รมว.พาณิชย์ปลื้มภัยแล้งส่งผลดี ราคาประมูลมันเส้นพุ่งสูงถึงตันละ 4,220 บาท บริษัท เยอเนอรัลมิลล์ คว้าเปิดประมูลมันเส้นได้ทั้งหมด 2.1 แสนตัน กำไรทันที 8 ล้านบาท และเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ในโครงการแทรกแซง
นายวัฒนา เมืองสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการประมูลมันเส้นจำนวน 210,000 ตัน ในโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลัง ปี 2547/2548 ว่า มีผู้เข้ายื่นซองในครั้งนี้รวมทั้งหมด 7 ราย โดยบริษัทที่เสนอซื้อมาและให้ราคาและปริมาณสูงสุด คือ บริษัท เยนเนอรัลมิลล์ จำกัด โดยซื้อทั้งหมดในราคาตันละ 4,220 บาท หรือกิโลกรัมละ 4.22 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งหมด 886.2 ล้านบาท ส่งผลให้รัฐมีกำไรเป็นครั้งแรกจากโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลังในครั้งนี้เป็นจำนวนเงินถึง 8 ล้านบาท เนื่องจากต้นทุนที่ใช้ในการผลิตมันเส้นเมื่อค่าใช้จ่ายทุกอย่างแล้วอยู่ที่ตันละ 4,180 บาท แบ่งเป็นค่าหัวมันสด 3,570 บาทต่อตัน ค่าแปรสภาพ 255 บาทต่อตัน ค่าขนส่ง 250 บาทต่อตัน และค่าฝากเก็บ 105 บาทต่อตัน
“ผมเคยบอกว่าตลาดรับราคานี้ได้ เพราะไทยสามารถเป็นผู้กำหนดราคาสินค้าเกษตรของโลก โดยราคาที่เยนเนอรัลมิลล์ฯ เสนอมาเมื่อทอนเป็นหัวมันสดจะอยู่ที่เกือบกิโลกรัมละ 1.60 บาท ซึ่งสูงกว่าราคารับจำนำที่รัฐกำหนดไว้กิโลกรัมละ 1.50 บาท ซึ่งรัฐก็ยังไม่ได้เสียเงินในโครงการแทรกแซงแม้แต่บาทเดียว ในทางตรงข้ามกลับได้กำไรเสียอีก และเชื่อว่าสิ้นปีนี้ราคาหัวมันสดจะวิ่งไปถึง 2 บาทแน่นอน” นายวัฒนากล่าว
ทั้งนี้ ในส่วนของการส่งออกนั้นเชื่อว่า ตลาดโลกจะรับราคาที่สูงนี้ได้เช่นกัน เพราะไม่เช่นนั้นคงไม่มีเอกชนกล้าประมูลมันเส้นในราคาสูงถึงตันละ 4,220 บาท หรือมีต้นทุนส่งออกมันเส้นอยูที่ 107 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ในขณะที่ราคาส่งออกปัจจุบันอยู่ที่ 101-102 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน และเชื่อว่าราคาส่งออกจะวิ่งไปถึง 120 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันภายในปีนี้
นายนภศูล อังคทะวานิช ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) กล่าวว่า หลักเกณฑ์จะเรียกผู้ชนะมาทำสัญญานั้นยังเป็นเงื่อนไขเดิม คือต้องมาทำสัญญาภายใน 7 วันนับจากวันประกาศว่าเป็นผู้ชนะการประมูลอย่างเป็นทางการ โดยต้องวางเงินค้ำประกันจำนวนร้อยละ 5 ตามมูลค่าสินค้า โดยขณะนี้บริษัทเยนเนอรัลมิลล์ฯ ได้วางเงินค้ำประกันซองไว้แล้วจำนวน 50 ล้านบาท ภายใต้เงื่อนไขที่เอกชนจะต้องรับสินค้าเท่ากับจำนวนหัวมันที่เข้ามาในโครงการ ขณะนี้มีหัวมันสดที่เข้ามาในโครงการแทรกแซงตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึงปัจจุบันเพียง 19 ตันเท่านั้น ซึ่งเป็นเพราะราคาซื้อขายหัวมันสดในตลาดปัจจุบันอยู่ที่กิโลกรัมละ 1.60 บาทที่สูงเกินกว่าราคารับจำนำแล้ว
ทั้งนี้ บริษัทเยนเนอรัลมิลล์ฯ เป็นผู้ค้ารายใหญ่ของตลาดมันเส้นและมันอัดเม็ด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเดียวกับ เอสทีซี กรุ๊ป มีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ใน 3 ของบริษัทส่งออกมันเส้นและมันอัดเม็ดทั้งหมดในประเทศไทย โดยรายชื่อกรรมการบริษัท ประกอบด้วย นายวงพงศ์ พิชญ์พงศ์ศา เจ้าของบริษัทนครหลวงค้าข้าว นายไพศาล วนิชจักร์วงศ์ นายสุรศักดิ์ พิเชฐพงศา นายประกิจ เอื้อชูวงศ์ และนายวิเชียร วณิชจักรวงศ์ มีทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท
นายวัฒนา เมืองสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการประมูลมันเส้นจำนวน 210,000 ตัน ในโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลัง ปี 2547/2548 ว่า มีผู้เข้ายื่นซองในครั้งนี้รวมทั้งหมด 7 ราย โดยบริษัทที่เสนอซื้อมาและให้ราคาและปริมาณสูงสุด คือ บริษัท เยนเนอรัลมิลล์ จำกัด โดยซื้อทั้งหมดในราคาตันละ 4,220 บาท หรือกิโลกรัมละ 4.22 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งหมด 886.2 ล้านบาท ส่งผลให้รัฐมีกำไรเป็นครั้งแรกจากโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลังในครั้งนี้เป็นจำนวนเงินถึง 8 ล้านบาท เนื่องจากต้นทุนที่ใช้ในการผลิตมันเส้นเมื่อค่าใช้จ่ายทุกอย่างแล้วอยู่ที่ตันละ 4,180 บาท แบ่งเป็นค่าหัวมันสด 3,570 บาทต่อตัน ค่าแปรสภาพ 255 บาทต่อตัน ค่าขนส่ง 250 บาทต่อตัน และค่าฝากเก็บ 105 บาทต่อตัน
“ผมเคยบอกว่าตลาดรับราคานี้ได้ เพราะไทยสามารถเป็นผู้กำหนดราคาสินค้าเกษตรของโลก โดยราคาที่เยนเนอรัลมิลล์ฯ เสนอมาเมื่อทอนเป็นหัวมันสดจะอยู่ที่เกือบกิโลกรัมละ 1.60 บาท ซึ่งสูงกว่าราคารับจำนำที่รัฐกำหนดไว้กิโลกรัมละ 1.50 บาท ซึ่งรัฐก็ยังไม่ได้เสียเงินในโครงการแทรกแซงแม้แต่บาทเดียว ในทางตรงข้ามกลับได้กำไรเสียอีก และเชื่อว่าสิ้นปีนี้ราคาหัวมันสดจะวิ่งไปถึง 2 บาทแน่นอน” นายวัฒนากล่าว
ทั้งนี้ ในส่วนของการส่งออกนั้นเชื่อว่า ตลาดโลกจะรับราคาที่สูงนี้ได้เช่นกัน เพราะไม่เช่นนั้นคงไม่มีเอกชนกล้าประมูลมันเส้นในราคาสูงถึงตันละ 4,220 บาท หรือมีต้นทุนส่งออกมันเส้นอยูที่ 107 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ในขณะที่ราคาส่งออกปัจจุบันอยู่ที่ 101-102 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน และเชื่อว่าราคาส่งออกจะวิ่งไปถึง 120 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันภายในปีนี้
นายนภศูล อังคทะวานิช ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) กล่าวว่า หลักเกณฑ์จะเรียกผู้ชนะมาทำสัญญานั้นยังเป็นเงื่อนไขเดิม คือต้องมาทำสัญญาภายใน 7 วันนับจากวันประกาศว่าเป็นผู้ชนะการประมูลอย่างเป็นทางการ โดยต้องวางเงินค้ำประกันจำนวนร้อยละ 5 ตามมูลค่าสินค้า โดยขณะนี้บริษัทเยนเนอรัลมิลล์ฯ ได้วางเงินค้ำประกันซองไว้แล้วจำนวน 50 ล้านบาท ภายใต้เงื่อนไขที่เอกชนจะต้องรับสินค้าเท่ากับจำนวนหัวมันที่เข้ามาในโครงการ ขณะนี้มีหัวมันสดที่เข้ามาในโครงการแทรกแซงตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึงปัจจุบันเพียง 19 ตันเท่านั้น ซึ่งเป็นเพราะราคาซื้อขายหัวมันสดในตลาดปัจจุบันอยู่ที่กิโลกรัมละ 1.60 บาทที่สูงเกินกว่าราคารับจำนำแล้ว
ทั้งนี้ บริษัทเยนเนอรัลมิลล์ฯ เป็นผู้ค้ารายใหญ่ของตลาดมันเส้นและมันอัดเม็ด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเดียวกับ เอสทีซี กรุ๊ป มีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ใน 3 ของบริษัทส่งออกมันเส้นและมันอัดเม็ดทั้งหมดในประเทศไทย โดยรายชื่อกรรมการบริษัท ประกอบด้วย นายวงพงศ์ พิชญ์พงศ์ศา เจ้าของบริษัทนครหลวงค้าข้าว นายไพศาล วนิชจักร์วงศ์ นายสุรศักดิ์ พิเชฐพงศา นายประกิจ เอื้อชูวงศ์ และนายวิเชียร วณิชจักรวงศ์ มีทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท