ประธานพาต้าชี้ภัยธรรมชาติ แผ่นดินไหว ส่งผลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในเอเชียเติบโตแบบถดถอย จาก 12% ลดเหลือ 7% แนะรัฐบาลไทยควรส่งเสริมอุตสาหกรรมดำน้ำ สามารถเพิ่มรายได้ด้านการท่องเที่ยวให้ไทยได้ ขณะที่ผู้ว่า ททท.เตรียมเรียกผู้ประกอบการร่วมจัดแพคเกจท่องเที่ยวก่อนส่งให้ “สมคิด”พิจารณา
นายปีเตอร์ เดอ จอง ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สมาคมท่องเที่ยว แห่งเอเชียแปซิฟิกหรือพาต้า เปิดเผยว่า เหตุการณ์แผ่นดินไหว ที่เกาะสุมาตรา และการเกิดอาฟเตอร์ช็อกหลายประเทศในภูมิภาค รวมถึงประเทศไทย จะส่งผลกระทบให้นักท่องเที่ยวชะลอการเดินทางมาประเทศไทยเพียง 5-10% และเป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น โดยเชื่อว่า ทั้งนักท่องเที่ยว และผู้ประกอบการ จะเรียนรู้ที่จะอยู่และระวังภัย จากภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้น
โดยปัจจุบันสัดส่วนนักท่องเที่ยวเอเชียที่จะเดินทางท่องเที่ยวกันเองในภูมิภาคมีเพิ่มขึ้น จากสัดส่วน 30% ในอดีต เพิ่มเป็น 70% ของจำนวน นักท่องเที่ยวที่เดินทางในภูมิภาคเอเชียทั้งหมด และเห็นได้ชัดว่า กลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ อย่างเช่น ยุโรป อเมริกา ออสเตรเลียที่เข้ามาท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชีย มีอัตราเติบโตเฉลี่ย 7-9% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ลดลงจากที่ควรจะเป็นคือ 11-12% ต่อปี ซึ่งจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น น่าจะทำให้คนในภูมิภาคนี้เห็นใจกันมากขึ้น และหันมาพร้อมใจกู้สถานการณ์ให้กลับฟื้นเป็นปกติโดยเร็ว
สำหรับเมืองไทย มีจุดแข็งที่ความหลากหลายของแหล่งท่องเที่ยว ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ดี และต้องยอมรับว่า เหตุคลื่นยักษ์สึนามิ อาจมีผลกระทบต่อธุรกิจดำน้ำบ้าง โดยธุรกิจดำนำถือว่าเป็นกลุ่มตลาดที่มีศักยภาพ เพราะแพกเกจดำน้ำมีราคาสูงมากกว่า 1 หมื่นบาท และระยะเวลาพักประมาณ 1 สัปดาห์ ในปีที่ผ่านมามีการจดทะเบียนใบประกาศนียบัตรรับรองการดำน้ำประมาณ 7 หมื่นใบ เพิ่มจาก 3 ปีที่ผ่านมาหลายเท่าตัว ซึ่งรัฐควรที่จะให้การสนับสนุนโดยทำการตลาดผ่านช่องทางและเป้าหมายแบบเจาะกลุ่มให้มาก ที่สำคัญไม่ควรที่จะลดราคาเพราะจะเป็นปัญหาในระยะยาว แต่ควรที่จะเพิ่มมูลค่าให้กับแพกเกจดำน้ำ ซึ่งประเทศไทยได้เปรียบเพราะมีสินค้าทางการท่องเที่ยวมาก เช่น กอล์ฟ สปา ที่สามารถนำมาเพิ่มมูลค่าได้
ด้านนางจุฑามาศ ศิริวรรณ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยหรือททท. กล่าวว่า เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวและช่วยเหลือธุรกิจการดำน้ำ ในระหว่างวันที่ 31 มีนาคม - 3 เมษายนนี้ มีการจัดงาน Asia Dive Expo หรือ ADEX 2005 ซึ่งเป็นงานแสดงนิทรรศการดำน้ำระดับนานาชาติ จากองค์กรที่เกี่ยวข้อง สถาบัน หน่วยงานฝึกอบรมการดำน้ำ รีสอร์ตและท่องเที่ยวดำน้ำ 130 รายจาก 40 ประเทศ ในงานนี้คาดว่าจะมีเงินสะพัด 60 ล้านบาท
นอกจากนี้สำหรับความคืบหน้าของการทบทวนแผนการตลาดใหม่ซึ่งให้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ นั้นนางจุฑามาศเปิดเผยว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการ คาดว่าจะเสร็จภายในสัปดาห์นี้และหารือกับธุรกิจภาคเอกชนท่องเที่ยวในวันจันทร์ที่จะถึงพร้อมส่งเรื่องต่อไปยังนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งดูแลนโยบายด้านการท่องเที่ยว