โซลิโต้จับมือกับแบงก์กสิกรไทย ขยายช่องทางจัดจำหน่ายกาแฟและอุปกรณ์ผ่านทางเว็บไซต์เป็นรายแรกของไทยในธุรกิจกาแฟ เน้นอำนวยความสะดวกและประหยัดค่าเดินทางรับมือภาวะน้ำมันราคาแพง แย้มแผนปีหน้าเตรียมบุกตลาดดิสเคานต์สโตร์ รวมถึงรุกตลาดส่งออกอย่างจริงจังภายใต้ชื่อแบรนด์โซลิโต้ เล็งแถบเอเชียก่อน
นางสาววัชรี ลีวุฒินันท์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและพัฒนาธุรกิจ บริษัท คอฟฟี่ บีนเนอรี่ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายกาแฟคั่วบดตรา "โซลิโต้" กล่าวถึงสถานการณ์ปัจจุบันของกาแฟคั่วบดว่า ยุคนี้ราคาน้ำมันแพงขึ้น ต้นทุนการผลิตบางอย่างมีราคาสูงขึ้น ส่งกระทบต่อผู้ประกอบการหลายราย โซลิโต้จึงมีวิธีแก้ไขและรับมือกับสถานการณ์ในหลายๆด้านเช่น การเพิ่มช่องทางจำหน่ายทางธุรกิจผ่านระบบอีคอมเมิร์ส ภายใต้เว็บไซต์ www.zolito.com โดยจับมือกับธนาคารกสิกรไทย ในการให้ชำระผ่านทางบัตรเครดิตซึ่งถือเป็นกาแฟรายแรกของไทยที่ให้บริการรูปแบบดังกล่าวนี้ซึ่งเป็นที่นิยมในต่างประเทศ
ทั้งนี้ การซื้อขายผ่านทางเว็บไซต์ของโซลิโต้จะคิดค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้าทั่วประเทศเฉลี่ยประมาณ 85-295 บาท ตามราคาสินค้าที่ลูกค้าซื้อ โดยมีระยะเวลาการส่งรับสินค้าผ่านทางไปรษณีย์ 3-5 วัน
กลุ่มลูกค้าของบริษัทฯจะเป็นกลุ่มวัยทำงานที่ชอบดื่มกาแฟและมีอายุ 25 ปีขึ้นไป ในขณะที่ปัจจุบันวัยรุ่นเริ่มหันมาทานกาแฟมากขึ้น สำหรับสัดส่วนลูกค้าของบริษัทฯแบ่งเป็นลูกค้าผู้ประกอบการ อาทิ ร้านกาแฟทั่วไป, กลุ่มโรงแรม 60% และลูกค้าทั่วไป 40% ส่วนฐานสมาชิกขณะนี้มี 700 คน ตั้งเป้าสิ้นปีมีสมาชิกทั้งหมด 1,000 คน
นางสาววัชรี กล่าวว่า ปีนี้การส่งออกเมล็ดกาแฟดิบมีไม่มาก เนื่องจากมีหลายปัจจัย อาทิ มีคู่แข่งอย่างเวียดนามที่มีอัตราการผลิตเป็นล้านตันต่อปี ซึ่งมากกว่าไทยที่มีผลผลิตส่งออก 8 หมื่นตันต่อปี โดยประเทศที่ส่งออกมากในปีนี้จะเป็นแถบยุโรป เช่น โปแลนด์ ขณะที่ผ่านมาเคยส่งออกไปอเมริกาและญี่ปุ่น ทั้งนี้ในกลางปีหน้าบริษัทฯจะเริ่มทำตลาดในส่วนของแบรนด์โซลิโต้อย่างจริงจังในส่วนของตลาดส่งออก เล็งประเทศในแถบเอเชีย เช่น สิงคโปร์ เป็นต้น
สำหรับงบทางการตลาดปีนี้ของบริษัทฯตั้งไว้ 6 ล้านบาท โดยจะเน้นใช้ผ่านกิจกรรมบีโลว์ เดอะ ไลน์ เช่น การชงให้ชิมตามห้างสรรพสินค้า รวมถึงการโฆษณาผ่านนิตยสาร ใบปลิวและเว็บไซต์ต่างๆ เป็นต้น ส่วนช่องทางการจัดจำหน่ายจะผ่านทางโมเดิร์นเทรด,ซูเปอร์มาร์เกต, ไดเร็กเมลล์ และเว็บไซต์ ฯลฯ นอกจากนี้ในปีหน้าบริษัทฯ มีแผนเตรียมเข้าไปวางจำหน่ายสินค้าทางช่องทางดิสเคานต์สโตร์ เพื่อขยายช่องทางการขายได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
ขณะที่ตลาดรวมของกาแฟมีมูลค่ากว่า 1หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นตลาดกาแฟสำเร็จรูป, กาแฟพร้อมดื่ม และกาแฟทรีอินวัน ส่วนตลาดกาแฟคั่วบดมีมูลค่าประมาณ 800-1,000 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาตลาดกาแฟคั่วบดมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง สังเกตได้จากการที่มีผู้ผลิตกาแฟหลายรายเกิดขึ้นในตลาด และการที่คนไทยดื่มกาแฟคั่วบดมากขึ้น
นางสาววัชรี ลีวุฒินันท์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและพัฒนาธุรกิจ บริษัท คอฟฟี่ บีนเนอรี่ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายกาแฟคั่วบดตรา "โซลิโต้" กล่าวถึงสถานการณ์ปัจจุบันของกาแฟคั่วบดว่า ยุคนี้ราคาน้ำมันแพงขึ้น ต้นทุนการผลิตบางอย่างมีราคาสูงขึ้น ส่งกระทบต่อผู้ประกอบการหลายราย โซลิโต้จึงมีวิธีแก้ไขและรับมือกับสถานการณ์ในหลายๆด้านเช่น การเพิ่มช่องทางจำหน่ายทางธุรกิจผ่านระบบอีคอมเมิร์ส ภายใต้เว็บไซต์ www.zolito.com โดยจับมือกับธนาคารกสิกรไทย ในการให้ชำระผ่านทางบัตรเครดิตซึ่งถือเป็นกาแฟรายแรกของไทยที่ให้บริการรูปแบบดังกล่าวนี้ซึ่งเป็นที่นิยมในต่างประเทศ
ทั้งนี้ การซื้อขายผ่านทางเว็บไซต์ของโซลิโต้จะคิดค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้าทั่วประเทศเฉลี่ยประมาณ 85-295 บาท ตามราคาสินค้าที่ลูกค้าซื้อ โดยมีระยะเวลาการส่งรับสินค้าผ่านทางไปรษณีย์ 3-5 วัน
กลุ่มลูกค้าของบริษัทฯจะเป็นกลุ่มวัยทำงานที่ชอบดื่มกาแฟและมีอายุ 25 ปีขึ้นไป ในขณะที่ปัจจุบันวัยรุ่นเริ่มหันมาทานกาแฟมากขึ้น สำหรับสัดส่วนลูกค้าของบริษัทฯแบ่งเป็นลูกค้าผู้ประกอบการ อาทิ ร้านกาแฟทั่วไป, กลุ่มโรงแรม 60% และลูกค้าทั่วไป 40% ส่วนฐานสมาชิกขณะนี้มี 700 คน ตั้งเป้าสิ้นปีมีสมาชิกทั้งหมด 1,000 คน
นางสาววัชรี กล่าวว่า ปีนี้การส่งออกเมล็ดกาแฟดิบมีไม่มาก เนื่องจากมีหลายปัจจัย อาทิ มีคู่แข่งอย่างเวียดนามที่มีอัตราการผลิตเป็นล้านตันต่อปี ซึ่งมากกว่าไทยที่มีผลผลิตส่งออก 8 หมื่นตันต่อปี โดยประเทศที่ส่งออกมากในปีนี้จะเป็นแถบยุโรป เช่น โปแลนด์ ขณะที่ผ่านมาเคยส่งออกไปอเมริกาและญี่ปุ่น ทั้งนี้ในกลางปีหน้าบริษัทฯจะเริ่มทำตลาดในส่วนของแบรนด์โซลิโต้อย่างจริงจังในส่วนของตลาดส่งออก เล็งประเทศในแถบเอเชีย เช่น สิงคโปร์ เป็นต้น
สำหรับงบทางการตลาดปีนี้ของบริษัทฯตั้งไว้ 6 ล้านบาท โดยจะเน้นใช้ผ่านกิจกรรมบีโลว์ เดอะ ไลน์ เช่น การชงให้ชิมตามห้างสรรพสินค้า รวมถึงการโฆษณาผ่านนิตยสาร ใบปลิวและเว็บไซต์ต่างๆ เป็นต้น ส่วนช่องทางการจัดจำหน่ายจะผ่านทางโมเดิร์นเทรด,ซูเปอร์มาร์เกต, ไดเร็กเมลล์ และเว็บไซต์ ฯลฯ นอกจากนี้ในปีหน้าบริษัทฯ มีแผนเตรียมเข้าไปวางจำหน่ายสินค้าทางช่องทางดิสเคานต์สโตร์ เพื่อขยายช่องทางการขายได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
ขณะที่ตลาดรวมของกาแฟมีมูลค่ากว่า 1หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นตลาดกาแฟสำเร็จรูป, กาแฟพร้อมดื่ม และกาแฟทรีอินวัน ส่วนตลาดกาแฟคั่วบดมีมูลค่าประมาณ 800-1,000 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาตลาดกาแฟคั่วบดมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง สังเกตได้จากการที่มีผู้ผลิตกาแฟหลายรายเกิดขึ้นในตลาด และการที่คนไทยดื่มกาแฟคั่วบดมากขึ้น