xs
xsm
sm
md
lg

"สมคิด"ชี้พร้อมทุ่มงบดันยอดส่งออกให้เป็นไปตามเป้า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุหากจำเป็นต้องใช่งบประมาณในการทำตลาดและส่งเสริมการส่งออกเพื่อผลักดันยอดการส่งออกก็พร้อมที่จะสนับสนุนเต็มที่ ส่วนเป้าหมายการส่งออกที่มอบที่ให้สำนักงานส่งเสริมการค้านั้น ไม่ได้ต้องการวัดผลงานหรือกดดันแต่อย่างไร เพียงแต่ต้องการช่วยเหลือรัฐลบาลผลักดันยอส่งออกให้เป็นไปตามเป้าเท่านั้น โดยหากทำได้จริงหรือแค่เฉียดก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวมอบนโยบายและแผนปฏิบัติการให้แก่สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศจำนวน 53 ประเทศทั่วโลก ว่า การที่รัฐบาลได้กำหนดเพิ่มเป้าหมายการส่งออกจากร้อยละ 13-15 เป็นร้อยละ 20 ไม่ได้ต้องการวัดผลงานของสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ หรือต้องการกดดันการทำงาน แต่จะเป็นการช่วยเหลือรัฐบาลให้สามารถผลักดันการส่งออกเป็นไปตามเป้าหมาย และทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น และถือเป็นการทำงานในมิติใหม่ แม้จะตั้งเป้าหมายไว้ร้อยละ 20 แต่หากทำเต็มที่แล้วการส่งออกขยายตัวเฉียดร้อยละ 20 หรือหากทำไม่ได้ตรงตามเป้าหมาย ก็ถือว่ารัฐบาลประสบผลสำเร็จ

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้เปลี่ยนมิติการทำงานใหม่ ไม่ใช่การทำงานหรือเป้าหมายอะไรจะต้องผูกติดอยู่กับงบประมาณเพียงอย่างเดียว เพราะหากประเทศคู่ค้า เช่น จีน อินเดีย ซึ่งมีกำลังซื้อมหาศาล หากจำเป็นต้องใช้งบประมาณมากน้อยแค่ไหน ก็ขอให้ทำเรื่องมาที่รัฐบาล รัฐบาลพร้อมที่จะอำนวยความสะดวกไม่จำกัดงบประมาณ หากสามารถใช้งบประมาณเพื่อกระตุ้นการส่งออกให้ตรงตามเป้าหมายรัฐบาลก็พร้อมเต็มที่ ซึ่งแนวทางของมิติใหม่ของการทำงานระบบราชการจะต้องวางเป้าหมายการทำงาน อย่าไปพะวงในเรื่องงบประมาณ เพราะการเจาะตลาด เช่น จีนและอินเดีย หรือสหรัฐอเมริกา ซึ่งสินค้าไทยมีโอกาสขยายตลาดได้มากขึ้น แต่ที่ผ่านมาด้วยกำลังคนและงบประมาณที่ดูแลอยู่ถูกจำกัด ทำให้การทำงานหรือการหาตลาดไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร

นายสมคิด กล่าวว่า หากจำเป็นต้องใช้งบประมาณในการทำตลาดให้สินค้าไทยเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก รัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ หากบุคลากรในแต่ละประเทศไม่เพียงพอก็สามารถว่าจ้างคนในท้องถิ่นมาเป็นผู้ทำตลาดสินค้าไทย ซึ่งจากการที่ได้มีการหารือกับผู้ส่งออกรายใหญ่ของประเทศ ผู้ส่งออกรายใหญ่ทุกรายต่างยืนยันการตั้งเป้าหมายการส่งออกในปีนี้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 20 ไม่น่ามีปัญหา น่าจะสามารถทำได้ ดังนั้น จึงเป็นโอกาสดีที่ทุกคนจะต้องวิ่งเข้าหาเป้าหมายและจะต้องทำงานร่วมกันแบบพิเศษ เพราะเมื่อราคาน้ำมันแพงเช่นนี้ ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศผู้ผลิตน้ำมัน แต่เป็นประเทศผู้นำเข้าน้ำมัน ดังนั้น สิ่งที่ไทยจะต้องเร่งชดเชยการนำเข้าอัตราน้ำมันสูง คือ เจาะตลาดเก่าและใหม่ให้หนักขึ้น

นายสมคิด กล่าวอีกว่า การทำงานในระบบมิติใหม่ทุกด้านจะต้องมีความพร้อมไม่ว่าจะเป็นสินค้า การเจาะตลาดเก่าและใหม่ การพัฒนาระบบคน การพัฒนาแบรนด์สินค้าและอุปกรณ์สื่อสารที่จะต้องพร้อม ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เป็นเรื่องใหม่ แต่จำเป็นจะต้องมีการปรับปรุง และตนรู้สึกเสียใจในช่วงรัฐบาลที่ผ่านมาที่เคยดำเนินการโครงการครัวไทยสู่ครัวโลก แต่หลังจากที่ตนไม่ได้ดูแลโครงการดังกล่าว ก็ไม่มีการดูแลเท่าที่ควร จึงอยากฝากกระทรวงพาณิชย์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้ร่วมกันพัฒนาและเดินหน้าโครงการครัวไทยสู่ครัวโลกให้มากขึ้น

นางจันทรา บูรณฤกษ์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ได้มีการปรับเป้าหมายการส่งออกในรายกลุ่มประเทศ เช่น ตลาดสหรัฐอเมริกา จากเดิมร้อยละ 5 เป้าหมายใหม่เป็นร้อยละ 10 หรือคิดเป็นมูลค่า 17,068 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลาดสหภาพยุโรป (อียู) เดิมร้อยละ 12 เป็นร้อยละ 14.2 หรือคิดเป็นมูลค่า 15,762.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลาดภูมิภาคเอเชียตะวันออก เดิมอยู่ที่ร้อยละ 15 เป็นร้อยละ 20 หรือคิดเป็นมูลค่า 16,252 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลาดในกลุ่มอาเซียน จากร้อยละ 8.9 เป็นร้อยละ 18 หรือคิดเป็นมูลค่า 20,594.66 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลาดจีนจากร้อยละ 25 เป็นร้อยละ 30 หรือคิดเป็นมูลค่า 9,255 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และตลาดอื่น ๆ เช่น อินเดีย ก็มีเป้าหมายที่จะผลักดันการส่งออกของไทยให้มีอัตราสูงขึ้นด้วยเช่นกัน

นางจันทรา กล่าวอีกว่า เท่าที่ได้มีการรับฟังปัญหาของทูตพาณิชย์ทั้ง 53 แห่งทั่วโลก ต่างก็ยืนยันว่าเป้าหมายร้อยละ 20 ตามที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้น่าจะสามารถทำได้ ซึ่งขณะนี้ในแต่ละส่วนงานอยู่ระหว่างการจัดทำแผนทั้งระยะสั้นและกลาง รวมถึงงบประมาณที่จะส่งให้กรมส่งเสริมการส่งออกพิจารณาก่อนที่จะเสนอรัฐบาลต่อไป อย่างไรก็ตาม โครงการจัดตั้งที่ปรึกษากิตติมศักดิ์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของไทยในต่างประเทศ ทางกรมฯ มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ทั่วโลกเป็นที่ปรึกษาทางด้านการเจาะตลาดได้เป็นอย่างดี และในปีนี้จะมีการแต่งตั้งที่ปรึกษาเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นอินเดีย ตะวันออกกลาง แอฟริกา และอีกหลายประเทศ ซึ่งที่ปรึกษาเหล่านี้เป็นนักธุรกิจมืออาชีพที่จะสามารถช่วยประเทศไทยผลักดันสินค้า และเจรจาทางด้านการค้าของไทยได้เป็นอย่างดี

ในปีที่ผ่านมา กรมฯ ได้รับรายงานว่ามีที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ 1 ราย ที่มีพฤติกรรมทางการค้าไม่ดี ซึ่งเป็นที่ปรึกษาและเป็นผู้ค้านำเข้าเอง โดยเฉพาะในตลาดอินเดียได้สร้างความเสียหายในกลุ่มสินค้ามะขามเปียกและแห้งที่ส่งไปตลาดอินเดีย และเกิดมีปัญหามอดกินในมะขาม ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนพฤติกรรม หากเข้าข่ายไม่ดีคงต้องมีการปลดที่ปรึกษากิตติมศักดิ์รายดังกล่าวต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น