ไฟแนนเชียล ไทมส์ - วอร์เรน บัฟเฟตต์ เตือนปัญหาการขาดดุลการค้า อาจทำให้อเมริกากลายเป็น "สังคมผู้เช่าที่ทำกิน" แทนที่จะเป็น "สังคมแห่งการเป็นเจ้าของ"
บัฟเฟตต์ ผู้จัดการกองทุนและอภิมหาเศรษฐีชื่อดัง กล่าวในรายงานประจำปีของเบิร์คไชร์ แฮธอะเวย์ ว่าผลงานในฐานะประธานกรรมการและประธานบริหารของเขาในรอบปีที่ผ่านมาถือว่า "บกพร่อง" ในแง่ของการหาวิธีทำกำไรท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ไม่ปกติ
เขาแจงว่า เตรียมใช้เงินหลายพันล้านดอลลาร์ซื้อกิจการ ซึ่งจะช่วยเพิ่มผลกำไรของบริษัท แต่ปรากฏว่า แทบไม่พบเป้าหมายที่น่าซื้อ เบิร์คไชร์จึงปิดงบดุลบัญชีปีที่แล้วด้วยเงินสด 43,000 ล้านดอลลาร์เท่านั้น และธุรกิจหลักทรัพย์มีผลงานต่ำกว่าตลาดหุ้นติดต่อกันเป็นปีที่ 2
ทั้งนี้ กำไรสุทธิของเบิร์คไชร์ลดจาก 8,150 ล้านดอลลาร์ในปี 2003 อยู่ที่ 7,310 ล้านดอลลาร์ ขณะที่สินทรัพย์เพิ่มขึ้นจาก 181,000 ล้านดอลลาร์ เป็น 189,000 ล้านดอลลาร์
ในส่วนสัญญาปริวรรตเงินตรานั้น บัฟเฟต์เดิมพันเงินตราสกุลอื่นมากกว่าดอลลาร์ และได้กำไรกลับมา 1,800 ล้านดอลลาร์ จากการที่สกุลเงินอเมริกันตกลงอย่างหนักเมื่อเทียบเงินสกุลหลักอื่นๆ
ในรายงานประจำปี บัฟเฟต์ใช้เนื้อที่ถึงกว่า 2 หน้ากระดาษ ย้ำเตือนเกี่ยวกับการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ และความจำเป็นที่ต้องใช้การลงทุนของต่างชาติเข้ามาอุดหนุนถึงวันละ 1,800 ล้านดอลลาร์ หรือเพิ่มขึ้น 20% จากที่เขาเคยเตือนไว้เมื่อปีที่แล้ว
นักลงทุนระดับตำนานระบุว่า ผลลัพธ์ที่ตามมาคือ รัฐบาลและประชาชนประเทศอื่นถือครองสินทรัพย์ของสหรัฐฯสุทธิถึง 3,000 ล้านดอลลาร์โดยประมาณ เท่ากับว่าในอนาคต คนอเมริกันต้องกันรายได้ส่วนหนึ่งไว้ใช้เจ้าหนี้ต่างชาติ ทำให้อเมริกาไม่สามารถเป็น "สังคมแห่งการเป็นเจ้าของ" อย่างที่มุ่งหวัง แต่กลับกลายเป็น "สังคมผู้เช่าที่ทำกิน" แทน
บัฟเฟตต์ ผู้จัดการกองทุนและอภิมหาเศรษฐีชื่อดัง กล่าวในรายงานประจำปีของเบิร์คไชร์ แฮธอะเวย์ ว่าผลงานในฐานะประธานกรรมการและประธานบริหารของเขาในรอบปีที่ผ่านมาถือว่า "บกพร่อง" ในแง่ของการหาวิธีทำกำไรท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ไม่ปกติ
เขาแจงว่า เตรียมใช้เงินหลายพันล้านดอลลาร์ซื้อกิจการ ซึ่งจะช่วยเพิ่มผลกำไรของบริษัท แต่ปรากฏว่า แทบไม่พบเป้าหมายที่น่าซื้อ เบิร์คไชร์จึงปิดงบดุลบัญชีปีที่แล้วด้วยเงินสด 43,000 ล้านดอลลาร์เท่านั้น และธุรกิจหลักทรัพย์มีผลงานต่ำกว่าตลาดหุ้นติดต่อกันเป็นปีที่ 2
ทั้งนี้ กำไรสุทธิของเบิร์คไชร์ลดจาก 8,150 ล้านดอลลาร์ในปี 2003 อยู่ที่ 7,310 ล้านดอลลาร์ ขณะที่สินทรัพย์เพิ่มขึ้นจาก 181,000 ล้านดอลลาร์ เป็น 189,000 ล้านดอลลาร์
ในส่วนสัญญาปริวรรตเงินตรานั้น บัฟเฟต์เดิมพันเงินตราสกุลอื่นมากกว่าดอลลาร์ และได้กำไรกลับมา 1,800 ล้านดอลลาร์ จากการที่สกุลเงินอเมริกันตกลงอย่างหนักเมื่อเทียบเงินสกุลหลักอื่นๆ
ในรายงานประจำปี บัฟเฟต์ใช้เนื้อที่ถึงกว่า 2 หน้ากระดาษ ย้ำเตือนเกี่ยวกับการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ และความจำเป็นที่ต้องใช้การลงทุนของต่างชาติเข้ามาอุดหนุนถึงวันละ 1,800 ล้านดอลลาร์ หรือเพิ่มขึ้น 20% จากที่เขาเคยเตือนไว้เมื่อปีที่แล้ว
นักลงทุนระดับตำนานระบุว่า ผลลัพธ์ที่ตามมาคือ รัฐบาลและประชาชนประเทศอื่นถือครองสินทรัพย์ของสหรัฐฯสุทธิถึง 3,000 ล้านดอลลาร์โดยประมาณ เท่ากับว่าในอนาคต คนอเมริกันต้องกันรายได้ส่วนหนึ่งไว้ใช้เจ้าหนี้ต่างชาติ ทำให้อเมริกาไม่สามารถเป็น "สังคมแห่งการเป็นเจ้าของ" อย่างที่มุ่งหวัง แต่กลับกลายเป็น "สังคมผู้เช่าที่ทำกิน" แทน