xs
xsm
sm
md
lg

ไมเนอร์ฯร่วมทุนบ.ยักษ์จากเกาหลี ประกาศรุกตลาดคอสเมติกส์เต็มสูบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ไมเนอร์ แฟชั่น กรุ๊ป ควงแขนอมอร์ แปซิกฟิก บ.เครื่องสำอางยักษ์ใหญ่จากเกาหลี ร่วมทุนตั้งบริษัทใหม่ในไทย หวังใช้รุกตลาดคอสเมติกส์เต็มสูบ ชิมลางนำเข้าแบรนด์แรก “ลา เนจ” กลางพ.ย.นี้ ตั้งเป้า 3 ปีทำรายได้เทียบชั้นเรดเอิร์ธ แบรนด์ในเครือ ล่าสุด ได้ฤกษ์ผลักเรดเอิร์ธรุกต่างจังหวัด ชี้แบรนด์เครื่องสำอางโซนเอเชียมาแรง

นางสมรวรรณ รัตตกุล ผู้จัดการกลุ่มธุรกิจเครื่องสำอาง บริษัท ไมเนอร์ แฟชั่น กรุ๊ป จำกัด ตัวแทนจำหน่ายเครื่องสำอาง เรดเอิร์ธ และบลูม เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเซ็นสัญญากับบริษัท อมอร์ แปซิฟิก จำกัด บริษัทเครื่องสำอางที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเกาหลี เพื่อจัดตั้งบริษัทใหม่ร่วมกันภายใต้ชื่อ บริษัท อมอร์ ประเทศไทย จำกัด เพื่อการดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายเครื่องสำอางในเครืออมอร์ แปซิฟิกในประเทศไทย ซึ่งในเบื้องต้นบริษัทจะนำเครื่องสำอาง “ลา เนจ” (LA NEIGE) เข้ามาทำตลาดก่อนเป็นแบรนด์แรก โดยจะเปิดตัวในกลางเดือนพ.ย.นี้

อมอร์ แปซิฟิกเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเครื่องสำอางในประเทศเกาหลี มีศูนย์วิจัยสภาพผิวคนเอเชียเป็นของตนเอง ส่งออกผลิตภัณฑ์ไปยังประเทศฮ่องกง อินโดนีเซีย ไต้หวัน และสิงคโปร์ ด้วยวิธีหาตัวแทนจำหน่ายและร่วมทุน โดยบริษัทดังกล่าวมีแบรนด์ในเครือมากกว่า 10 แบรนด์ จึงเป็นเหตุผลที่ไมเนอร์ฯ ร่วมทุนตั้งบริษัทใหม่ในครั้งนี้แทนการเป็นเพียงตัวแทนจำหน่ายเหมือนกับ 2 แบรนด์ที่ผ่านมา

เนื่องจากบริษัทมองภาพในระยะยาวที่จะนำแบรนด์อื่นๆ ในเครืออมอร์เข้ามาทำตลาด และตั้งเป้าที่จะให้แบรนด์ลา เนจเป็นแบรนด์เรือธงในกลุ่มเครื่องสำอางของไมเนอร์ฯ จากเดิมที่แบรนด์เรด เอิร์ธเป็นแบรนด์ที่ทำรายได้หลักอันดับ 1 ให้ในปัจจุบัน โดยคาดว่าลา เนจจะสามารถสร้างยอดขายเทียบเท่าเรด เอิร์ธซึ่งมียอดขายต่อปีประมาณ 150 ล้านบาทได้ภายใน 3 ปี

บริษัทนำสินค้าของลา แนจเข้ามาทำตลาดแบบครบไลน์ประมาณ 300 รายการ เน้นกลุ่มบำรุงผิว วางตำแหน่งเป็นเครื่องสำอางเคาน์เตอร์แบรนด์เจาะลูกค้าระดับกลางและอายุ 25ปีขึ้นไป โดยราคาสินค้าเริ่มต้นที่ 600 –2,800 บาท และมีช่องทางการจัดจำหน่ายแรกที่บิวตี้ ฮอลล์ เดอะมอลล์ บางกะปิ ซึ่งอยู่ระหว่างการปรับโฉมใหม่ บนพื้นที่กว่า 20 ตร.ม. ใช้งบลงทุน 6 แสนบาท ต่อ 1 เคาน์เตอร์ ส่วนต้นปีหน้าจะเริ่มขยายต่อไปยังเครือเดอะมอลล์ ย่านสยาม ซึ่งคาดว่าจะครอบคลุมทุกช่องทางตามเป้าหมายกว่า 20 จุดภายใน 3 ปี

ในช่วงการทำตลาด 1 ปีแรกบริษัทตั้งเป้ามีจุดจำหน่าย 9 แห่ง มียอดขาย 80 ล้านบาท ใช้งบการทำตลาดทั้งหมด 15-20 ล้านบาท ขณะที่เรดเอิร์ธในปีนี้ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 150 ล้านบาท เติบโต 40% บลูม ตั้งเป้ายอดขาย 50 ล้านบาท เติบโต 100% โดยคาดว่าลา แนจที่เริ่มเข้ามาทำตลาดในปลายปีนี้จะช่วยเพิ่มยอดขายให้กลุ่มเครื่องสำอางของไมเนอร์เติบโตขึ้นอีก 50%

สำหรับแผนการทำตลาดให้กับเรดเอิร์ธในปี 2548 บริษัทจะขยายช่องทางในต่างจังหวัดให้มากขึ้น แต่ยังเน้นเปิดเคาน์เตอร์กับห้างสรรพสินค้า ซึ่งล่าสุด ได้เปิดสาขาที่เซ็นทรัล เฟสติวัล ภูเก็ต และยังอยู่ระหว่างการเจรจากับโรบินสันในการเปิดสาขาต่างจังหวัด

นางสมรวรรณ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทยังมีแผนที่จะนำแบรนด์ใหม่ๆ เข้ามาทำตลาด แต่อยู่ระหว่างเจรจาคาดว่าจะสามารถนำเข้ามาได้ในปีหน้า โดยมองว่าแบรนด์เครื่องสำอางเอเชียหรือออสเตรเลียเหมาะกับการทำตลาดในไทยมากที่สุด ทั้งในแง่ของราคาจำหน่ายที่ไม่สูงเกินไปเหมือนแบรนด์ยุโรป และคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ก็สอดรับกับสภาพผิวของผู้บริโภคคนไทย
กำลังโหลดความคิดเห็น