ปตท. จับมือ เอ็นพีซี ส่งออกก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) จากโรงแยกก๊าซธรรมชาติของ ปตท. จังหวัดระยอง ผ่านทางท่าเทียบเรือของเอ็นพีซี เพื่อสร้างโอกาสทางการค้าและเพิ่มมูลค่าการส่งออก
นายจิตรพงษ์ กว้างสุขสถิตย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ปตท. จำกัด (มหาชน)และนายวิโรจน์ มาวิจักขณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ปิโตรเคมีแห่งชาติ จำกัด มหาช (เอ็นพีซี) เป็นประธานในพิธีเปิดการส่งออกก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) จากโรงแยกก๊าซธรรมชาติของ ปตท. ผ่านทางท่าเทียบเรือของเอ็นพีซี จังหวัดระยอง
นายจิตรพงษ์ กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้เป็นการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด จากเดิมที่ ปตท. ส่งออกก๊าซแอลพีจีผ่านทางท่าเทียบเรือของคลังปิโตรเลียมศรีราชาของ ปตท. จังหวัดชลบุรี แต่เนื่องจากปัจจุบัน ปตท. ได้เพิ่มปริมาณการส่งออกมากขึ้น เนื่องจาก ปตท. ได้เริ่มเดินเครื่องโรงแยกก๊าซธรรมชาติ หน่วยที่ 5 ทำให้มีปริมาณก๊าซแอลพีจีเพิ่มขึ้น ปตท. จึงได้ร่วมมือกับเอ็นพีซีเพิ่มช่องทางการส่งออกและสร้างมูลค่าเพิ่มการใช้ประโยชน์จากท่าเทียบเรือและคลังผลิตภัณฑ์ของเอ็นพีซีให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
นายวิโรจน์ กล่าวว่า ท่าเทียบเรือของเอ็นพีซีจะส่งออกก๊าซแอลพีจีของ ปตท. ในอัตราการขนส่งสูงสุดที่ 373 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง รองรับเรือขนส่งที่มีระวางขับน้ำที่ 1,000-9,000 ตัน เข้าเทียบท่า โดยท่าเทียบเรือและคลังผลิตภัณฑ์ของเอ็นพีซีนี้อยู่ห่างจากโรงโอเลฟินส์ของเอ็นพีซี ประมาณ 3 กิโลเมตร โดยเอ็นพีซีได้ก่อสร้างคลังสำหรับใช้ในการเก็บผลิตภัณฑ์ก๊าซเอทิลีนและก๊าซโพรพิลีนของเอ็นพีซี และใช้เก็บสำรองก๊าซ และสารเคมีขั้นต่อเนื่องเพื่อใช้ในขบวนการผลิตของบริษัทฯ ปัจจุบันเอ็นพีซีมีท่าเทียบเรือจำนวนทั้งสิ้น 2 แห่ง โดยแห่งแรกอยู่ห่างจากฝั่ง 4.2 กิโลเมตร และแห่งที่ 2 อยู่ห่างจากฝั่ง 5 กิโลเมตร สามารถรองรับเรือที่มีระหว่างขับน้ำตั้งแต่ 1,000-60,000 ตัน เข้าเทียบท่า
นายจิตรพงษ์ กว้างสุขสถิตย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ปตท. จำกัด (มหาชน)และนายวิโรจน์ มาวิจักขณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ปิโตรเคมีแห่งชาติ จำกัด มหาช (เอ็นพีซี) เป็นประธานในพิธีเปิดการส่งออกก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) จากโรงแยกก๊าซธรรมชาติของ ปตท. ผ่านทางท่าเทียบเรือของเอ็นพีซี จังหวัดระยอง
นายจิตรพงษ์ กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้เป็นการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด จากเดิมที่ ปตท. ส่งออกก๊าซแอลพีจีผ่านทางท่าเทียบเรือของคลังปิโตรเลียมศรีราชาของ ปตท. จังหวัดชลบุรี แต่เนื่องจากปัจจุบัน ปตท. ได้เพิ่มปริมาณการส่งออกมากขึ้น เนื่องจาก ปตท. ได้เริ่มเดินเครื่องโรงแยกก๊าซธรรมชาติ หน่วยที่ 5 ทำให้มีปริมาณก๊าซแอลพีจีเพิ่มขึ้น ปตท. จึงได้ร่วมมือกับเอ็นพีซีเพิ่มช่องทางการส่งออกและสร้างมูลค่าเพิ่มการใช้ประโยชน์จากท่าเทียบเรือและคลังผลิตภัณฑ์ของเอ็นพีซีให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
นายวิโรจน์ กล่าวว่า ท่าเทียบเรือของเอ็นพีซีจะส่งออกก๊าซแอลพีจีของ ปตท. ในอัตราการขนส่งสูงสุดที่ 373 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง รองรับเรือขนส่งที่มีระวางขับน้ำที่ 1,000-9,000 ตัน เข้าเทียบท่า โดยท่าเทียบเรือและคลังผลิตภัณฑ์ของเอ็นพีซีนี้อยู่ห่างจากโรงโอเลฟินส์ของเอ็นพีซี ประมาณ 3 กิโลเมตร โดยเอ็นพีซีได้ก่อสร้างคลังสำหรับใช้ในการเก็บผลิตภัณฑ์ก๊าซเอทิลีนและก๊าซโพรพิลีนของเอ็นพีซี และใช้เก็บสำรองก๊าซ และสารเคมีขั้นต่อเนื่องเพื่อใช้ในขบวนการผลิตของบริษัทฯ ปัจจุบันเอ็นพีซีมีท่าเทียบเรือจำนวนทั้งสิ้น 2 แห่ง โดยแห่งแรกอยู่ห่างจากฝั่ง 4.2 กิโลเมตร และแห่งที่ 2 อยู่ห่างจากฝั่ง 5 กิโลเมตร สามารถรองรับเรือที่มีระหว่างขับน้ำตั้งแต่ 1,000-60,000 ตัน เข้าเทียบท่า


