รมช.คลัง กำชับอธิบดีกรมศุลกากรเพิ่มความเข้มงวดในการวางตัวผู้รับตำแหน่งนายด่านศุลกากรที่สำคัญ ๆ ตามแนวชายแดน เพื่อป้องกันการทุจริต พร้อมเตรียมเดินสายตรวจด่านทั่วประเทศอีกในช่วง 2 เดือนนี้ ระบุหลังจากมอบนโยบายไปแล้วน่าจะเห็นความเปลี่ยนแปลงในช่วงครึ่งปีหลัง "สถิตย์"รับลูกต่อเตรียมดึงเอกชนเข้าโครงการ "ร่วมใจ ใสสะอาด"เพิ่ม เพื่อเป็นการรณรงค์ไม่จ่ายเงินใต้โต๊ะให้แก่เจ้าหน้าที่
นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมกรมศุลกากร ว่า ได้มอบหมายให้นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ อธิบดีกรมศุลกากร และผู้บริหารระดับสูง เพิ่มความเข้มงวดในการวางกติกาและวางตัวบุคลากรที่จะเข้ารับตำแหน่งนายด่านตามด่านที่สำคัญ ๆ ตามแนวชายแดนหลัก ที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้านและเป็นด่านมีผลประโยชน์สูง เพื่อป้องกันการทุจริต เนื่องจากกรมศุลกากรมีความใกล้ชิดกับประชาชนค่อนข้างมาก
นายวราเทพ กล่าวว่า การแต่งตั้งนายด่านไปประจำด่านที่สำคัญ ๆ ควรมีระยะเวลาในการดำรงตำแหน่งไม่เกิน 4 ปี เพื่อป้องกันการมีอำนาจในการแสวงหาผลประโยชน์ และให้กรมศุลกากรปรับปรุงภาพลักษณ์อาคารสถานที่ปฏิบัติงานให้สวยงามโดยเน้นรูปทรงความเป็นไทยและวัฒนธรรมของพื้นที่นั้น ๆ และอำนวยความสะดวกการให้บริการแก่ประชาชน
“นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ฝากมาให้กรมศุลกากรเน้นการทำงานด้านบุคคลมากขึ้น หลังจากปีที่ผ่านมาได้พยายามปรับปรุงระบบ โดยใช้เทคโนโลยีมากขึ้น เพื่อลดขั้นตอนการดำเนินการ และให้ความรู้ความเข้าใจแก่เจ้าหน้าที่ระดับภูมิภาคเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ต่าง ๆ ของกรมฯ โดยเฉพาะการสร้างความโปร่งใสในการปฏิบัติงาน เพื่อป้องกันการทุจริต คอร์รัปชั่น” นายวราเทพ กล่าว
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวอีกว่า ภายในช่วง 2 เดือนนี้ อธิบดีกรมศุลกากรและผู้บริหารจะออกตรวจสอบทุกด่านทั่วประเทศ และเชื่อว่าครึ่งปีหลังน่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงหลังจากได้มีการมอบนโยบายไปแล้ว โดยจะมีการประเมินประสิทธิภาพการทำงานทุก 6 เดือน รวมถึงเปิดช่องให้ประชาชนในพื้นที่สามารถตรวจสอบกรมศุลกากรได้ สำหรับการระบบการทำงานของผู้ว่าฯ ซีอีโอ จะมีภาคเอกชนเข้ามาเป็นที่ปรึกษาอยู่แล้ว ดังนั้นจะเป็นอีกช่องทางสะท้อนปัญหาการทำงานของส่วนราชการของกระทรวงการคลัง
ด้านนายสถิตย์ กล่าวว่า สำหรับโครงการ “ร่วมใจ ใสสะอาด” จะขยายสมาชิกภาคเอกชนที่เข้าร่วมโครงการให้ทั่วประเทศ เพื่อยืนยันว่าจะไม่จ่ายใต้โต๊ะให้แก่เจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นช่องทางหนึ่งให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบ ยอมรับว่าถึงแม้ที่ผ่านมาจะไม่มีการร้องเรียนเรื่องทุจริตของเจ้าหน้าที่ ซึ่งมีเพียงปัญหาติดขัดข้อระเบียบ ซึ่งลดแก้ไขระเบียบไม่ให้ติดขัดซํ้าซ้อน เชื่อว่าปัญหาการทุจริตน่าจะลดลงไปได้
นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมกรมศุลกากร ว่า ได้มอบหมายให้นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ อธิบดีกรมศุลกากร และผู้บริหารระดับสูง เพิ่มความเข้มงวดในการวางกติกาและวางตัวบุคลากรที่จะเข้ารับตำแหน่งนายด่านตามด่านที่สำคัญ ๆ ตามแนวชายแดนหลัก ที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้านและเป็นด่านมีผลประโยชน์สูง เพื่อป้องกันการทุจริต เนื่องจากกรมศุลกากรมีความใกล้ชิดกับประชาชนค่อนข้างมาก
นายวราเทพ กล่าวว่า การแต่งตั้งนายด่านไปประจำด่านที่สำคัญ ๆ ควรมีระยะเวลาในการดำรงตำแหน่งไม่เกิน 4 ปี เพื่อป้องกันการมีอำนาจในการแสวงหาผลประโยชน์ และให้กรมศุลกากรปรับปรุงภาพลักษณ์อาคารสถานที่ปฏิบัติงานให้สวยงามโดยเน้นรูปทรงความเป็นไทยและวัฒนธรรมของพื้นที่นั้น ๆ และอำนวยความสะดวกการให้บริการแก่ประชาชน
“นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ฝากมาให้กรมศุลกากรเน้นการทำงานด้านบุคคลมากขึ้น หลังจากปีที่ผ่านมาได้พยายามปรับปรุงระบบ โดยใช้เทคโนโลยีมากขึ้น เพื่อลดขั้นตอนการดำเนินการ และให้ความรู้ความเข้าใจแก่เจ้าหน้าที่ระดับภูมิภาคเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ต่าง ๆ ของกรมฯ โดยเฉพาะการสร้างความโปร่งใสในการปฏิบัติงาน เพื่อป้องกันการทุจริต คอร์รัปชั่น” นายวราเทพ กล่าว
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวอีกว่า ภายในช่วง 2 เดือนนี้ อธิบดีกรมศุลกากรและผู้บริหารจะออกตรวจสอบทุกด่านทั่วประเทศ และเชื่อว่าครึ่งปีหลังน่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงหลังจากได้มีการมอบนโยบายไปแล้ว โดยจะมีการประเมินประสิทธิภาพการทำงานทุก 6 เดือน รวมถึงเปิดช่องให้ประชาชนในพื้นที่สามารถตรวจสอบกรมศุลกากรได้ สำหรับการระบบการทำงานของผู้ว่าฯ ซีอีโอ จะมีภาคเอกชนเข้ามาเป็นที่ปรึกษาอยู่แล้ว ดังนั้นจะเป็นอีกช่องทางสะท้อนปัญหาการทำงานของส่วนราชการของกระทรวงการคลัง
ด้านนายสถิตย์ กล่าวว่า สำหรับโครงการ “ร่วมใจ ใสสะอาด” จะขยายสมาชิกภาคเอกชนที่เข้าร่วมโครงการให้ทั่วประเทศ เพื่อยืนยันว่าจะไม่จ่ายใต้โต๊ะให้แก่เจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นช่องทางหนึ่งให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบ ยอมรับว่าถึงแม้ที่ผ่านมาจะไม่มีการร้องเรียนเรื่องทุจริตของเจ้าหน้าที่ ซึ่งมีเพียงปัญหาติดขัดข้อระเบียบ ซึ่งลดแก้ไขระเบียบไม่ให้ติดขัดซํ้าซ้อน เชื่อว่าปัญหาการทุจริตน่าจะลดลงไปได้