กรมส่งเสริมการเกษตรศึกษาวิธีการผลิตและเพาะเมล็ดพันธุ์ปาล์มของปาปัวนิวกินีเพื่อนำมาส่งเสริมให้เกษตรกรใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ขยายพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันเพิ่มอีก 1 ล้านไร่ในปีหน้า เตรียมเสนอกระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาหาข้อสรุปและเจรจาสั่งซื้อเมล็ดพันธุ์ปาล์มภายในเดือนเมษายนนี้
นายบุญมี จันทรวงศ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีแผนที่จะส่งเสริมการเพิ่มพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันให้กับเกษตรกรในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อีก 1 ล้านไร่ในปีหน้า แต่ติดปัญหาในเรื่องการจัดหาแหล่งผลิตเมล็ดพันธุ์ปาล์มน้ำมันเพาะปลูก ทั้งนี้ คณะเจ้าหน้าที่จากกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้เดินทางไปประเทศปาปัวนิวกินีเพื่อศึกษาเรื่องการผลิตเมล็ดพันธุ์และการส่งเสริมการเกษตรกรปลูกปาล์มน้ำมัน การแปรรูปและการบริหารจัดการโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม ของบริษัท NEW BRITAIN PALM OIL LIMITED ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับการสัมปทานในการรวบรวมผลผลิตจากเกษตรกรรายย่อยเพื่อนำมาแปรรูปเป็นน้ำมันปาล์มที่ใหญ่ที่สุดของประเทศปาปัวนิวกินีเพื่อขอเจรจาสั่งซื้อเมล็ดพันธุ์ปาล์มน้ำมันลูกผสมจากพ่อพันธุ์ PISIFERA กับพันธุ์ DURA ที่บริษัทสามารถผลิตได้ถึงปีละ 14-15 ล้านเมล็ด ปัจจุบันบริษัทได้ผลิตเมล็ดพันธุ์ส่งจำหน่ายให้กับประเทศต่าง ๆ อาทิ อินโดนีเซีย ศรีลังกา ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย โคลัมเบีย และไทย
สำหรับในปี 2548 กรมจะสั่งซื้อเมล็ดพันธุ์ปาล์มน้ำมันจากประเทศคอสตาริกาจำนวน 600,000 เมล็ด และประเทศปาปัวนิกินีได้แบ่งขายเพื่อนำมาสมทบเพิ่มอีก 50,000 เมล็ด ในราคาเมล็ดละ 20 บาท รวมค่าขนส่ง เพื่อนำมาปลูกในพื้นที่ดินพรุนและนาร้าง 35,000 ไร่ ในนิคมสหกรณ์บาเจาะและปิเหล็ง จังหวัดนราธิวาส และคาดว่าเมล็ดพันธุ์ดังกล่าวจะสามารถปลูกได้ดีในประเทศไทย เนื่องจากภูมิประเทศและปริมาณน้ำฝนทางภาคใต้มีลักษณะใกล้เคียงกับประเทศปาปัวนิวกินี
ส่วนแผนในการสั่งซื้อสำหรับปีหน้า ประเทศปาปัวนิวกินีสามารถผลิตเมล็ดพันธุ์ปาล์มน้ำมันให้กับไทยได้เดือนละ 200,000 เมล็ด และต้องสั่งซื้อประมาณ 9 เดือน ซึ่งกรมจะนำข้อมูลเสนอให้กระทรวงเกษตรฯ ได้พิจารณา เพื่อหาข้อสรุปว่าจะขยายพื้นที่เป้าหมายทั้งหมดกี่ไร่และต้องใช้เมล็ดพันธุ์จำนวนเท่าใด คาดว่าจะต้องสรุปให้ชัดเจนภายในเดือนเมษายนนี้
นายบุญมี จันทรวงศ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีแผนที่จะส่งเสริมการเพิ่มพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันให้กับเกษตรกรในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อีก 1 ล้านไร่ในปีหน้า แต่ติดปัญหาในเรื่องการจัดหาแหล่งผลิตเมล็ดพันธุ์ปาล์มน้ำมันเพาะปลูก ทั้งนี้ คณะเจ้าหน้าที่จากกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้เดินทางไปประเทศปาปัวนิวกินีเพื่อศึกษาเรื่องการผลิตเมล็ดพันธุ์และการส่งเสริมการเกษตรกรปลูกปาล์มน้ำมัน การแปรรูปและการบริหารจัดการโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม ของบริษัท NEW BRITAIN PALM OIL LIMITED ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับการสัมปทานในการรวบรวมผลผลิตจากเกษตรกรรายย่อยเพื่อนำมาแปรรูปเป็นน้ำมันปาล์มที่ใหญ่ที่สุดของประเทศปาปัวนิวกินีเพื่อขอเจรจาสั่งซื้อเมล็ดพันธุ์ปาล์มน้ำมันลูกผสมจากพ่อพันธุ์ PISIFERA กับพันธุ์ DURA ที่บริษัทสามารถผลิตได้ถึงปีละ 14-15 ล้านเมล็ด ปัจจุบันบริษัทได้ผลิตเมล็ดพันธุ์ส่งจำหน่ายให้กับประเทศต่าง ๆ อาทิ อินโดนีเซีย ศรีลังกา ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย โคลัมเบีย และไทย
สำหรับในปี 2548 กรมจะสั่งซื้อเมล็ดพันธุ์ปาล์มน้ำมันจากประเทศคอสตาริกาจำนวน 600,000 เมล็ด และประเทศปาปัวนิกินีได้แบ่งขายเพื่อนำมาสมทบเพิ่มอีก 50,000 เมล็ด ในราคาเมล็ดละ 20 บาท รวมค่าขนส่ง เพื่อนำมาปลูกในพื้นที่ดินพรุนและนาร้าง 35,000 ไร่ ในนิคมสหกรณ์บาเจาะและปิเหล็ง จังหวัดนราธิวาส และคาดว่าเมล็ดพันธุ์ดังกล่าวจะสามารถปลูกได้ดีในประเทศไทย เนื่องจากภูมิประเทศและปริมาณน้ำฝนทางภาคใต้มีลักษณะใกล้เคียงกับประเทศปาปัวนิวกินี
ส่วนแผนในการสั่งซื้อสำหรับปีหน้า ประเทศปาปัวนิวกินีสามารถผลิตเมล็ดพันธุ์ปาล์มน้ำมันให้กับไทยได้เดือนละ 200,000 เมล็ด และต้องสั่งซื้อประมาณ 9 เดือน ซึ่งกรมจะนำข้อมูลเสนอให้กระทรวงเกษตรฯ ได้พิจารณา เพื่อหาข้อสรุปว่าจะขยายพื้นที่เป้าหมายทั้งหมดกี่ไร่และต้องใช้เมล็ดพันธุ์จำนวนเท่าใด คาดว่าจะต้องสรุปให้ชัดเจนภายในเดือนเมษายนนี้