ทเวนตี้เซ็นจูรี่ฟ็อกซ์ อัดเงิน 15 ล้านบาท ปลุกกระแสสตาร์วอร์ มากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา หวังสร้างรายได้มากขึ้น สินค้าและบริการแห่ร่วมวงซื้อลิขสิทธิ์สตาร์วอร์ฟีเวอร์
นายเฮนรี่ ทราน ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ทเวนตี้ เซ็นจูรี่ ฟ็อกซ์ ไทยแลนด์ เปิดเผยว่า ในภาคสุดท้ายของสตาร์วอร์ Star Wars Episode 3 ซึ่งเป็นหนังฟอร์มยักษ์ที่จะลงโรงฉายในวันที่ 19 พฤษภาคม ทั่วโลกนี้ คาดว่าจะทำรายได้มากกว่าภาคอื่นๆที่ผ่านมา โดยภาคหนึ่ง Star Wars Episode 1ทำรายได้ในเมืองไทยไว้ที่ 113ล้านบาท ในภาคนี้บริษัทฯเตรียมทุ่มงบประมาณทำตลาด 15 ล้านบาทซึ่งมากกว่าครั้งที่ผ่านมา
“คาดว่าหนังเรื่องนี้จะประสบความสำเร็จในเรื่องรายได้อย่างแน่นอน เพราะกลุ่มผู้ที่ดูหนังนั้นเป็นกลุ่มที่กว้างมากไม่ใช่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเฉพาะ รวมถึงแบรนด์ของ Star Wars เป็นแบรนด์ดิ้งที่ค่อนข้างแข็ง ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีธุรกิจมากมายที่สนใจเข้ามาทำตลาดร่วมกับภาพยนตร์เรื่องนี้ อย่างเช่น บัตรเติมเงิน 1- 2- call อาร์.เอส.ฯ มือถือโซนี่ อีริคสัน เนสท์เล่และอื่นๆอีกมากมาย คาดว่าจะเป็นกระแสที่ค่อนข้างแรงมากเลยทีเดียว”
สำหรับในปีนี้บริษัทฯจะมีหนังเข้าฉายอีกประมาณ17-18 เรื่อง โดยจะเป็นหนังฟอร์มยักษ์ประมาณ 4 เรื่อง รวมถึงเรื่อง Star Wars Episode 3
เขากล่าวด้วยว่า แนวโน้มของเศรษฐกิจในปัจจุบันยังไม่ส่งผลต่อธุรกิจภาพยนตร์มากนัก
โดยในปีนี้ทิศทางของภาพยนตร์ไทยในปัจจุบันมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีขึ้น ซึ่งสังเกตได้จากรายได้รวมของภาพยนตร์ไทยที่เข้าฉายล่าสุดที่ผ่านมาล้วนแต่ทำรายได้ที่สูงหลายเรื่อง เช่น หลวงพี่เท่ง และ จอมขมังเวทย์ ก็เป็นตัวยืนยันได้อย่างดี โดยปัจจัยที่ทำให้หนังแต่ละเรื่องประสบความ สำเร็จก็คือเนื้อหาของหนังที่ถูกใจผู้ชม ส่วนรสนิยมของผู้บริโภคในปัจจุบันจะเน้นดูหนังที่มี สเปเชี่ยลเอฟเฟค ทุนสร้างสูง หรือเข้าถึงเนื้อหาของหนังได้ง่าย
ล่าสุดบริษัท อาร์.เอส.โปรโมชั่น จำกัด (มหาชน)ได้ร่วมกับ บริษัท ทเวนตี้เซนจูรี่ฟอกซ์ ไทยแลนด์ และ พีพีดับบลิว ในการนำเสนอโมบายคอนเทนต์ต่างๆจากภาพยนต์เรื่อง Star War
เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว อาทิ โลโก้ ริงโทน คัลเลอร์วอลเปเปอร์ สกรีนเซฟเวอร์ และจาวาเกมส์ด้วยซึ่งคาดว่าน่าจะมีปริมาณการโหลดประมาณ
2-3 แสนโหลด
นายเฮนรี่ ทราน ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ทเวนตี้ เซ็นจูรี่ ฟ็อกซ์ ไทยแลนด์ เปิดเผยว่า ในภาคสุดท้ายของสตาร์วอร์ Star Wars Episode 3 ซึ่งเป็นหนังฟอร์มยักษ์ที่จะลงโรงฉายในวันที่ 19 พฤษภาคม ทั่วโลกนี้ คาดว่าจะทำรายได้มากกว่าภาคอื่นๆที่ผ่านมา โดยภาคหนึ่ง Star Wars Episode 1ทำรายได้ในเมืองไทยไว้ที่ 113ล้านบาท ในภาคนี้บริษัทฯเตรียมทุ่มงบประมาณทำตลาด 15 ล้านบาทซึ่งมากกว่าครั้งที่ผ่านมา
“คาดว่าหนังเรื่องนี้จะประสบความสำเร็จในเรื่องรายได้อย่างแน่นอน เพราะกลุ่มผู้ที่ดูหนังนั้นเป็นกลุ่มที่กว้างมากไม่ใช่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเฉพาะ รวมถึงแบรนด์ของ Star Wars เป็นแบรนด์ดิ้งที่ค่อนข้างแข็ง ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีธุรกิจมากมายที่สนใจเข้ามาทำตลาดร่วมกับภาพยนตร์เรื่องนี้ อย่างเช่น บัตรเติมเงิน 1- 2- call อาร์.เอส.ฯ มือถือโซนี่ อีริคสัน เนสท์เล่และอื่นๆอีกมากมาย คาดว่าจะเป็นกระแสที่ค่อนข้างแรงมากเลยทีเดียว”
สำหรับในปีนี้บริษัทฯจะมีหนังเข้าฉายอีกประมาณ17-18 เรื่อง โดยจะเป็นหนังฟอร์มยักษ์ประมาณ 4 เรื่อง รวมถึงเรื่อง Star Wars Episode 3
เขากล่าวด้วยว่า แนวโน้มของเศรษฐกิจในปัจจุบันยังไม่ส่งผลต่อธุรกิจภาพยนตร์มากนัก
โดยในปีนี้ทิศทางของภาพยนตร์ไทยในปัจจุบันมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีขึ้น ซึ่งสังเกตได้จากรายได้รวมของภาพยนตร์ไทยที่เข้าฉายล่าสุดที่ผ่านมาล้วนแต่ทำรายได้ที่สูงหลายเรื่อง เช่น หลวงพี่เท่ง และ จอมขมังเวทย์ ก็เป็นตัวยืนยันได้อย่างดี โดยปัจจัยที่ทำให้หนังแต่ละเรื่องประสบความ สำเร็จก็คือเนื้อหาของหนังที่ถูกใจผู้ชม ส่วนรสนิยมของผู้บริโภคในปัจจุบันจะเน้นดูหนังที่มี สเปเชี่ยลเอฟเฟค ทุนสร้างสูง หรือเข้าถึงเนื้อหาของหนังได้ง่าย
ล่าสุดบริษัท อาร์.เอส.โปรโมชั่น จำกัด (มหาชน)ได้ร่วมกับ บริษัท ทเวนตี้เซนจูรี่ฟอกซ์ ไทยแลนด์ และ พีพีดับบลิว ในการนำเสนอโมบายคอนเทนต์ต่างๆจากภาพยนต์เรื่อง Star War
เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว อาทิ โลโก้ ริงโทน คัลเลอร์วอลเปเปอร์ สกรีนเซฟเวอร์ และจาวาเกมส์ด้วยซึ่งคาดว่าน่าจะมีปริมาณการโหลดประมาณ
2-3 แสนโหลด