xs
xsm
sm
md
lg

“โฟน เพย์เมนท์” แหย่หนวดเสือ “เคาน์เตอร์เซอร์วิส”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จากกรณีที่บริษัท อาร์.เอ็น.ที.กรุ๊ป จำกัด ได้เปิดธุรกิจรับบริการชำระค่าสาธารณูปโภค ค่าสินค้าและบริการต่างๆ ผ่านระบบโทรศัพท์ทุกระบบ ในชื่อว่า โฟน เพย์เมนท์ (Phone Payment) ซึ่งถือเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการเอื้ออำนวยความสะดวกให้กับผู้บริโภคในการชำระค่าบริการและสินค้าต่างๆ ในยุคโลกดิจิตอล
แน่นอนว่าการเปิดตัวนี้ย่อมต้องส่งผลกระทบกับค่ายเคาน์เตอร์เซอร์วิส ของเครือซีพีอย่างเลี่ยงไม่ได้ ในฐานะที่เป็นธุรกิจเดียวกันและแข่งขันกันอย่างตรงๆ เพียงแต่ต่างวิธีการเท่านั้น
เคาน์เตอร์เซอร์วิสแข็งแกร่งทั้งด้านช่องทางรับชำระ เพราะอาศัยเครือข่ายร้านเซเว่นอีเลฟเว่นเป็นแขนขาในการรับชำระค่าบริการ และถือว่ามีมากที่สุดในบรรดาร้านคอนวีเนียนสโตร์ที่มีในไทย ซึ่งเท่ากับว่า เซเว่นอีเลฟเว่นมีเท่าใด โอกาสของเคาน์เตอร์เซอร์วิสก็มีมากเท่านั้น พร้อมกับยังพ่วงไปกับค้าปลีกอื่นๆอีกมากด้วย
อย่างไรก็ตาม การรุกของอาร์.เอ็น.ที.กรุ๊ปนี้ ไม่ได้ชนกับเคาน์เตอร์ฯในเรื่องของช่องทางแต่อย่างใด เพราะเอาจุดแตกต่างตรงโทรศัพท์มาใช้ เพราะชำระค่าบริการผ่านโทรศัพท์ ทุกระบบ และชำระได้ทุกวันทุกเวลา ตลอด 24 ชั่วโมง ตรงนี้ที่อาจกล่าวได้ว่า เป็นจุดได้เปรียบมากกว่า เคาน์เตอร์เซอร์วิส ที่จะมาแย่งลูกค้าไปได้ เพราะอาร์.ที.เอ็น.ไม่ต้องไปลงทุนขยายเครือข่ายจุดรับชำระแต่อย่างใด เพราะอาศัยเครือข่ายของโทรศัพท์ทุกระบบที่มีอยู่และของผู้ให้บริการโทรศัพท์ทั่วไปและเคลื่อนที่ นั่นหมายความว่าเวลานี้ จุดบริการของอาร์.เอ็น.ที.นั้นขยายไปแล้วทั่วประเทศตั้งแต่เริ่มต้น
ในช่วงที่เริ่มเปิดตัวบริการทางอาร์.เอ็น.ที.ก็โหมกิจกรรมเพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภครู้จักและทดลองใช้ทันที ด้วยแคมเปญ “คุณอยากได้รับ 12 ล้านมั๊ย” ส่วนแรกคือ 1.รู้จักโฟน เพย์เมนท์ วันนี้ลุ้นรับทันที โชคชั้นที่ 1 ให้ผู้สนใจโทรมาที่เบอร์ 1900 444 222 หรือส่ง เอสเอ็มเอส พิมพ์คำว่า A มาที่ 422 4445 รวมทั้งสิ้น 101 รางวัล มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท
ส่วนที่ 2 คือ สมัครง่ายๆ แค่ปลายนิ้ว ลุ้นต่ออีกที โชคชั้นที่ 2 โดยการกรอกใบสมัครใช้บริการที่สาขาของธนาคารพาณิชย์ ทั่วประเทศ ที่ผู้สนใจมีบัญชีออมทรัพย์อยู่ และโทรศัพท์ลงทะเบียนที่ 1900 444 222 มีสิทธิ์ลุ้นเช็คของขวัญมูลค่า 10 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 2,121 รางวัล
ทั้งนี้บริการของอาร์.เอ็น.ที.จะเริ่มต้นให้บริการประมาณเดือนธันวาคมนี้ ช่วงนี้จึงอยู่ระหว่างการสร้างชื่อและสร้างแบรนด์ให้ผู้บริโภครู้จักไว้ก่อน ด้วยการลงสื่อต่างๆพ่วงไปกับการชิงโชค
นายประเสริฐ มนูพิบูลย์ ผู้จัดการทั่วไป สำนักการตลาดและพัฒนาธุรกิจ บริษัท เคาน์เตอร์เซอร์วิส จำกัด ในฐานะผู้นำด้านธุรกิจรับชำระค่าสาธารณูปโภคและบริการเปิดเผยว่า ปัจจุบันธุรกิจรับชำระเงินมีการเติบโตที่สูงขึ้น ส่งผลให้มีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นตามไปด้วย โดยจะเห็นว่ามีลักษณะการให้บริการแบบใหม่ๆ เกิดขึ้นทุกวันตามพัฒนาการของเทคโนโลยีที่เอื้ออำนวยเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตามผู้บริหารของเคาน์เตอร์ฯเองก็อ้างด้วยว่า รูปแบบการให้บริการที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการรับชำระผ่านทางโทรศัพท์บ้าน โทรศัพท์มือถือ หรืออินเทอร์เน็ต เป็นต้นนั้น บริษัทได้มีการศึกษารูปแบบและความเป็นไปได้ในการให้บริการมาแล้ว และพบว่าวิธีการรับชำระโดยผ่านสาขาของเคาน์เตอร์เซอร์วิสนั้นเป็นวิธีการที่สอดคล้องกับรูปแบบชีวิตของผู้บริโภคคนไทยมากที่สุด โดยการยกสถิติขึ้นมากล่าวอ้างว่า ตั้งแต่การเปิดบริการครั้งแรกเมื่อปี 2534 ยอดรับชำระผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิสมีเพียงเดือนละ 3,500 บิลเท่านั้น
ทว่าปัจจุบันนี้ยอดรับชำระค่าบริการกลับเพิ่มสูงขึ้นเฉลี่ย 4.5 ล้านบิลต่อเดือน แล้ว
“เป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีผู้ประกอบการรายใหม่ๆ จะต้องสร้างความแตกต่างและเลี่ยงจุดแข็งของเคาน์เตอร์เซอร์วิส คู่แข่งรายใหม่ที่ไม่มีสาขาหรือมีน้อยกว่าจึงต้องนำเครื่องมือหรือเทคโนโลยีช่องทางอื่นๆเข้ามาช่วย เช่น โทรศัพท์ หรืออินเตอร์เน็ต เป็นต้น แต่การชำระผ่านสาขาของเคาน์เตอร์เซอร์วิสนั้น ลูกค้าจะมีความเชื่อมั่นมากกว่า เพราะจะได้รับใบเสร็จทุกครั้งที่ชำระเงิน โดยทุกใบเสร็จที่ลูกค้าชำระเคาน์เตอร์เซอร์วิสจะเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมดและเป็นใบเสร็จที่ถูกต้องตามกฎหมาย ตามกฎกระทรวงการคลัง และด้วยพฤติกรรมของผู้บริโภคคนไทยที่ยังนิยมความสะดวกสบายที่มีเจ้าหน้าที่ให้บริการ อีกทั้งส่วนใหญ่ยังไม่มั่นใจกับการทำธุรกรรมทางสายโทรศัพท์ จึงมั่นใจว่า ถึงแม้จะมีรูปแบบการให้บริการแบบใหม่เข้ามา ก็จะไม่กระทบต่อฐานลูกค้าเดิมของเคาน์เตอร์เซอร์วิส” นายประเสริฐกล่าว
ด้วยความเชื้อมั่นของเคาน์เตอร์เซอร์วิสเองที่ว่า ผู้บริโภคยังคงจะมาใช้บริการที่จุดรับชำระด้วยตัวเองเป็นสิ่งที่เหมาะสมมากว่า ทำให้ที่ผ่านมาเคาน์เตอร์ฯจึงได้พยายามที่จะสร้างความแข็งแกร่งทั้งท้าดนรบบ เครือขาย และพันธมิตรที่มอยหมายให้เคาน์เตอร์ฯเป็ตนัวแทนรับชำระมากขึ้น ถึงขณะนี้มีมากกว่า 100 บริการ จากพันธมิตรเกือบ 70 ราย
จุดรับชำระบริการก็มีมากถึง 3,600 สาขาแล้ว ซึ่งมากที่สุดในประเทศเวลานี้
แต่เมื่อมีคู่แข่งเริ่มเข้ามากินเค้กมากขึ้น เคาน์เตอร์ฯจึงต้องพยายามหาพันธมิตรเพิ่มมขึ้นอีก คือ ธนาคารยูโอบี รัตนสิน เพิ่มบริการรับชำระเงินบัตรเครดิต คอร์ปอเรต การ์ด, ธนาคารไทยพาณิชย์ เพิ่มบริการรับชำระเงินบัตร สปีดี้แคช, แคปปิตัล โอเค เพิ่มบริการรับชำระสินเชื่อเงินผ่อนซื้อสินค้าในห้างสรรพสินค้าเดอะ มอลล์ ส่วนพันธมิตรใหม่ที่จะเข้ามาให้บริการเพิ่มเติม ได้แก่ บริษัท บั๊ฟ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ให้บริการเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า บริษัท ซิลลิค ฟาร์มา (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและจำหน่ายยา บริษัท ซิตี้คอร์ป ลิสซิ่ง จำกัด ผู้ให้บริการสินเชื่อซิตี้ไฟแนนเชี่ยล ซึ่งจะเริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่ 15 พฤศจิกายน เป็นต้นไป
ช่วง 9 เดือนแรกปีนี้เคาน์เตอร์เซอร์วิสมียอดบิลชำระรวม 44 ล้านบิล สูงกว่าจำนวนที่ตั้งเป้าไว้ที่ 39 ล้านบิล หรือ 12% หรือหากเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันเมื่อปี 2546 มียอดผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น 16% โดยคาดว่าจนถึงสิ้นปีจะมียอดผู้ใช้บริการรวม 52 ล้านบิล เพิ่มขึ้นจาก 45 ล้านบิลในสิ้นปี 2546
โดยสัดส่วนของบิลชำระแบ่งเป็น ค่าสาธารณูปโภค อาทิ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ 30% ธุรกิจเช่าซื้อ 30% ค่าบัตรเครดิต 30% สินค้าและบริการอื่นๆ เช่นโทรศัพท์มือถือ เป็นต้น 10% โดยบริษัท มีมูลค่ายอดรวมของบิลที่รับชำระและส่งให้ผู้ว่าจ้างในปีที่แล้วประมาณ 65,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม นอกจากสองรายใหญ่นี้แล้วก็ยังมีรายอื่นแต่เป็นระดับกลางๆเช่น เพย์พอยท์
การรุกของอาร์.เอ็น.ที.ครั้งนี้จึงเปรียบเสมือนกับการกระตุกหนวดเสืออย่าง เคาน์เตอร์เซอร์วิส ที่ทำธุรกิจนี้มานานก่อนแล้ว ด้วยระบบที่แตกต่างออกไป
กำลังโหลดความคิดเห็น