สปา อามิตี้ส์บุกหนักตลาดอุปโภคบริโภค หลังเห็นแววกลุ่มอุปกรณ์สื่อสารธุรกิจเดิมเจอสินค้าจีนรุมทึ้ง เร่งปั้นเดกาเซ่ติดตลาด หวังใช้ดันรายได้บริษัทเติบโต ตั้งเป้า 3 ปีรายได้ทะลุ 1,000 ล้านบาท สนตั้งโรงงานผลิตเอง คิดกลยุทธ์ใหม่ ชอร์ต เบลท์ มาร์เกตติง เจาะใจวัยโจ๋ชาย ปี 2548 เตรียมส่งครีมบำรุงผิว โลชั่น สบู่ น้ำหอมลงเขย่าตลาดต่อ
นายแสงชัย กิจสัมฤทธิ์โรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สปา อามิตี้ส์ (ไทยแลนด์) เจ้าของผลิตภัณฑ์ผู้ชาย เดกาเซ่ เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาตลาดเพื่อวางตลาดผลิตภัณฑ์กลุ่มใหม่ให้กับแบรนด์เดกาเซ่ หลังจากที่เริ่มล้อนช์โฟมล้างหน้า โรลออน และแชมพู โดยเตรียมที่จะส่งผลิตภัณฑ์กลุ่มครีมบำรุงผิว โลชั่น สบู่ น้ำหอม ในไตรมาส 1 ของปี 2548 ซึ่งจะรอผลการศึกษาความต้องการของตลาดว่าเหมาะที่จะนำกลุ่มไหนเข้าตลาดก่อน
สำหรับผลิตภัณฑ์ทั้ง 3 กลุ่มที่วางตลาดแล้ว บริษัทจะทยอยเปิดตัวโฆษณาทีละกลุ่ม เริ่มจากโฟมล้างหน้า ตามด้วยโรลออน และแชมพู โดยตั้งเป้ายอดขายปีแรกไว้ที่ 250 ล้านบาท คาดว่าสัดส่วนยอดขายของทั้ง 3 ผลิตภัณฑ์จะเท่ากัน ซึ่งบริษัทจะใช้กลยุทธ์ ชอร์ต เบลท์ มาร์เกตติง (Short Belt Marketing) หรือกลยุทธ์ที่คาดไม่ถึงในการจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ไปตามโรงเรียนต่างๆ เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายของเดกาเซ่เป็นกลุ่มผู้ชายวันรุ่นประมาณมัธยมศึกษาตอนปลาย สนใจกิจกรรมที่ตื่นเต้นแปลกใหม่และไม่ซ้ำแบบกับใคร
ปีหน้าบริษัทตั้งเป้ายอดขายของเดกาเซ่ให้เติบโต 20% ซึ่งคาดว่าภายในเวลา 3 ปียอดขายน่าจะถึง 1,000 ล้านบาท มีความคุ้มค่าในการตั้งโรงงานผลิตสินค้าเป็นของตัวเอง เนื่องจากปัจจุบันผลิตภัณฑ์จ้างให้บริษัท รูเบียอุตสาหกรรม จำกัด ในเครือเบอร์รี่ ยุคเกอร์
ก่อนหน้านี้ บริษัททำธุรกิจเกี่ยวกับอุปกรณ์สื่อสารเกี่ยวกับโทรศัพท์มือถือภายใต้แบรนด์สปา แต่หลังจากที่ตลาดดังกล่าวมีแนวโน้มหดตัวลง รวมถึงการที่สินค้าประเภทดังกล่าวจากจีนเข้ามาตีตลาดเป็นจำนวนมาก ทำให้บริษัทต้องหันไปหาธุรกิจใหม่ที่จะช่วยเสริมการเติบโตให้กับบริษัท โดยมองว่าตลาดสินค้าอุปโภคเครื่องสำอางสำหรับผู้ชายที่เป็นตลาดระดับวงกว้างยังไม่มีใครทำตลาดอย่างจริงจัง หรือยังไม่มีใครทำตลาดอย่างครบไลน์สินค้า คาดว่ามีมูลค่ารวมประมาณ 1,000 ล้านบาท เติบโต 30% ต่อเนื่อง จึงเป็นตลาดที่มีแนวโน้มที่ดีที่สุดและมีช่องว่างที่ยังสามารถเจาะเข้าไปได้มาก
บริษัทจึงเริ่มทำการสำรวจเพื่อที่จะเข้ามาเล่นในตลาดนี้ ซึ่งตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคเป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูง โดยทำสำรวจกลุ่มเป้าหมายทั่วประเทศ และพบว่า กลุ่มผู้ชายอายุ 13-18 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มที่บริษัทต้องการเจาะเข้าไปมากที่สุด โดยกลุ่มดังกล่าวมีขนาดประมาณ 4-5 ล้านคนจากจำนวนประชากรทั้งหมด ต้องการผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ชายเฉพาะที่ช่วยทำให้หน้าขาวขึ้นสูงถึง 70% และมีความต้องการให้รักแร้ขาว 60%
เบื้องต้นบริษัทส่งแบรนด์เดกาเซ่ ออกมาด้วยกัน 3 ผลิตภัณฑ์ คือ แชมพู, โฟมล้างหน้า และโรออน โดยตลาดโรออนเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูงที่สุดประมาณ 15% จากมูลค่าตลาดรวม 1,500 ล้านบาท รองลงมาเป็นตลาดโฟมล้างหน้าและครีมบำรุงผิวมูลค่า 5,500 ล้านบาท เติบโต 10% ส่วนตลาดแชมพูที่มีมูลค่า 9,000 ล้านบาท เติบโต 8%
นายแสงชัยกล่าวต่อว่า ในปี 2548 สัดส่วนรายได้ของบริษัทจะเปลี่ยนไป โดยเดกาเซ่จะเข้ามามีส่วนแบ่งรายได้เป็น 40% และกลุ่มอุปกรณ์สื่อสารซึ่งมีรายได้ต่อปีประมาณ 400 ล้านบาท จะมีสัดส่วนเหลือเพียง 60% จาก 100%
นายแสงชัย กิจสัมฤทธิ์โรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สปา อามิตี้ส์ (ไทยแลนด์) เจ้าของผลิตภัณฑ์ผู้ชาย เดกาเซ่ เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาตลาดเพื่อวางตลาดผลิตภัณฑ์กลุ่มใหม่ให้กับแบรนด์เดกาเซ่ หลังจากที่เริ่มล้อนช์โฟมล้างหน้า โรลออน และแชมพู โดยเตรียมที่จะส่งผลิตภัณฑ์กลุ่มครีมบำรุงผิว โลชั่น สบู่ น้ำหอม ในไตรมาส 1 ของปี 2548 ซึ่งจะรอผลการศึกษาความต้องการของตลาดว่าเหมาะที่จะนำกลุ่มไหนเข้าตลาดก่อน
สำหรับผลิตภัณฑ์ทั้ง 3 กลุ่มที่วางตลาดแล้ว บริษัทจะทยอยเปิดตัวโฆษณาทีละกลุ่ม เริ่มจากโฟมล้างหน้า ตามด้วยโรลออน และแชมพู โดยตั้งเป้ายอดขายปีแรกไว้ที่ 250 ล้านบาท คาดว่าสัดส่วนยอดขายของทั้ง 3 ผลิตภัณฑ์จะเท่ากัน ซึ่งบริษัทจะใช้กลยุทธ์ ชอร์ต เบลท์ มาร์เกตติง (Short Belt Marketing) หรือกลยุทธ์ที่คาดไม่ถึงในการจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ไปตามโรงเรียนต่างๆ เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายของเดกาเซ่เป็นกลุ่มผู้ชายวันรุ่นประมาณมัธยมศึกษาตอนปลาย สนใจกิจกรรมที่ตื่นเต้นแปลกใหม่และไม่ซ้ำแบบกับใคร
ปีหน้าบริษัทตั้งเป้ายอดขายของเดกาเซ่ให้เติบโต 20% ซึ่งคาดว่าภายในเวลา 3 ปียอดขายน่าจะถึง 1,000 ล้านบาท มีความคุ้มค่าในการตั้งโรงงานผลิตสินค้าเป็นของตัวเอง เนื่องจากปัจจุบันผลิตภัณฑ์จ้างให้บริษัท รูเบียอุตสาหกรรม จำกัด ในเครือเบอร์รี่ ยุคเกอร์
ก่อนหน้านี้ บริษัททำธุรกิจเกี่ยวกับอุปกรณ์สื่อสารเกี่ยวกับโทรศัพท์มือถือภายใต้แบรนด์สปา แต่หลังจากที่ตลาดดังกล่าวมีแนวโน้มหดตัวลง รวมถึงการที่สินค้าประเภทดังกล่าวจากจีนเข้ามาตีตลาดเป็นจำนวนมาก ทำให้บริษัทต้องหันไปหาธุรกิจใหม่ที่จะช่วยเสริมการเติบโตให้กับบริษัท โดยมองว่าตลาดสินค้าอุปโภคเครื่องสำอางสำหรับผู้ชายที่เป็นตลาดระดับวงกว้างยังไม่มีใครทำตลาดอย่างจริงจัง หรือยังไม่มีใครทำตลาดอย่างครบไลน์สินค้า คาดว่ามีมูลค่ารวมประมาณ 1,000 ล้านบาท เติบโต 30% ต่อเนื่อง จึงเป็นตลาดที่มีแนวโน้มที่ดีที่สุดและมีช่องว่างที่ยังสามารถเจาะเข้าไปได้มาก
บริษัทจึงเริ่มทำการสำรวจเพื่อที่จะเข้ามาเล่นในตลาดนี้ ซึ่งตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคเป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูง โดยทำสำรวจกลุ่มเป้าหมายทั่วประเทศ และพบว่า กลุ่มผู้ชายอายุ 13-18 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มที่บริษัทต้องการเจาะเข้าไปมากที่สุด โดยกลุ่มดังกล่าวมีขนาดประมาณ 4-5 ล้านคนจากจำนวนประชากรทั้งหมด ต้องการผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ชายเฉพาะที่ช่วยทำให้หน้าขาวขึ้นสูงถึง 70% และมีความต้องการให้รักแร้ขาว 60%
เบื้องต้นบริษัทส่งแบรนด์เดกาเซ่ ออกมาด้วยกัน 3 ผลิตภัณฑ์ คือ แชมพู, โฟมล้างหน้า และโรออน โดยตลาดโรออนเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูงที่สุดประมาณ 15% จากมูลค่าตลาดรวม 1,500 ล้านบาท รองลงมาเป็นตลาดโฟมล้างหน้าและครีมบำรุงผิวมูลค่า 5,500 ล้านบาท เติบโต 10% ส่วนตลาดแชมพูที่มีมูลค่า 9,000 ล้านบาท เติบโต 8%
นายแสงชัยกล่าวต่อว่า ในปี 2548 สัดส่วนรายได้ของบริษัทจะเปลี่ยนไป โดยเดกาเซ่จะเข้ามามีส่วนแบ่งรายได้เป็น 40% และกลุ่มอุปกรณ์สื่อสารซึ่งมีรายได้ต่อปีประมาณ 400 ล้านบาท จะมีสัดส่วนเหลือเพียง 60% จาก 100%