ไอ.ซี.ซี.ขอโต 15% สวนกระแสราคาน้ำมันปีลิงเดือด ปิดยอดสิ้นปีเฉียด 10,000 ล้านบาท เผยแอร์โรว์-ลาครอส 2 แบรนด์หรูโตกระฉูดหนุนยอดตามเป้า ระบุปีหน้ากำลังซื้อผู้บริโภคจำกัดรายเล็กเจอศึกหนักทำตลาดลำบาก ชี้ทุกตลาดแข่งดุแนวโน้มราคาสินค้ามีแต่ลด ปรับขึ้นยาก ล่าสุด ผุดบริการใหม่แอร์โรว์ “รับสั่งตัด” เจาะไซส์ยักษ์ ขยายฐานตลาดคนตัวใหญ่
นายบุญเกียรติ โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ในเครือสหพัฒนพิบูลย์ เปิดเผยว่า แนวโน้มของบริษัทในปีนี้ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก คาดว่าสิ้นปีจะมีอัตราการเติบโตได้สูงถึง 15% จากยอดขายปีที่ผ่านมามีมูลค่า 8,900 ล้านบาทตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งถือว่าเป็นอัตราการเติบโตที่ค่อนข้างสูงมาก โดยเฉพาะแบรนด์แอร์โรว์และลาครอสเป็นแบรนด์ที่มีอัตราการเติบโตสูงที่สุด และจะส่งผลให้สิ้นปีนี้บริษัทปิดยอดขายได้เกือบ 10,000 ล้านบาท
ถึงแม้ว่าสภาพเศรษฐกิจปีนี้จะมีปัจจัยลบในเรื่องราคาน้ำมัน ปัญหาความรุนแรงใน 3 จังหวัดภาคใต้เข้ามากระทบบ้าง แต่ก็ไม่ส่งผลกระทบเชิงลบต่อยอดขายของบริษัทเลย มันขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการกับแบรนด์ต่างๆ ซึ่งบริษัทเองก็รับมือกับปัญหาน้ำมันด้วยการบริหารจัดการองค์กรให้เป็นระบบเพื่อควบคุมต้นทุน ไม่จำเป็นต้องขึ้นราคาสินค้า และเน้นขายปริมาณมากยอดขายก็จะเพิ่มขึ้นเอง โดยเฉพาะกลุ่มเสื้อผ้าเป็นสินค้าที่ออกรุ่นใหม่ ราคาใหม่อยู่แล้ว ส่วนกลุ่มสินค้าอื่นก็มีคู่แข่งมากไม่สามารถขึ้นราคาได้ ซึ่งแนวโน้มราคาสินค้าน่าจะลดมากกว่าเพิ่ม เพราะการแข่งขันในทุกตลาดรุนแรง อาทิ โทรศัพท์มือถือ เป็นต้น
ทิศทางการแข่งขันในปีหน้าบริษัทมองว่ารายเล็กจะทำตลาดยากมากขึ้น เนื่องจากรายใหญ่มีอำนาจการต่อรองกับช่องทางการจัดจำหน่ายที่สูงกว่า มีจำนวนช่องทางจำหน่ายมากกว่า ทำให้โอกาสในการที่ผู้บริโภคซึ่งมีเม็ดเงินในการซื้อสินค้าจำกัดเลือกที่จะซื้อสินค้าของรายใหญ่มากกว่ารายเล็ก และเชื่อว่าความกังวลต่อปัญหาราคาน้ำมันของผู้บริโภคคนไทยที่จะมีผลต่อพฤติกรรมการซื้อจะเกิดขึ้นในระยะสั้นเท่านั้น แต่จะมีความพิถีพิถันในการเลือกซื้อสินค้ามากขึ้น
นางพงษ์ผกา กริยาผล ผู้ช่วยผู้จัดการส่วนผลิตภัณฑ์ แอร์โรว์ ฝ่ายซี บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ในเครือสหพัฒนพิบูลย์ กล่าวถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์แอร์โรว์ ว่า หลังจากที่ทำตลาดเสื้อผ้าไซส์ใหญ่ให้กับแอร์โรว์ภายใต้ชื่อคอลเลคชั่น “บิ๊ก แอนด์ ทอลล์” (Big & Tall) มาประมาณ 2-3 ปีแล้วมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี จึงขยายการบริการพิเศษเพิ่มเติม “เอ็กซ์เพรส ไลน์” สั่งซื้อผ่านโทรศัพท์ และสั่งตัดเสื้อไซส์ใหญ่ ซึ่งนับว่าเป็นบริการใหม่ที่แตกต่างจากคู่แข่ง
ทั้งนี้ เนื่องจากต้องการรองรับการขยายตัวของตลาดลูกค้าไซส์ใหญ่ แบ่งเป็นคนไทย 75% และคนต่างชาติที่เข้ามาทำธุรกิจในเมืองไทย 25% และต้องการสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งที่หันมาทำตลาดไซส์ใหญ่ด้วยการออกคอลเลคชั่นเสื้อสำเร็จรูปเหมือนบิ๊ก แอนด ทอลล์ โดยบริการดังกล่าวเริ่มต้นทำตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา แต่ในปีหน้าตั้งเป้าที่จะทำตลาดตรงนี้อย่างจริงมากขึ้น
ปัจจุบันแอร์โรว์คอลเลคชั่น บิ๊ก แอนด์ ทอลล์ มีจำหน่ายอยู่ใน 24 สาขาของร้านแอร์โรว์ จากทั้งหมด 150 สาขาทั่วประเทศ โดยมีสาขาไทม์สแควร์ ถนนสุขุมวิทเป็นสาขาเต็มรูปแบบ ส่วนบริการรับสั่งตัดไซส์ใหญ่จะทดลองเปิดให้บริการใน 6 สาขาของกรุงเทพฯ ก่อน และขณะนี้มีกลุ่มลูกค้าประจำอยู่ประมาณ 100 คนต่อ 1 สาขา มีอัตราการสั่งตัดเฉลี่ยต่อคน 3-4 เดือนครั้ง และสั่งตัดครั้งละ 4-6 ตัว
ในเบื้องต้นได้เปิดให้บริการสั่งตัดเฉพาะเสื้อเชิ้ตกับกางเกงซึ่งเป็นเครื่องแต่งกายหลักที่ต้องใช้ประจำก่อน จากคอลเลคชั่นบิ๊ก แอนด์ ทอลล์สำเร็จรูปจะมีครบทั้งสูท กางเกง เนคไท เสื้อลำลอง เสื้อเชิ้ต โดยบริการดังกล่าวจะมีราคาสูงกว่าคอลเลคชั่นสำเร็จรูปประมาณ 20%
ล่าสุด บริษัทได้เพิ่มรูปแบบของเสื้อผ้าคอลเลคชั่นบิ๊ก แอนด์ ทอลล์ ให้มีความหลากหลายมากขึ้นในด้านเนื้อผ้า โดยขนาดเสื้อที่เพิ่มขึ้นมีทั้งแขนสั้น แขนยาว ขนาดเสื้อรอบคอที่เริ่มตั้งแต่ 17.5 นิ้ว ถึง 20 นิ้ว ความยาวแขนเริ่มต้นที่ 35 นิ้ว
นายบุญเกียรติ โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ในเครือสหพัฒนพิบูลย์ เปิดเผยว่า แนวโน้มของบริษัทในปีนี้ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก คาดว่าสิ้นปีจะมีอัตราการเติบโตได้สูงถึง 15% จากยอดขายปีที่ผ่านมามีมูลค่า 8,900 ล้านบาทตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งถือว่าเป็นอัตราการเติบโตที่ค่อนข้างสูงมาก โดยเฉพาะแบรนด์แอร์โรว์และลาครอสเป็นแบรนด์ที่มีอัตราการเติบโตสูงที่สุด และจะส่งผลให้สิ้นปีนี้บริษัทปิดยอดขายได้เกือบ 10,000 ล้านบาท
ถึงแม้ว่าสภาพเศรษฐกิจปีนี้จะมีปัจจัยลบในเรื่องราคาน้ำมัน ปัญหาความรุนแรงใน 3 จังหวัดภาคใต้เข้ามากระทบบ้าง แต่ก็ไม่ส่งผลกระทบเชิงลบต่อยอดขายของบริษัทเลย มันขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการกับแบรนด์ต่างๆ ซึ่งบริษัทเองก็รับมือกับปัญหาน้ำมันด้วยการบริหารจัดการองค์กรให้เป็นระบบเพื่อควบคุมต้นทุน ไม่จำเป็นต้องขึ้นราคาสินค้า และเน้นขายปริมาณมากยอดขายก็จะเพิ่มขึ้นเอง โดยเฉพาะกลุ่มเสื้อผ้าเป็นสินค้าที่ออกรุ่นใหม่ ราคาใหม่อยู่แล้ว ส่วนกลุ่มสินค้าอื่นก็มีคู่แข่งมากไม่สามารถขึ้นราคาได้ ซึ่งแนวโน้มราคาสินค้าน่าจะลดมากกว่าเพิ่ม เพราะการแข่งขันในทุกตลาดรุนแรง อาทิ โทรศัพท์มือถือ เป็นต้น
ทิศทางการแข่งขันในปีหน้าบริษัทมองว่ารายเล็กจะทำตลาดยากมากขึ้น เนื่องจากรายใหญ่มีอำนาจการต่อรองกับช่องทางการจัดจำหน่ายที่สูงกว่า มีจำนวนช่องทางจำหน่ายมากกว่า ทำให้โอกาสในการที่ผู้บริโภคซึ่งมีเม็ดเงินในการซื้อสินค้าจำกัดเลือกที่จะซื้อสินค้าของรายใหญ่มากกว่ารายเล็ก และเชื่อว่าความกังวลต่อปัญหาราคาน้ำมันของผู้บริโภคคนไทยที่จะมีผลต่อพฤติกรรมการซื้อจะเกิดขึ้นในระยะสั้นเท่านั้น แต่จะมีความพิถีพิถันในการเลือกซื้อสินค้ามากขึ้น
นางพงษ์ผกา กริยาผล ผู้ช่วยผู้จัดการส่วนผลิตภัณฑ์ แอร์โรว์ ฝ่ายซี บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ในเครือสหพัฒนพิบูลย์ กล่าวถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์แอร์โรว์ ว่า หลังจากที่ทำตลาดเสื้อผ้าไซส์ใหญ่ให้กับแอร์โรว์ภายใต้ชื่อคอลเลคชั่น “บิ๊ก แอนด์ ทอลล์” (Big & Tall) มาประมาณ 2-3 ปีแล้วมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี จึงขยายการบริการพิเศษเพิ่มเติม “เอ็กซ์เพรส ไลน์” สั่งซื้อผ่านโทรศัพท์ และสั่งตัดเสื้อไซส์ใหญ่ ซึ่งนับว่าเป็นบริการใหม่ที่แตกต่างจากคู่แข่ง
ทั้งนี้ เนื่องจากต้องการรองรับการขยายตัวของตลาดลูกค้าไซส์ใหญ่ แบ่งเป็นคนไทย 75% และคนต่างชาติที่เข้ามาทำธุรกิจในเมืองไทย 25% และต้องการสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งที่หันมาทำตลาดไซส์ใหญ่ด้วยการออกคอลเลคชั่นเสื้อสำเร็จรูปเหมือนบิ๊ก แอนด ทอลล์ โดยบริการดังกล่าวเริ่มต้นทำตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา แต่ในปีหน้าตั้งเป้าที่จะทำตลาดตรงนี้อย่างจริงมากขึ้น
ปัจจุบันแอร์โรว์คอลเลคชั่น บิ๊ก แอนด์ ทอลล์ มีจำหน่ายอยู่ใน 24 สาขาของร้านแอร์โรว์ จากทั้งหมด 150 สาขาทั่วประเทศ โดยมีสาขาไทม์สแควร์ ถนนสุขุมวิทเป็นสาขาเต็มรูปแบบ ส่วนบริการรับสั่งตัดไซส์ใหญ่จะทดลองเปิดให้บริการใน 6 สาขาของกรุงเทพฯ ก่อน และขณะนี้มีกลุ่มลูกค้าประจำอยู่ประมาณ 100 คนต่อ 1 สาขา มีอัตราการสั่งตัดเฉลี่ยต่อคน 3-4 เดือนครั้ง และสั่งตัดครั้งละ 4-6 ตัว
ในเบื้องต้นได้เปิดให้บริการสั่งตัดเฉพาะเสื้อเชิ้ตกับกางเกงซึ่งเป็นเครื่องแต่งกายหลักที่ต้องใช้ประจำก่อน จากคอลเลคชั่นบิ๊ก แอนด์ ทอลล์สำเร็จรูปจะมีครบทั้งสูท กางเกง เนคไท เสื้อลำลอง เสื้อเชิ้ต โดยบริการดังกล่าวจะมีราคาสูงกว่าคอลเลคชั่นสำเร็จรูปประมาณ 20%
ล่าสุด บริษัทได้เพิ่มรูปแบบของเสื้อผ้าคอลเลคชั่นบิ๊ก แอนด์ ทอลล์ ให้มีความหลากหลายมากขึ้นในด้านเนื้อผ้า โดยขนาดเสื้อที่เพิ่มขึ้นมีทั้งแขนสั้น แขนยาว ขนาดเสื้อรอบคอที่เริ่มตั้งแต่ 17.5 นิ้ว ถึง 20 นิ้ว ความยาวแขนเริ่มต้นที่ 35 นิ้ว