พนักงาน กฟผ.กดดันผู้บริหารให้เสนอขึ้นเงินเดือนก่อนแปลงสภาพ เพราะขัดกับมติคณะรัฐมนตรีเดิม ที่ให้ขึ้นเงินเดือนตามค่าครองชีพที่สูงขึ้น และไม่เกี่ยวข้องกับการแปรรูป ขณะที่ผู้บริหาร กฟผ.ล่อใจระบุเตรียมขึ้นเงินเดือนหลังเข้าจดทะเบียนใน ตลท.อีกร้อยละ 15 และผู้เข้าโครงการเกษียณอายุปีนี้ จะได้สิทธิประโยชน์รวม 42 เท่าของเงินเดือน และยังได้หุ้นอีกด้วย
วันนี้ (16 พ.ค.) ที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) สำนักงานใหญ่ นายไกรสีห์ กรรณสูต ผู้ว่าการ กฟผ. พร้อมด้วยผู้บริหาร กฟผ. ได้ออกมาชี้แจงพนักงานกรณีที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ปรับขึ้นเงินเดือนพนักงานในอัตราร้อยละ 8-15 ย้อนหลังไปถึงเดือนเมษายน ปี 2547 แต่มีข้อแม้ว่าจะสามารถเบิกจ่ายเงินได้หลังแปลงสภาพ กฟผ. เป็นบริษัทจำกัด ทำให้พนักงานไม่พอใจกับเงื่อนไขดังกล่าว โดยกลุ่มที่คัดค้านการแปรรูปมีการเรียกร้องให้มีการปรับขึ้นเงินเดือนร้อยละ 15 ทันที โดยไม่ต้องรอการแปลงสภาพเป็นบริษัทมหาชน เนื่องจากการขึ้นเงินเดือนไม่เกี่ยวข้องกับการแปรรูป และยังเรียกร้องให้ยกเลิกคำสั่งปลดพนักงาน 2 คน ประกอบด้วย น.พ.บันลือ เฮงประสิทธิ์ กับ นายนพคุณ ยังเอี่ยม เพราะทั้ง 2 คน ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านแปรรูป โดยใช้โทรโข่งและเครื่องขยายเสียงเดินหน้าแปรรูป
นายไกรสีห์ กล่าวว่า ในวันนี้ได้ทำหนังสือถึง นายวิเศษ จูภิบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เพื่อขอให้พิจารณานำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อให้ปรับขึ้นเงินเดือนร้อยละ 15 ทันทีโดยไม่ต้องรอแปลงสภาพ ที่คาดว่าจะจดทะเบียนเป็นบริษัทมหาชนได้ในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ แต่ขึ้นอยู่กับคณะรัฐมนตรีว่า จะพิจารณาหรือไม่ ส่วนกรณีการเอาผิดพนักงาน ขอยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีการไล่ออก เพียงแต่มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวน อย่างไรก็ตาม แนวทางการดำเนินงานจะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวาย ปั่นป่วน จนอาจทำให้ กฟผ. มีปัญหาและล่มสลายไปในที่สุด
นายพิชัย จุลพงศธร รองผู้ว่าการ กฟผ. กล่าวกับพนักงานว่า การปรับขึ้นเงินเดือนนั้น นอกจากจะปรับขึ้นร้อยละ 15 ก่อนการแปลงสภาพแล้ว ผู้บริหารยังมีแนวคิดว่า หลังจากเป็นบริษัทมหาชน ก็จะพยายามปรับขึ้นเงินเดือนอีกร้อยละ 15 และจะนำเรื่องสิทธิของพนักงานรุ่นเก่าที่ได้ค่าไฟฟ้าฟรีร้อยละ 1-5 ของเงินเดือนนำมาปรับเป็นเงินเดือนด้วย หรือรวมปรับขึ้นเงินเดือนถึงร้อยละ 30 ซึ่งจะพยายามกำหนดแนวทางให้พนักงานได้ประโยชน์สูงสุด นอกจากนี้ มติคณะรัฐมนตรียังกำหนดให้พนักงานที่เข้าร่วมโครงการร่วมใจจาก หรือเออร์ลี่ รีไทร์ปีนี้ได้รับหุ้นด้วย โดยคาดว่าจะสามารถประกาศโครงการได้ภายในเดือนมิถุนายนนี้ และตามหลักการแล้วจะเป็นปีสุดท้ายที่จะประกาศโครงการ ซึ่งจะได้สิทธิประโยชน์ 30 เท่า ของเงินเดือนสุดท้าย บวกด้วยสิทธิประโยชน์ตามกฎหมายแรงงานอีก 6 เท่าของเงินเดือน และ กฟผ. เป็นผู้จ่ายค่าภาษีให้ด้วย ซึ่งจะเท่ากับประมาณ 6 เดือนของเงินเดือน รวมแล้วพนักงานที่เข้าโครงการจะได้ถึง 42 เดือน โดยขณะนี้ กฟผ. มีพนักงานประมาณ 26,000 คน ลดลงจากปี 2536 ประมาณ 10,000 คน
ด้านนายศิริชัย ไม้งาม ประธานสหภาพแรงงาน กฟผ. กล่าวว่า แม้ว่าฝ่ายบริหารจะทำเรื่องไปยังกระทรวงพลังงานแล้ว แต่สหภาพฯ ก็จะช่วยเรียกร้องด้วย โดยเตรียมจะขอเข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานในเร็วๆ นี้ ซึ่งหากมีการปลดพนักงาน 2 คน ที่ออกมาเรียกร้องนับว่าเป็นมาตรการรุนแรงไป เพราะการให้ออกจะต้องทำผิดถึงขนาดทุจริต แต่พนักงาน 2 คน แค่ออกมาเรียกร้องสิทธิของพนักงาน
นายเพียร ยงหนู ประธานเครือข่ายคัดค้านแปรรูปไฟฟ้า-ประปา ยืนยันว่า จะคัดค้านการแปรรูปต่อไป โดยขอให้รัฐบาลรอพระราชวินิจฉัยที่ทางเครือข่ายได้ถวายฎีกาเรื่องการแปรรูปไปแล้วและใน 1-2 วันนี้ จะนำเครือข่ายประชาชนมาชุมนุมใน กฟผ. เพราะเห็นว่ามติเรื่องการขึ้นเงินเดือนไม่เป็นธรรมต่อพนักงาน กฟผ. และเรียกร้องให้ นายไกรสีห์ ลาออกจากตำแหน่ง เพราะไม่รักษาผลประโยชน์ของพนักงาน เนื่องจากการขึ้นเงินเดือน มติคณะรัฐมนตรีก่อนหน้านี้ได้อนุมัติให้หน่วยงานรัฐวิสาหกิจปรับขึ้นเงินเดือนตามค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นไม่เกี่ยวกับการแปรรูป
วันนี้ (16 พ.ค.) ที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) สำนักงานใหญ่ นายไกรสีห์ กรรณสูต ผู้ว่าการ กฟผ. พร้อมด้วยผู้บริหาร กฟผ. ได้ออกมาชี้แจงพนักงานกรณีที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ปรับขึ้นเงินเดือนพนักงานในอัตราร้อยละ 8-15 ย้อนหลังไปถึงเดือนเมษายน ปี 2547 แต่มีข้อแม้ว่าจะสามารถเบิกจ่ายเงินได้หลังแปลงสภาพ กฟผ. เป็นบริษัทจำกัด ทำให้พนักงานไม่พอใจกับเงื่อนไขดังกล่าว โดยกลุ่มที่คัดค้านการแปรรูปมีการเรียกร้องให้มีการปรับขึ้นเงินเดือนร้อยละ 15 ทันที โดยไม่ต้องรอการแปลงสภาพเป็นบริษัทมหาชน เนื่องจากการขึ้นเงินเดือนไม่เกี่ยวข้องกับการแปรรูป และยังเรียกร้องให้ยกเลิกคำสั่งปลดพนักงาน 2 คน ประกอบด้วย น.พ.บันลือ เฮงประสิทธิ์ กับ นายนพคุณ ยังเอี่ยม เพราะทั้ง 2 คน ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านแปรรูป โดยใช้โทรโข่งและเครื่องขยายเสียงเดินหน้าแปรรูป
นายไกรสีห์ กล่าวว่า ในวันนี้ได้ทำหนังสือถึง นายวิเศษ จูภิบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เพื่อขอให้พิจารณานำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อให้ปรับขึ้นเงินเดือนร้อยละ 15 ทันทีโดยไม่ต้องรอแปลงสภาพ ที่คาดว่าจะจดทะเบียนเป็นบริษัทมหาชนได้ในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ แต่ขึ้นอยู่กับคณะรัฐมนตรีว่า จะพิจารณาหรือไม่ ส่วนกรณีการเอาผิดพนักงาน ขอยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีการไล่ออก เพียงแต่มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวน อย่างไรก็ตาม แนวทางการดำเนินงานจะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวาย ปั่นป่วน จนอาจทำให้ กฟผ. มีปัญหาและล่มสลายไปในที่สุด
นายพิชัย จุลพงศธร รองผู้ว่าการ กฟผ. กล่าวกับพนักงานว่า การปรับขึ้นเงินเดือนนั้น นอกจากจะปรับขึ้นร้อยละ 15 ก่อนการแปลงสภาพแล้ว ผู้บริหารยังมีแนวคิดว่า หลังจากเป็นบริษัทมหาชน ก็จะพยายามปรับขึ้นเงินเดือนอีกร้อยละ 15 และจะนำเรื่องสิทธิของพนักงานรุ่นเก่าที่ได้ค่าไฟฟ้าฟรีร้อยละ 1-5 ของเงินเดือนนำมาปรับเป็นเงินเดือนด้วย หรือรวมปรับขึ้นเงินเดือนถึงร้อยละ 30 ซึ่งจะพยายามกำหนดแนวทางให้พนักงานได้ประโยชน์สูงสุด นอกจากนี้ มติคณะรัฐมนตรียังกำหนดให้พนักงานที่เข้าร่วมโครงการร่วมใจจาก หรือเออร์ลี่ รีไทร์ปีนี้ได้รับหุ้นด้วย โดยคาดว่าจะสามารถประกาศโครงการได้ภายในเดือนมิถุนายนนี้ และตามหลักการแล้วจะเป็นปีสุดท้ายที่จะประกาศโครงการ ซึ่งจะได้สิทธิประโยชน์ 30 เท่า ของเงินเดือนสุดท้าย บวกด้วยสิทธิประโยชน์ตามกฎหมายแรงงานอีก 6 เท่าของเงินเดือน และ กฟผ. เป็นผู้จ่ายค่าภาษีให้ด้วย ซึ่งจะเท่ากับประมาณ 6 เดือนของเงินเดือน รวมแล้วพนักงานที่เข้าโครงการจะได้ถึง 42 เดือน โดยขณะนี้ กฟผ. มีพนักงานประมาณ 26,000 คน ลดลงจากปี 2536 ประมาณ 10,000 คน
ด้านนายศิริชัย ไม้งาม ประธานสหภาพแรงงาน กฟผ. กล่าวว่า แม้ว่าฝ่ายบริหารจะทำเรื่องไปยังกระทรวงพลังงานแล้ว แต่สหภาพฯ ก็จะช่วยเรียกร้องด้วย โดยเตรียมจะขอเข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานในเร็วๆ นี้ ซึ่งหากมีการปลดพนักงาน 2 คน ที่ออกมาเรียกร้องนับว่าเป็นมาตรการรุนแรงไป เพราะการให้ออกจะต้องทำผิดถึงขนาดทุจริต แต่พนักงาน 2 คน แค่ออกมาเรียกร้องสิทธิของพนักงาน
นายเพียร ยงหนู ประธานเครือข่ายคัดค้านแปรรูปไฟฟ้า-ประปา ยืนยันว่า จะคัดค้านการแปรรูปต่อไป โดยขอให้รัฐบาลรอพระราชวินิจฉัยที่ทางเครือข่ายได้ถวายฎีกาเรื่องการแปรรูปไปแล้วและใน 1-2 วันนี้ จะนำเครือข่ายประชาชนมาชุมนุมใน กฟผ. เพราะเห็นว่ามติเรื่องการขึ้นเงินเดือนไม่เป็นธรรมต่อพนักงาน กฟผ. และเรียกร้องให้ นายไกรสีห์ ลาออกจากตำแหน่ง เพราะไม่รักษาผลประโยชน์ของพนักงาน เนื่องจากการขึ้นเงินเดือน มติคณะรัฐมนตรีก่อนหน้านี้ได้อนุมัติให้หน่วยงานรัฐวิสาหกิจปรับขึ้นเงินเดือนตามค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นไม่เกี่ยวกับการแปรรูป