บาคาร์ดี เร่งปลุกกระแสตลาดไวท์ สปิริตในไทย หลังเห็นแววกระแสมาแรงย่านเอเชีย ยืมมือบาร์เทนเดอร์เปลี่ยนพฤติกรรมเหล้าผสมโซดากระพือค็อกเทล เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ สานต่อโครงการแข่งขันชิงแชมป์บาร์เทนเดอร์ ยกระดับมาตรฐานสู่สากล คาดคนแห่ร่วมราว 200 ราย สิ้นปีตั้งเป้าโต 8%
นายมาเฮส มาดฮาวาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท บาคาร์ดี (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บอมเบย์ แซฟไฟร์ และบาคาร์ดี เปิดเผยถึงแนวโน้มตลาดไวท์ สปิริต หรือเหล้าสำหรับทำค็อกเทลว่า เป็นเทรนด์ที่กำลังค่อยๆก่อตัวขึ้นในทวีปเอเชียนับตั้งแต่ 10 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในจีนและอินเดียทั้งสองประเภทมีการเติบโตที่สูงมาก สำหรับประเทศไทยตลาดไวท์ สปิริตมีอัตราการเติบโตปีละ 1% เท่านั้น เนื่องจากการแข่งขันตลาดส่วนใหญ่ ผู้ประกอบการจะลงมาเล่นในตลาดเหล้า เฉพาะวิสกี้ ไทยมีมูลค่า 15 ล้านลัง เหล้าขาว 40 ล้านลัง และเบียร์มูลค่าสูงถึง 150 ล้านลัง ส่วนตลาดวิสกี้นำเข้าและไวท์ สปิริตมีมูลค่า 7.2 ล้านลัง จากมูลค่าตลาดรวม 227 ล้านลัง
“พฤติกรรมการดื่มค็อกเทลในกลุ่มคนไทยยังจำกัดในวงแคบมีเฉพาะนักท่องเที่ยวและกลุ่มคนรุ่นใหม่เท่านั้น ทำให้ตลาดไวท์ สปิริตในไทยต้องใช้เวลาสร้างนาน 3 -10 ปี ตลาดถึงจะขยายในวงกว้าง โดยหลักๆในตลาดกลุ่มเบียร์และเหล้ายังเป็นตลาดขนาดใหญ่อยู่ นอกจากนี้ผู้ประกอบการในไวท์ สปิริตส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยเคลื่อนไหวในตลาดดังกล่าวมากนัก โดยบาคาร์ดีเป็นเพียงแบรนด์เดียวที่มีการเคลื่อนไหวอย่างจริงจัง ทำให้เมื่อเทียบกับตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในอเมริกาโดยรวมมูลค่า 50 ล้านลัง ไวท์ สปิริตเป็นตลาดใหญ่ที่สุดมีมูลค่า 10 ล้านลัง”
สำหรับแผนเพื่อผลักดันให้ตลาดไวท์ สปิริตขยายตัวในวงกว้าง บริษัทจะทำตลาดผ่านช่องทางบาร์เทนเดอร์เป็นหลัก ซึ่งแต่ละปีจะมีการจัดอบรมให้กับบาร์เทนเดอร์ โดยปีที่ผ่านมาจัดโครงการ Cocktail Mixology นำผู้ที่มีชื่อเสียงในวงการบาร์เทนเดอร์ มาเป็นแอมบาสเดอร์หรือฑูตตราสินค้าแบรนด์บาคาร์ดี รัม คือ Raj Nagra
ส่วนแอมบาสเดอร์ของบอมเบย์ แซฟไฟร์ เป็น Gamie Walker มาอบรมบาร์เทนเดอร์ตามโรงแรม สถานบันเทิง ระดับ 5-6 ดาว กว่า1,000 คน และจัดกิจกรรมผ่านสถานบันเทิง ผับ บาร์ สาวเชียร์สินค้า
ล่าสุดบาคาร์ดี สานต่อโครงการแข่งขันชิงแชมป์บาร์เทนเดอร์ รายการ “Bacardi – Martini Grand Prix 2005 Thailand Chamionship“ เพื่อหาตัวแทนประเทศไปร่วมชิงชนะเลิศที่ อิตาลี เจาะกลุ่มบาร์เทนเดอร์ชั้นนำ หลังจากประสบความสำเร็จอย่างสูงจากรายการแข่งขันปีที่แล้ว ซึ่งปีนี้มาตรฐานการตัดสินจะเปลี่ยนแปลงไป โดยยึดหลักระดับสากล ซึ่งคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมประกวดภาคละ 30 คน ส่วนในกรุงเทพฯ 40-50 คน จากนั้นจะเหลือผู้เข้าชิงชนะเลิศ 10 คน วันที่ 30 พ.ค.นี้
“การเข้าหาบาร์เทนเดอร์ ส่วนหนึ่งจะทำให้ตลาดขยายตัวเพิ่มขึ้น และเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้มากขึ้น อย่างไรก็ตามจากการสำรวจ พบว่าการรับรู้ของคนไทยเกี่ยวกับตลาดไวท์ สปิริตดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าขณะนี้พฤติกรรมการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะเป็นลักษณะดื่มวิสกี้ผสมน้ำ หรือโซดาเป็นส่วนใหญ่ และเลือกที่จะดื่มแบบขวดมากกว่าที่จะดื่มเป็นฉอดๆอย่างตลาดไวท์ สปิริตก็ตาม”
ปัจจุบันบาคาร์ดี เป็นผู้นำตลาดเหล้าไวท์ สปิริตระดับพรีเมียมทั่วโลก มียอดขาย 19.5 ล้านลัง สเมอนอฟฟ์ 15.5 ล้นลัง และจอห์นนี่ วอล์เกอร์ 7.9 ล้านลัง ส่วนในไทยบาคาร์ดีก็เป็นผู้นำตลาดกลุ่มไวท์ สปิริต และถือว่าเป็นสินค้าเรือธงที่สร้างรายได้ให้แก่บริษัทมากที่สุด ผลประกอบการปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 8%
นายมาเฮส มาดฮาวาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท บาคาร์ดี (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บอมเบย์ แซฟไฟร์ และบาคาร์ดี เปิดเผยถึงแนวโน้มตลาดไวท์ สปิริต หรือเหล้าสำหรับทำค็อกเทลว่า เป็นเทรนด์ที่กำลังค่อยๆก่อตัวขึ้นในทวีปเอเชียนับตั้งแต่ 10 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในจีนและอินเดียทั้งสองประเภทมีการเติบโตที่สูงมาก สำหรับประเทศไทยตลาดไวท์ สปิริตมีอัตราการเติบโตปีละ 1% เท่านั้น เนื่องจากการแข่งขันตลาดส่วนใหญ่ ผู้ประกอบการจะลงมาเล่นในตลาดเหล้า เฉพาะวิสกี้ ไทยมีมูลค่า 15 ล้านลัง เหล้าขาว 40 ล้านลัง และเบียร์มูลค่าสูงถึง 150 ล้านลัง ส่วนตลาดวิสกี้นำเข้าและไวท์ สปิริตมีมูลค่า 7.2 ล้านลัง จากมูลค่าตลาดรวม 227 ล้านลัง
“พฤติกรรมการดื่มค็อกเทลในกลุ่มคนไทยยังจำกัดในวงแคบมีเฉพาะนักท่องเที่ยวและกลุ่มคนรุ่นใหม่เท่านั้น ทำให้ตลาดไวท์ สปิริตในไทยต้องใช้เวลาสร้างนาน 3 -10 ปี ตลาดถึงจะขยายในวงกว้าง โดยหลักๆในตลาดกลุ่มเบียร์และเหล้ายังเป็นตลาดขนาดใหญ่อยู่ นอกจากนี้ผู้ประกอบการในไวท์ สปิริตส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยเคลื่อนไหวในตลาดดังกล่าวมากนัก โดยบาคาร์ดีเป็นเพียงแบรนด์เดียวที่มีการเคลื่อนไหวอย่างจริงจัง ทำให้เมื่อเทียบกับตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในอเมริกาโดยรวมมูลค่า 50 ล้านลัง ไวท์ สปิริตเป็นตลาดใหญ่ที่สุดมีมูลค่า 10 ล้านลัง”
สำหรับแผนเพื่อผลักดันให้ตลาดไวท์ สปิริตขยายตัวในวงกว้าง บริษัทจะทำตลาดผ่านช่องทางบาร์เทนเดอร์เป็นหลัก ซึ่งแต่ละปีจะมีการจัดอบรมให้กับบาร์เทนเดอร์ โดยปีที่ผ่านมาจัดโครงการ Cocktail Mixology นำผู้ที่มีชื่อเสียงในวงการบาร์เทนเดอร์ มาเป็นแอมบาสเดอร์หรือฑูตตราสินค้าแบรนด์บาคาร์ดี รัม คือ Raj Nagra
ส่วนแอมบาสเดอร์ของบอมเบย์ แซฟไฟร์ เป็น Gamie Walker มาอบรมบาร์เทนเดอร์ตามโรงแรม สถานบันเทิง ระดับ 5-6 ดาว กว่า1,000 คน และจัดกิจกรรมผ่านสถานบันเทิง ผับ บาร์ สาวเชียร์สินค้า
ล่าสุดบาคาร์ดี สานต่อโครงการแข่งขันชิงแชมป์บาร์เทนเดอร์ รายการ “Bacardi – Martini Grand Prix 2005 Thailand Chamionship“ เพื่อหาตัวแทนประเทศไปร่วมชิงชนะเลิศที่ อิตาลี เจาะกลุ่มบาร์เทนเดอร์ชั้นนำ หลังจากประสบความสำเร็จอย่างสูงจากรายการแข่งขันปีที่แล้ว ซึ่งปีนี้มาตรฐานการตัดสินจะเปลี่ยนแปลงไป โดยยึดหลักระดับสากล ซึ่งคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมประกวดภาคละ 30 คน ส่วนในกรุงเทพฯ 40-50 คน จากนั้นจะเหลือผู้เข้าชิงชนะเลิศ 10 คน วันที่ 30 พ.ค.นี้
“การเข้าหาบาร์เทนเดอร์ ส่วนหนึ่งจะทำให้ตลาดขยายตัวเพิ่มขึ้น และเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้มากขึ้น อย่างไรก็ตามจากการสำรวจ พบว่าการรับรู้ของคนไทยเกี่ยวกับตลาดไวท์ สปิริตดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าขณะนี้พฤติกรรมการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะเป็นลักษณะดื่มวิสกี้ผสมน้ำ หรือโซดาเป็นส่วนใหญ่ และเลือกที่จะดื่มแบบขวดมากกว่าที่จะดื่มเป็นฉอดๆอย่างตลาดไวท์ สปิริตก็ตาม”
ปัจจุบันบาคาร์ดี เป็นผู้นำตลาดเหล้าไวท์ สปิริตระดับพรีเมียมทั่วโลก มียอดขาย 19.5 ล้านลัง สเมอนอฟฟ์ 15.5 ล้นลัง และจอห์นนี่ วอล์เกอร์ 7.9 ล้านลัง ส่วนในไทยบาคาร์ดีก็เป็นผู้นำตลาดกลุ่มไวท์ สปิริต และถือว่าเป็นสินค้าเรือธงที่สร้างรายได้ให้แก่บริษัทมากที่สุด ผลประกอบการปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 8%