แลคตาซอย เร่งสกัดสองค่ายยักษ์ใหญ่"ยูนิลีเวอร์-เสริมสุข"จ่อคิวระเลงศึกนมถั่วเหลืองปีนี้แน่ ทุ่มงบตลาด 200 ล้านบาท พร้อมเปิดตัว2รสชาติใหม่รอบ 5 ปี แลคตาซอยกรีนที -ไลท์ ตบเท้าสิ้นปีเปิดตัวสูตรแคลเซียม สิ้นปีแชร์พุ่งเป็น 40%
นางพรรวนา มหาทรัพย์ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท แลคตาซอย จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดนมถั่วเหลืองมูลค่า 4,300ล้านบาท หรือ 140ล้านลิตร ปีนี้คาดว่าจะเติบโตได้ถึง 15% จากตัวเลขการเติบโตที่ดี อีกทั้งยังมีผู้เล่นตลาดรายหลักเพียง 2ราย จึงคาดว่าปีนี้จะมีผู้ประกอบการใหม่ 2ราย ได้แก่ ยูนิลีเวอร์ เสริมสุข เข้ามาทำตลาดนมถั่วเหลือง ดังนั้นปีนี้บริษัทจึงทุ่มการตลาดถึง 180-200ล้านบาท เทียบกับปีที่ผ่านมาใช้งบเพียง 140ล้านบาท โดยปีนี้จะเน้นทำตลาดในกรุงเทพฯเป็นหลัก ผ่านช่องทางโรงเรียนกว่า 30แห่ง จากปัจจุบันมียอดขายในกทม.30-35% และต่างจังหวัด 65-70%
ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวสินค้าใหม่ในรอบ 5ปีด้วยกัน 2 รสชาติ ได้แก่ แลคตาซอย กรีนที เพื่อตอบรับกระแสชาเขียวที่กำลังมาแรง และแลคตาซอย ไลท์ เพื่อรองรับผู้ที่ใส่ใจสุขภาพ นอกจากนี้ยังได้เปิดตัวบรรจุภัณฑ์ใหม่ 2ขนาด คือ 1,000 มล. และ 125 มล.ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ใช้งบการตลาด 50 ล้านบาท จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายและสื่อประชาสัมพันธ์
อย่างไรก็ตาม ในปลายปีนี้บริษัทยังได้เตรียมเปิดตัวรสชาติใหม่ แลคตาซอย ไลท์ แคลเซียม เพื่อให้ไลน์สินค้าครอบคลุมความต้องการของตลาด โดยคาดว่ายอดขายรสชาเขียวปีแรก 200 ล้านบาท และไลท์ 100 ล้านบาท และหลังจากเปิดตัวรสชาติใหม่ จะผลักดันให้แลคตาซอยมีส่วนแบ่งเพิ่งจาก 35% เป็น 40% ส่วนผู้นำตลาดไวตามิ้คมีส่วนแบ่ง 65%
"บริษัทจะไม่เน้นจัดกิจกรรมสปอร์ตมาร์เก็ตติงเหมือนคู่แข่ง เพราะจะทำให้กลุ่มผู้บริโภคเกิดความสับสน ดังนั้นกลยุทธ์หลักที่บริษัทใช้ เป็นกลยุทธ์ด้านราคาเป็นหลัก เช่นการเพิ่มปริมาณ 20%ในบรรจุภัณฑ์ 250 มล.เป็น 300 มล.ส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้น10เท่า และกลยุทธ์เพิ่มปริมาณไม่เพิ่มราคาทำให้บริษัทต้องทำตลาดต่อเนื่องมา 2 ปีแล้ว"
ทั้งนี้หลังจากที่ราคาถั่วเหลืองโลกปรับสูงขึ้นจากกก.ละ10 บาท เพิ่มเป็น 13-14 บาทต่อกก.รวมทั้งราคานมผง ทำให้ล่าสุดบริษัทได้ตัดสินใจปรับราคาขายส่งขึ้น หลังจากก่อนหน้านี้ได้ทยอยปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ราคาขายปลีกยังคงเดิมคือ 10 บาท อย่างไรก็ตามการจะปรับราคาสินค้าขึ้นในกลุ่มนมถั่วเหลือง จะต้องแจ้งกับกรมการค้าภายในก่อน เนื่องจากนมถั่วเหลืองเป็นสินค้าควบคุม ส่วนผลประกอบการปีที่ผ่านมา 1500 ล้านบาท ปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 20%
นางพรรวนา มหาทรัพย์ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท แลคตาซอย จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดนมถั่วเหลืองมูลค่า 4,300ล้านบาท หรือ 140ล้านลิตร ปีนี้คาดว่าจะเติบโตได้ถึง 15% จากตัวเลขการเติบโตที่ดี อีกทั้งยังมีผู้เล่นตลาดรายหลักเพียง 2ราย จึงคาดว่าปีนี้จะมีผู้ประกอบการใหม่ 2ราย ได้แก่ ยูนิลีเวอร์ เสริมสุข เข้ามาทำตลาดนมถั่วเหลือง ดังนั้นปีนี้บริษัทจึงทุ่มการตลาดถึง 180-200ล้านบาท เทียบกับปีที่ผ่านมาใช้งบเพียง 140ล้านบาท โดยปีนี้จะเน้นทำตลาดในกรุงเทพฯเป็นหลัก ผ่านช่องทางโรงเรียนกว่า 30แห่ง จากปัจจุบันมียอดขายในกทม.30-35% และต่างจังหวัด 65-70%
ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวสินค้าใหม่ในรอบ 5ปีด้วยกัน 2 รสชาติ ได้แก่ แลคตาซอย กรีนที เพื่อตอบรับกระแสชาเขียวที่กำลังมาแรง และแลคตาซอย ไลท์ เพื่อรองรับผู้ที่ใส่ใจสุขภาพ นอกจากนี้ยังได้เปิดตัวบรรจุภัณฑ์ใหม่ 2ขนาด คือ 1,000 มล. และ 125 มล.ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ใช้งบการตลาด 50 ล้านบาท จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายและสื่อประชาสัมพันธ์
อย่างไรก็ตาม ในปลายปีนี้บริษัทยังได้เตรียมเปิดตัวรสชาติใหม่ แลคตาซอย ไลท์ แคลเซียม เพื่อให้ไลน์สินค้าครอบคลุมความต้องการของตลาด โดยคาดว่ายอดขายรสชาเขียวปีแรก 200 ล้านบาท และไลท์ 100 ล้านบาท และหลังจากเปิดตัวรสชาติใหม่ จะผลักดันให้แลคตาซอยมีส่วนแบ่งเพิ่งจาก 35% เป็น 40% ส่วนผู้นำตลาดไวตามิ้คมีส่วนแบ่ง 65%
"บริษัทจะไม่เน้นจัดกิจกรรมสปอร์ตมาร์เก็ตติงเหมือนคู่แข่ง เพราะจะทำให้กลุ่มผู้บริโภคเกิดความสับสน ดังนั้นกลยุทธ์หลักที่บริษัทใช้ เป็นกลยุทธ์ด้านราคาเป็นหลัก เช่นการเพิ่มปริมาณ 20%ในบรรจุภัณฑ์ 250 มล.เป็น 300 มล.ส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้น10เท่า และกลยุทธ์เพิ่มปริมาณไม่เพิ่มราคาทำให้บริษัทต้องทำตลาดต่อเนื่องมา 2 ปีแล้ว"
ทั้งนี้หลังจากที่ราคาถั่วเหลืองโลกปรับสูงขึ้นจากกก.ละ10 บาท เพิ่มเป็น 13-14 บาทต่อกก.รวมทั้งราคานมผง ทำให้ล่าสุดบริษัทได้ตัดสินใจปรับราคาขายส่งขึ้น หลังจากก่อนหน้านี้ได้ทยอยปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ราคาขายปลีกยังคงเดิมคือ 10 บาท อย่างไรก็ตามการจะปรับราคาสินค้าขึ้นในกลุ่มนมถั่วเหลือง จะต้องแจ้งกับกรมการค้าภายในก่อน เนื่องจากนมถั่วเหลืองเป็นสินค้าควบคุม ส่วนผลประกอบการปีที่ผ่านมา 1500 ล้านบาท ปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 20%