ก.เกษตรฯ มอบหมายกรมชลประทานติดตามสถานการณ์น้ำเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างใกล้ชิดพร้อมทำแผนการบริหารจัดการน้ำเชื่อมต้นทางสำรองไว้ในกรณีน้ำทะเลหนุนเช่นเดียวกับที่เกิดในแม่น้ำบางประกง เพื่อป้องกันผลกระทบพื้นที่การเกษตรและการผลิตน้ำประปาในกรณีน้ำทะเลรุกหนัก
นายบัญชา สัตถาสาธุชนะ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้กรมชลประทานเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำทะเลหนุนในแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งจัดทำแผนสำรองการบริหารจัดการน้ำจากเขื่อนเก็บกักน้ำต่าง ๆ ที่อยู่ต้นทางของแม่น้ำเจ้าพระยาไว้ ในกรณีเกิดสถานการณ์น้ำทะเลหนุนขึ้นสูงเช่นเดียวกับที่เกิดในแม่น้ำบางปะกง เพื่อเตรียมป้องกันความเสียหายของพื้นที่การเกษตรจำนวนมาก และผลกระทบต่อการผลิตน้ำประปาเพื่อใช้ในการอุปโภคบริโภคในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล
“ค่าความเค็มของแม่น้ำเจ้าพระยาที่บริเวณจังหวัดนนทบุรีและสะพานพุทธ ล่าสุดอยู่ที่ระดับ 0.24 และ 2.3 กรัมต่อลิตร ซึ่งยังต่ำกว่าค่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ แต่ก็ไม่ควรประมาท เพราะค่าความเค็มที่วัดมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ประกอบกับปริมาณน้ำต้นทุนโดยเฉลี่ยของเขื่อนเก็บกักน้ำทั่วประเทศอยู่ประมาณร้อยละ 46 ของความจุการใช้งาน จึงจำเป็นที่ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเตรียมแผนการบริหารจัดการน้ำในภาพรวมตลอดลุ่มน้ำไว้ ซึ่งจะทำให้จัดสรรน้ำเพื่อกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งภาคการเกษตร อุปโภคและบริโภคมีประสิทธิภาพมากขึ้น” นายบัญชา กล่าว
นายบัญชา กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับสถานการณ์ของแม่น้ำบางปะกงล่าสุด น้ำทะเลยังคงหนุนขึ้นสูง และมีค่าความเค็มที่วัดถึง 14.154 กรัมต่อลิตร ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านประมาณร้อยละ 70 แต่เนื่องจากปริมาณน้ำต้นทุนของเขื่อนบางปะกงที่มีน้อย อีกทั้งเป็นช่วงที่พื้นที่การเกษตรบริเวณแม่น้ำบางปะกงมีความต้องการใช้น้ำค่อนข้างมาก กรมชลประทานจึงไม่สามารถปล่อยน้ำอย่างเต็มที่เพื่อผลักดันน้ำทะเลที่รุกเข้ามาได้ ดังนั้น จึงขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่ให้ช่วยกันประหยัดน้ำ และปฏิบัติตามแผนการจัดสรรน้ำที่หน่วยราชการกำหนดอย่างเคร่งครัด ซึ่งคาดว่าจะทำให้สามารถผ่านพ้นวิกฤตการณ์ครั้งนี้ได้
นายบัญชา สัตถาสาธุชนะ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้กรมชลประทานเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำทะเลหนุนในแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งจัดทำแผนสำรองการบริหารจัดการน้ำจากเขื่อนเก็บกักน้ำต่าง ๆ ที่อยู่ต้นทางของแม่น้ำเจ้าพระยาไว้ ในกรณีเกิดสถานการณ์น้ำทะเลหนุนขึ้นสูงเช่นเดียวกับที่เกิดในแม่น้ำบางปะกง เพื่อเตรียมป้องกันความเสียหายของพื้นที่การเกษตรจำนวนมาก และผลกระทบต่อการผลิตน้ำประปาเพื่อใช้ในการอุปโภคบริโภคในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล
“ค่าความเค็มของแม่น้ำเจ้าพระยาที่บริเวณจังหวัดนนทบุรีและสะพานพุทธ ล่าสุดอยู่ที่ระดับ 0.24 และ 2.3 กรัมต่อลิตร ซึ่งยังต่ำกว่าค่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ แต่ก็ไม่ควรประมาท เพราะค่าความเค็มที่วัดมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ประกอบกับปริมาณน้ำต้นทุนโดยเฉลี่ยของเขื่อนเก็บกักน้ำทั่วประเทศอยู่ประมาณร้อยละ 46 ของความจุการใช้งาน จึงจำเป็นที่ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเตรียมแผนการบริหารจัดการน้ำในภาพรวมตลอดลุ่มน้ำไว้ ซึ่งจะทำให้จัดสรรน้ำเพื่อกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งภาคการเกษตร อุปโภคและบริโภคมีประสิทธิภาพมากขึ้น” นายบัญชา กล่าว
นายบัญชา กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับสถานการณ์ของแม่น้ำบางปะกงล่าสุด น้ำทะเลยังคงหนุนขึ้นสูง และมีค่าความเค็มที่วัดถึง 14.154 กรัมต่อลิตร ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านประมาณร้อยละ 70 แต่เนื่องจากปริมาณน้ำต้นทุนของเขื่อนบางปะกงที่มีน้อย อีกทั้งเป็นช่วงที่พื้นที่การเกษตรบริเวณแม่น้ำบางปะกงมีความต้องการใช้น้ำค่อนข้างมาก กรมชลประทานจึงไม่สามารถปล่อยน้ำอย่างเต็มที่เพื่อผลักดันน้ำทะเลที่รุกเข้ามาได้ ดังนั้น จึงขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่ให้ช่วยกันประหยัดน้ำ และปฏิบัติตามแผนการจัดสรรน้ำที่หน่วยราชการกำหนดอย่างเคร่งครัด ซึ่งคาดว่าจะทำให้สามารถผ่านพ้นวิกฤตการณ์ครั้งนี้ได้