาขาสำโรงมากกว่า เพราะสาขาลาดพร้าวนั้นปรับไปมากแล้ว เพื่อให้ศูนย์ฯที่สาขาสำโรงมีความสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้นตามแผนงานที่วางไว้ที่จะให้เป็นศูนย์การค้าที่ครบวงจรและสมบูรณ์แบบที่สุดในย่านสมุทรปราการนี้
โดยนโยบายหลักๆนั้นจะมีทั้งการเปิดกว้างให้พันธมิตรเข้ามาลงทุนหรือร่วมลงทุนในการพัฒนาพื้นที่ต่างๆ อีกวิธีคือการลงทุนพัฒนาเองตามคอนเซ็ปท์ที่ตั้งเอาไว้ ทั้งนี้ สาขาลาดพร้าวเหลือพื้นที่ประมาณไม่ถึง 10% ส่วนสาขาสำโรงนั้นเหลือพื้นที่รวมกันไม่ต่ำกว่า 20% หลังจากปีที่แล้วใช้งบประมาณปรับปรุงรวมกันกว่า 200 ล้านบาท
สำหรับพื้นที่ขนาดใหญ่ของสาขาสำโรงนั้นคือ ชั้น 5 ซึ่งปัจจุบันเป็นโซนของโรงหนังอีจีวียังเปิดบริการรอยู่ มีพื้นที่กิจกรรมเล็กน้อย และมีศูนย์พระด้วย ทั้งนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับทั้งผู้ประกอบการรายเดิมคืออีจีวี และค่ายโรงหนังอื่น เพื่อจะเข้ามาเปิดบริการในนี้ หลังจากที่อีจีวีจะหมดสัญญาเร็วๆนี้ คาดว่าภายใน 2 เดือนน่าจะสรุปผลการเจรจาได้ว่าจะเป็นค่ายใดมาเปิดบริการ โรงหนังพร้อมทั้งโบว์ลิ่งด้วย พื้นที่ประมาณ 6,000 ตารางเมตร
ส่วนพื้นที่อีกฟากหนึ่งของชั้น 5 ขณะนี้ได้ปรับเป็นศูนย์ลานสเก๊ตไปแล้ว โดยบริษัทลงทุนเองด้วยงบประมาณ 30 ล้านบาท โดยร่วมกับสมาคมไอซ์สเก็ตแห่งประเทศไทยในการบริหารจัดการ เช่นเดียวกับที่อิมพีเรียลลาดพร้าวที่บริษัทได้ลงทุนทำไอซ์สเก็ตเองเช่นกัน
ขณะที่ชั้น 6 นั้นมีแผนที่จะปรับให้เป็นศูนย์เอดดูเทนเม้นท์ขนาดใหญ่ เพื่อให้เป็นแหล่งรวมโรงเรียนกวดวิชา สถาบันกิจกรรมต่างๆที่มีทั้งสาระและบันเทิง เนื่องจากในย่านนี้ยังไม่มีมีศูนย์เอดดูเทนเม้นท์ขนาดใหญ่รองรับประชากรย่านนี้
ทั้งนี้บริษัทฯได้ทยอยปรับโฉมพื้นที่ใหม่ของสาขาสำโรงตั้งแต่ปีที่แล้ว ถึงขณะนี้มีการเปิดบริการไปแล้วหลายโซนเช่น ชั้นใต้ดินเป็นศูนย์อาหาร และเตรียมจะเปิดแฟชั่นสตรีทในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ซึ่งเปิดให้ผู้ลงทุนเข้ามารับเป็นออร์กาไนเซอร์จัดการ ส่วนชั้นที่ 1 และ 2 บางส่วนให้บิ๊กซีเข้ามาเช่าพื้นที่รวมกว่า 9,000 ตารางเมตร ที่เหลือเป็นส่วนของร้านค้าเช่า
บริเวณชั้นที่สามเป็นโซน ยูแอนด์อิม คือคอนเซ็ปท์เป็นโซนสำหรับไลฟ์สไตล์สมัยใหม่ กิ๊ฟท์ชอป เสื้อผ้า แฟชั่น และมีโซนเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในย่านสำโรงด้วย ชั้นที่ 4 เป็นโซนไอทีพลาซ่า ซึ่งเปิดให้ผู้ประกอบการภายนอกเข้ามาบริหารจัดการพื้นที่ และจะมีโซนของเอฟโฟร์คลองถมที่ให้ผู้ประกอบการภายนอกเข้ามาเป็นผู้เช่าพื้นที่บริหาร และยังมีพื้นที่ศูนย์อาหารที่รอการปรับปรุงใหม่
นายพรชัยกล่าวด้วยว่า หลังจากที่ปรับปรุงอิมพีเรียลสาขาสำโรงมาตั้งแต่ปีที่แล้วและมีบิ๊กซีเข้ามาเปิดบริการด้วยนั้น พบว่า ศูนย์การค้ามีความคึกคักมากยิ่งขึ้น จากการสำรวจพบว่า มีคนเดินเข้าศูนย์มากขึ้นกว่า 20% ศูนย์อาหารมีผลประกอบการเติบโตขึ้นกว่า 80% ส่วนศูนย์ฯมีผลประกอบการเพิ่มขึ้น 20% ขณะที่สาขาลาดพร้าวเติบโต 15%
สำหรับพื้นที่ของซูเปอร์เซฟเดิมของกลุ่มอิมพีเรียลที่ปิดบริการไปแล้วนั้น เดิมพื้นที่ตั้งอยู่เยื้องๆกับสาขาสำโรง ขณะนี้ผู้บริหารมีแผนที่จะนำพื้นที่ดังกล่าวมาปรับปรุงและพัฒนาใหม่เพื่อให้เกิดประโยชน์ทางธุรกิจมากที่สุด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาแนวทาง อาจจะเป็นไปได้ทั้งค้าปลีกแบบใหม่หรือการให้ผู้ประกอบการค้าปลีกรายอื่นเข้ามาเช่าพื้นที่
นายพรชัย ศรีประไพ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อิมพีเรียล พลาซ่า จำกัด เปิดเผย “ผู้จัดการรายวัน” ว่า ในปีนี้บริษัทฯมีแผนที่จะใช้งบประมาณไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาทในการปรับปรุงโฉมศูนย์การค้าอิมพีเรียลเวิลด์ทั้งสองสาขาคือที่ ลาดพร้าวกับสำโรง อย่างต่อเนื่องจากปีที่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งงบประมาณจะทุ่มให้กับสาขาสำโรงมากกว่า เพราะสาขาลาดพร้าวนั้นปรับไปมากแล้ว เพื่อให้ศูนย์ฯที่สาขาสำโรงมีความสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้นตามแผนงานที่วางไว้ที่จะให้เป็นศูนย์การค้าที่ครบวงจรและสมบูรณ์แบบที่สุดในย่านสมุทรปราการนี้
โดยนโยบายหลักๆนั้นจะมีทั้งการเปิดกว้างให้พันธมิตรเข้ามาลงทุนหรือร่วมลงทุนในการพัฒนาพื้นที่ต่างๆ อีกวิธีคือการลงทุนพัฒนาเองตามคอนเซ็ปท์ที่ตั้งเอาไว้ ทั้งนี้ สาขาลาดพร้าวเหลือพื้นที่ประมาณไม่ถึง 10% ส่วนสาขาสำโรงนั้นเหลือพื้นที่รวมกันไม่ต่ำกว่า 20% หลังจากปีที่แล้วใช้งบประมาณปรับปรุงรวมกันกว่า 200 ล้านบาท
สำหรับพื้นที่ขนาดใหญ่ของสาขาสำโรงนั้นคือ ชั้น 5 ซึ่งปัจจุบันเป็นโซนของโรงหนังอีจีวียังเปิดบริการรอยู่ มีพื้นที่กิจกรรมเล็กน้อย และมีศูนย์พระด้วย ทั้งนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับทั้งผู้ประกอบการรายเดิมคืออีจีวี และค่ายโรงหนังอื่น เพื่อจะเข้ามาเปิดบริการในนี้ หลังจากที่อีจีวีจะหมดสัญญาเร็วๆนี้ คาดว่าภายใน 2 เดือนน่าจะสรุปผลการเจรจาได้ว่าจะเป็นค่ายใดมาเปิดบริการ โรงหนังพร้อมทั้งโบว์ลิ่งด้วย พื้นที่ประมาณ 6,000 ตารางเมตร
ส่วนพื้นที่อีกฟากหนึ่งของชั้น 5 ขณะนี้ได้ปรับเป็นศูนย์ลานสเก๊ตไปแล้ว โดยบริษัทลงทุนเองด้วยงบประมาณ 30 ล้านบาท โดยร่วมกับสมาคมไอซ์สเก็ตแห่งประเทศไทยในการบริหารจัดการ เช่นเดียวกับที่อิมพีเรียลลาดพร้าวที่บริษัทได้ลงทุนทำไอซ์สเก็ตเองเช่นกัน
ขณะที่ชั้น 6 นั้นมีแผนที่จะปรับให้เป็นศูนย์เอดดูเทนเม้นท์ขนาดใหญ่ เพื่อให้เป็นแหล่งรวมโรงเรียนกวดวิชา สถาบันกิจกรรมต่างๆที่มีทั้งสาระและบันเทิง เนื่องจากในย่านนี้ยังไม่มีมีศูนย์เอดดูเทนเม้นท์ขนาดใหญ่รองรับประชากรย่านนี้
ทั้งนี้บริษัทฯได้ทยอยปรับโฉมพื้นที่ใหม่ของสาขาสำโรงตั้งแต่ปีที่แล้ว ถึงขณะนี้มีการเปิดบริการไปแล้วหลายโซนเช่น ชั้นใต้ดินเป็นศูนย์อาหาร และเตรียมจะเปิดแฟชั่นสตรีทในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ซึ่งเปิดให้ผู้ลงทุนเข้ามารับเป็นออร์กาไนเซอร์จัดการ ส่วนชั้นที่ 1 และ 2 บางส่วนให้บิ๊กซีเข้ามาเช่าพื้นที่รวมกว่า 9,000 ตารางเมตร ที่เหลือเป็นส่วนของร้านค้าเช่า
บริเวณชั้นที่สามเป็นโซน ยูแอนด์อิม คือคอนเซ็ปท์เป็นโซนสำหรับไลฟ์สไตล์สมัยใหม่ กิ๊ฟท์ชอป เสื้อผ้า แฟชั่น และมีโซนเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในย่านสำโรงด้วย ชั้นที่ 4 เป็นโซนไอทีพลาซ่า ซึ่งเปิดให้ผู้ประกอบการภายนอกเข้ามาบริหารจัดการพื้นที่ และจะมีโซนของเอฟโฟร์คลองถมที่ให้ผู้ประกอบการภายนอกเข้ามาเป็นผู้เช่าพื้นที่บริหาร และยังมีพื้นที่ศูนย์อาหารที่รอการปรับปรุงใหม่
นายพรชัยกล่าวด้วยว่า หลังจากที่ปรับปรุงอิมพีเรียลสาขาสำโรงมาตั้งแต่ปีที่แล้วและมีบิ๊กซีเข้ามาเปิดบริการด้วยนั้น พบว่า ศูนย์การค้ามีความคึกคักมากยิ่งขึ้น จากการสำรวจพบว่า มีคนเดินเข้าศูนย์มากขึ้นกว่า 20% ศูนย์อาหารมีผลประกอบการเติบโตขึ้นกว่า 80% ส่วนศูนย์ฯมีผลประกอบการเพิ่มขึ้น 20% ขณะที่สาขาลาดพร้าวเติบโต 15%
สำหรับพื้นที่ของซูเปอร์เซฟเดิมของกลุ่มอิมพีเรียลที่ปิดบริการไปแล้วนั้น เดิมพื้นที่ตั้งอยู่เยื้องๆกับสาขาสำโรง ขณะนี้ผู้บริหารมีแผนที่จะนำพื้นที่ดังกล่าวมาปรับปรุงและพัฒนาใหม่เพื่อให้เกิดประโยชน์ทางธุรกิจมากที่สุด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาแนวทาง อาจจะเป็นไปได้ทั้งค้าปลีกแบบใหม่หรือการให้ผู้ประกอบการค้าปลีกรายอื่นเข้ามาเช่าพื้นที่