กรมส่งเสริมการเกษตรเร่งส่งเสริมเกษตรกรปลูกพืชฤดูแล้ง โดยเฉพาะพืชตระกูลถั่วที่สร้างรายได้ดีกว่าการปลูกข้าว แถมมีพ่อค้าไปรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรถึงที่ เพราะมีความต้องการจากตลาดสูง ระบุปีนี้จะมีช่วงฤดูแล้งยาวนานกว่าทุกปี เพราะฝนทิ้งช่วงมานานแล้ว
นายธงชาติ รักษากุล อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า ในปี 2548 ช่วงฤดูแล้งจะยาวนานกว่าทุกปีที่ผ่านมา เนื่องจากพบว่าฝนขาดช่วงมาตั้งแต่เดือนกันยายน 2547 และกระทรวงเกษตรฯ ได้ร่วมกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ประชาสัมพันธ์ให้กับเกษตรกรในทุกพื้นที่ได้รับรู้ถึงสถานการณ์ดังกล่าว เพื่อให้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ภัยแล้งที่จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและยาวนาน โดยกรมส่งเสริมการเกษตรฯ ได้รับผิดชอบในการส่งเสริมและสนับสนุนให้เกษตรกรหันมาปลูกพืชแล้งที่ใช้น้ำน้อยแทนการปลูกข้าว เช่น ข้าวโพดหวาน ข้าวโพดอ่อน ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ กระเจี๊ยบเขียวและพืชตระกูลถั่ว
ทั้งนี้ จากรายงานเจ้าหน้าที่ของกรมฯ ในพื้นที่เป้าหมายประมาณ 2 ล้านไร่ทั่วประเทศ พบว่าเกษตรกรได้ให้ความร่วมมือในการหันมาปลูกพืชฤดูแล้งทดแทนการปลูกข้าว ซึ่งมีความเสี่ยงจะได้รับความเสียหายสูงเนื่องจากทั่วประเทศประสบปัญหาภัยแล้ง ฝนทิ้งช่วงเป็นระยะเวลายาวนาน และพบว่าผลผลิตของเกษตรกรเป็นที่ต้องการของตลาด โดยเฉพาะถั่วลิสงถือเป็นพืชที่ตลาดมีความต้องการสูงโดยมีพ่อค้ามารับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรถึงไร่นา และบางส่วนก็ซื้อขายกันในลักษณะคอนแทค ฟาร์มมิ่ง
“เฉลี่ยแล้วการปลูกพืชฤดูแล้งนั้นจะสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรสูงกว่าการปลูกข้าว โดยพบว่าหากเกษตรกรปลูกถั่วลิสง 1 ไร่ จะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 6,000 บาท ขณะที่ข้าว 1 ไร่ อาจสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรเพียง 2,000 บาท รวมทั้งยังต้องใช้เวลาเพาะปลูกยาวนานกว่าและมีความเสี่ยงที่จะได้รับความเสียหายจากภาวะภัยแล้งกว่าด้วย” นายธงชาติ กล่าว
อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวด้วยว่าเพื่อเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งอย่างทันท่วงที ขณะนี้กรมฯ อยู่ระหว่างดำเนินการรวบรวมพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย นำเสนอกระทรวงเกษตรฯ ก่อนที่จะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อขออนุมัติงบประมาณในการช่วยเหลือเกษตรกรต่อไป
นายธงชาติ รักษากุล อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า ในปี 2548 ช่วงฤดูแล้งจะยาวนานกว่าทุกปีที่ผ่านมา เนื่องจากพบว่าฝนขาดช่วงมาตั้งแต่เดือนกันยายน 2547 และกระทรวงเกษตรฯ ได้ร่วมกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ประชาสัมพันธ์ให้กับเกษตรกรในทุกพื้นที่ได้รับรู้ถึงสถานการณ์ดังกล่าว เพื่อให้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ภัยแล้งที่จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและยาวนาน โดยกรมส่งเสริมการเกษตรฯ ได้รับผิดชอบในการส่งเสริมและสนับสนุนให้เกษตรกรหันมาปลูกพืชแล้งที่ใช้น้ำน้อยแทนการปลูกข้าว เช่น ข้าวโพดหวาน ข้าวโพดอ่อน ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ กระเจี๊ยบเขียวและพืชตระกูลถั่ว
ทั้งนี้ จากรายงานเจ้าหน้าที่ของกรมฯ ในพื้นที่เป้าหมายประมาณ 2 ล้านไร่ทั่วประเทศ พบว่าเกษตรกรได้ให้ความร่วมมือในการหันมาปลูกพืชฤดูแล้งทดแทนการปลูกข้าว ซึ่งมีความเสี่ยงจะได้รับความเสียหายสูงเนื่องจากทั่วประเทศประสบปัญหาภัยแล้ง ฝนทิ้งช่วงเป็นระยะเวลายาวนาน และพบว่าผลผลิตของเกษตรกรเป็นที่ต้องการของตลาด โดยเฉพาะถั่วลิสงถือเป็นพืชที่ตลาดมีความต้องการสูงโดยมีพ่อค้ามารับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรถึงไร่นา และบางส่วนก็ซื้อขายกันในลักษณะคอนแทค ฟาร์มมิ่ง
“เฉลี่ยแล้วการปลูกพืชฤดูแล้งนั้นจะสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรสูงกว่าการปลูกข้าว โดยพบว่าหากเกษตรกรปลูกถั่วลิสง 1 ไร่ จะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 6,000 บาท ขณะที่ข้าว 1 ไร่ อาจสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรเพียง 2,000 บาท รวมทั้งยังต้องใช้เวลาเพาะปลูกยาวนานกว่าและมีความเสี่ยงที่จะได้รับความเสียหายจากภาวะภัยแล้งกว่าด้วย” นายธงชาติ กล่าว
อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวด้วยว่าเพื่อเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งอย่างทันท่วงที ขณะนี้กรมฯ อยู่ระหว่างดำเนินการรวบรวมพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย นำเสนอกระทรวงเกษตรฯ ก่อนที่จะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อขออนุมัติงบประมาณในการช่วยเหลือเกษตรกรต่อไป