ธุรกิจทัวร์-โรงแรม โอดโลว์ซีซั่นปีนี้ซบหนัก เผยจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงจากช่วงปกติ 70-80% พบปัญหาเหตุที่ผ่านมากระหน่ำจัดแคมเปญ ลด-แจก-แถม จนตลาดเฟ้อ ลูกค้ามีทางเลือกไม่ต้องเร่งตัดสินใจ ล่าสุดปัญหาน้ำมันแพงเป็นปัจจัยลบครึ่งปีหลัง อาจซบหรือทรงตัวต่อเนื่อง ขณะที่กลุ่มโรงแรม 3 ภาค ร่อนจดหมายขอปรับค่าห้องขึ้น 7-10%
แม้ว่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย มีนโยบายกระตุ้นตลาดท่องเที่ยวอย่างจริงจัง และที่ผ่านมาก็ได้ผลดี โดยมีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติหันมาเที่ยวเมืองไทยเพิ่มมากขึ้นโดยตัวเลขของนักท่องเที่ยว 7 เดือนแรก(ม.ค.-ก.ค.) พบว่าในส่วนของนักท่องเที่ยวที่ผ่านทางสนามบินดอนเมือง เพิ่มขึ้น 25.75% หรือมีนักท่องเที่ยวผ่านเข้า-ออกเป็นจำนวน 4.53 ล้านคน จนทำให้มี ผู้ประกอบการหน้าใหม่โดยเฉพาะธุรกิจทัวร์ผุดขึ้นราวดอกเห็ด ขณะที่ในส่วนของตลาดท่องเที่ยวในประเทศ ททท.เน้นไปที่การเพิ่มปริมาณนักท่องเที่ยวและการเพิ่มความถี่เป็นจำนวนครั้งต่อคนต่อปี ดูจากหลายงานที่ททท.จัดขึ้นจะเน้นการรวบรวมบริษัททัวร์มาให้ส่วนลดราคาแพคเกจท่องเที่ยว ดูเหมือนทั้งหมดจะเป็นผลดีกับทุกฝ่าย ทั้งผู้ประกอบการ ผู้บริโภค และประเทศชาติ
แต่สถานการณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะการที่ททท.ต้องการเพิ่มปริมาณนักท่องเที่ยว จนลืมปัจจัยประกอบอีกหลายๆประการ ได้ส่งผลกระทบกับผู้ประกอบการที่ทำบริษัททัวร์แล้ว โดยหลายรายยอมรับว่าโลว์ซีซั่นปีนี้ยอดจองของนักท่องเที่ยวหายไปกว่า 50% จากช่วงโลว์ซีซั่นในปีก่อนๆ โดยสาเหตุมาจากหลายปัจจัย ซึ่งททท.อาจไม่เคยรับรู้มาก่อน
เหตุจัดงานลดราคาถี่คนไม่เร่งซื้อ
นายวุฒิชัย มากวงศ์ ผู้อำนวยฝ่ายการตลาด บริษัท หนุ่มสาวทัวร์ จำกัด เปิดเผยว่า ช่วงโลว์ชีซั่นปีนี้เป็นปีแรกที่ปริมาณนักท่องเที่ยวลดลงจนผิดปกติ จากทุกปีในช่วงเปลี่ยนฤดูกาล จำนวนนักท่องเที่ยวจะลดลงประมาณ 50% ของช่วงเวลาปกติ แต่ปีนี้จากการสอบถามข้อมูลไปยังโรงแรมต่างๆ รวมถึงบริษัททัวร์อื่นๆ พบว่าจำนวนนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะที่เป็นคนไทย มีจำนวนลดลงมากถึง70-80% ซึ่งขณะนี้ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด แต่ในเบื้องต้น คาดอาจเป็นเพราะการจัดมหกรรมลดราคาแพคเกจท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นให้คนไทยเที่ยวมากขึ้นมีความถี่เกินไป โดยเฉพาะกิจกรรมที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)เป็นผู้จัด ลูกค้าจึงไม่ต้องเร่งการตัดสินใจซื้อในทันที นอกจากนั้นสถานการณ์ทางเศรษฐกิจเองก็มีส่วนให้คนไทยบางกลุ่มชะลอเรื่องการเที่ยวลงไปบ้าง
ดังนั้นกลยุทธ์ของบริษัท ในการที่จะกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวมากขึ้นคือ การสร้างโปรแกรมการเที่ยวในรูปแบบใหม่ และการนำเสนอรายละเอียดของสถานที่ท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น โดยใช้วิธีเจาะลึกลงไปในแต่ละแห่งว่ามีอะไรที่จะมานำเสนอแก่นักท่องเที่ยวได้มากขึ้น เช่น แพคเกจเที่ยว ชิม อิ่ม อร่อย ที่หนุ่มสาวทัวร์ได้จัดขึ้นในช่วงเดือนมิ.ย.-ก.ย.2547 จะมีการพานักท่องเที่ยวไปชิมอาหารตามร้านอร่อยในแหล่งนั้นๆ ซึ่งจะฉีกแนวจากการเที่ยวและกินอาหารในโรงแรมตามปกติ ส่วนการเที่ยวในรูปแบบใหม่ จะต้องมีการสร้างครีเอทีฟให้กับโปรแกรมเที่ยวนั้นๆให้ดูไม่ธรรมดา มีกิจกรรมเสริมระหว่างการท่องเที่ยว
ต้นทุนพุ่งโรงแรมจ่อขึ้นราคา
การประเมินตลาดในครึ่งปีหลัง ซึ่งปัจจัยลบที่สำคัญ จะมาจากภาวะเงินเฟ้อ และราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูง ซึ่งจะส่งผลให้ธุรกิจทัวร์อาจชะลอหรืออยู่ในภาวะทรงตัว และจากปัจจัยดังกล่าว ล่าสุดในเดือนตุลาคมนี้ผู้ประกอบการโรงแรมทั้งทางภาคเหนือ อีสาน และใต้ ได้ทำหนังสือเวียนแจ้งมาว่า จะขอขึ้นราคาห้องพัก เพื่อสอดรับกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น โดยจะปรับขึ้นประมาณ 7-10% โดยอ้างว่าในช่วงต้นปีได้ร่วมทำโปรโมชั่นทั้งกับ ททท.และบริษัททัวร์จนพบว่า กำลังซื้อเริ่มอิ่มตัว และราคาน้ำมันที่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลธุรกิจถูกกระทบเพิ่มขึ้น 30%
นายวุฒิชัย กล่าวอีกว่า จากแคมเปญโปรโมชั่นที่ททท.และหน่วยงานอื่นๆ ได้จัดกันต่อเนื่องมาโดยตลอด พบว่าความรู้สึกของนักท่องเที่ยว ขณะนี้เริ่มที่จะไม่ตอบรับ เนื่องจากเพราะจากการที่เข้าไปใช้บริการของโรงแรม และบริษัททัวร์ ที่ซื้อไว้ในแพคเกจ มีการตั้งเงื่อนไขและข้อจำกัด โดยหากต้องการบริการเพิ่มก็จะต้องจ่ายเงินเพิ่ม ซึ่งเมื่อกลับมาคำนวนจะพบว่ามีราคาถูกกว่าแพคเกจปกติเพียง 10% ซึ่งไม่คุ้มกับเงินที่ต้องจ่ายไปก่อน
เบนเข็มหันจับกรุ๊ปสัมมนา
นางสาวพรรษา สิงห์โตแก้ว กรรมการผู้จัดการ บริษัทอารมณ์ดีทัวร์ จำกัด กล่าวยอมรับว่า ในช่วงโลว์ซีซั่นปีนี้ นักท่องเที่ยวเงียบผิดปกติ ซึ่งหากเทียบกับปีอื่นๆที่ผ่านมา แต่ไม่รวมปีก่อนเพราะมีสถานการณ์โรคซาร์สระบาดนั้น ในส่วนของบริษัท มียอดจองลดลงคิดเป็นมูลค่าเกือบ 50% ซึ่งส่วนหนึ่งน่าจะมาจากสถานการณ์ภาคใต้ และราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น ประกอบกับเป็นช่วงฤดูมรสุม เพราะสถานที่ที่นักท่องเที่ยวนิยมไปมากที่สุดคือ ทะเลใต้ โดยเฉพาะจังหวัด ภูเก็ต กระบี่ และจัดทัวร์แต่ละครั้งก็จะได้ราคาดี ในช่วงนี้ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวนิยมไปเที่ยวจังหวัดใกล้ๆไม่เกิน 200-300 ก.ม.จากรุงเทพฯ
อย่างไรก็ตามการที่ททท.ได้จัดงานเพื่อกระตุ้นตลาดท่องเที่ยว โดยใช้ราคาแพคเกจทัวร์เข้ามาจูงใจให้คนเที่ยว ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนนิสัยผู้บริโภคให้รอซื้อแต่ของถูก โดยไม่พิจารณาคุณภาพและรายละเอียดในการเที่ยวของทริปนั้นๆ เพราะการที่ผู้ประกอบการลดราคาแพคเกจทัวร์ ก็ย่อมต้องตัดรายการเที่ยวบางอย่างออกไป ส่วนหนึ่งเพื่อลดต้นทุน และสนองตอบนโยบาย ททท.
ส่วนสถานการณ์ธุรกิจนำเที่ยวในขณะนี้ พบว่ามีบริษัททัวร์เกิดขึ้นใหม่มากกว่า 100 บริษัทในช่วง 1-2ปีที่ผ่านมา ทำให้มีการขายแพคเกจทัวร์แบบตัดราคากันเอง นอกจากนั้นผู้ประกอบการในธุรกิจนี้ยังต้องแข่งขันกับ สายการบิน และโรงแรม ที่ได้หันมาจัดแพคเกจนำเที่ยวเองด้วย โดยขายพร้อมตั๋วเครื่องบิน หรือที่พักโรงแรมและอาหาร
ในส่วนของบริษัท มีนโยบายชัดเจนที่จะไม่ลดราคาเพื่อต่อสู้ หรือจับลูกค้าทัวร์แบบฉาบฉวย แต่ได้ใช้วิธีแตกบริการ หันมารับทัวร์ ในเชิงจัดสัมมนา เน้นในตัววิทยากรที่จะมาบรรยาย ซึ่งจะเป็นมัคคุเทศน์ที่มีความรู้ พร้อมให้สาระแบบไม่เครียด ตรงนี้บริษัทสามารถทำราคาได้สูงกว่า และจัดโรงแรมระดับ 4-5 ดาวให้ลูกค้าได้ ซึ่งที่ผ่านมาลูกค้าพอใจ และมีการเรียกใช้บริการซ้ำ ซึ่งบริษัททำเช่นนี้มาได้ 2 ปีแล้ว แต่ด้วยรายได้ในส่วนของการจัดทัวร์แบบเดิมมีปริมาณลดลง จึงทำให้คาดว่าในปีนี้ กำไรของบริษัทจะลดลงจากปีก่อนราว 30%
จี้ททท.ตั้งหน่วยงานดูแล
อย่างไรก็ตามมองว่าการที่ ททท.หันมากระตุ้นการท่องเที่ยวอย่างจริงจัง เป็นเรื่องดี แต่เท่าที่ผ่านมา เป็นเพียงการกระตุ้นให้ประชาชนหันมาท่องเที่ยวมากขึ้น แต่ยังไม่มีหน่วยงานใดเข้ามารับผิดชอบในเรื่องของคุณภาพทัวร์ หรือกวดขันเรื่องใบจดทะเบียนประกอบธุรกิจและวิชาชีพที่ถูกต้อง เพราะหากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ และประเทศก็เตรียมจะเปิดการค้าเสรี ซึ่งถึงตอนนั้น ก็จะมีผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวล้มหายตายจากจำนวนมาก โดยเฉพาะบริษัทที่เป็นแค่โบรกเกอร์ และไม่มีสินค้าเป็นของตัวเอง
"ต้องการให้ ททท.หันมาดูแลผู้ประกอบธุรกิจทัวร์บ้าง โดยอาจตั้งเป็นหน่วยงานขึ้นมาดูแลผู้ประกอบการ พร้อมกับตั้งคณะกรรมการมาตรวจสอบในเรื่องของราคา และคุณภาพให้เป็นมาตรฐาน ซึ่งหากผู้ที่ไม่มีความชำนาญเรื่องการนำเที่ยว อย่าง สายการบิน หรือ โรงแรม เขาจะไม่รู้ถึงวิธีการสอดแทรกเนื้อหาสาระในเรื่องของความสำนึกรักธรรมชาติ"
ชี้ทัวร์เร่งปรับตัวรับตลาดแข่งดุ
นางจุฑามาศ ศิริวรรณ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เปิดเผยว่า ททท.เป็นหน่วยงานที่ดำเนินการระดับนโยบาย ด้วยการคิดกิจกรรมแคมเปญ รวมถึงการติดต่อประสานงานไปยังหน่วยงานต่างๆทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อประชาสัมพันธ์กิจกรรมของประเทศไทย เป็นการดึงดูดนักท่องเที่ยว และเมื่อตลาดนักท่องเที่ยวเริ่มโตขึ้นย่อมมีการแข่งขันสูงขึ้นเป็นเรื่องธรรมดา ดังนั้นจึงเป็นเรื่องของบริษัททัวร์ที่ต้องมีการปรับทั้งในเรื่องการบริการให้ได้มาตรฐาน ออกแคมเปญใหม่ๆ รวมถึงดำเนินธุรกิจในรูปแบบเครือข่ายเชื่อมโยง หรือจับมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อความอยู่รอดและการให้บริการที่ดีแก่ลูกค้า
อย่างไรก็ตาม แม้สถานการณ์น้ำมัน อาจส่งผลให้ตลาดในประเทศเกิดการชลอตัว แต่ ททท.ก็ยังตั้งความหวังให้ตลาดนี้เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ คือในปี 2548 มีรายได้ 3.47 แสนล้านบาท ปี 2549 รายได้ 3.78 แสนล้านบาท ปี 2550 รายได้ 4.03 แสนล้านบาท และปี 2551 มีรายได้ 4.37 แสนล้านบาท
แม้ว่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย มีนโยบายกระตุ้นตลาดท่องเที่ยวอย่างจริงจัง และที่ผ่านมาก็ได้ผลดี โดยมีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติหันมาเที่ยวเมืองไทยเพิ่มมากขึ้นโดยตัวเลขของนักท่องเที่ยว 7 เดือนแรก(ม.ค.-ก.ค.) พบว่าในส่วนของนักท่องเที่ยวที่ผ่านทางสนามบินดอนเมือง เพิ่มขึ้น 25.75% หรือมีนักท่องเที่ยวผ่านเข้า-ออกเป็นจำนวน 4.53 ล้านคน จนทำให้มี ผู้ประกอบการหน้าใหม่โดยเฉพาะธุรกิจทัวร์ผุดขึ้นราวดอกเห็ด ขณะที่ในส่วนของตลาดท่องเที่ยวในประเทศ ททท.เน้นไปที่การเพิ่มปริมาณนักท่องเที่ยวและการเพิ่มความถี่เป็นจำนวนครั้งต่อคนต่อปี ดูจากหลายงานที่ททท.จัดขึ้นจะเน้นการรวบรวมบริษัททัวร์มาให้ส่วนลดราคาแพคเกจท่องเที่ยว ดูเหมือนทั้งหมดจะเป็นผลดีกับทุกฝ่าย ทั้งผู้ประกอบการ ผู้บริโภค และประเทศชาติ
แต่สถานการณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะการที่ททท.ต้องการเพิ่มปริมาณนักท่องเที่ยว จนลืมปัจจัยประกอบอีกหลายๆประการ ได้ส่งผลกระทบกับผู้ประกอบการที่ทำบริษัททัวร์แล้ว โดยหลายรายยอมรับว่าโลว์ซีซั่นปีนี้ยอดจองของนักท่องเที่ยวหายไปกว่า 50% จากช่วงโลว์ซีซั่นในปีก่อนๆ โดยสาเหตุมาจากหลายปัจจัย ซึ่งททท.อาจไม่เคยรับรู้มาก่อน
เหตุจัดงานลดราคาถี่คนไม่เร่งซื้อ
นายวุฒิชัย มากวงศ์ ผู้อำนวยฝ่ายการตลาด บริษัท หนุ่มสาวทัวร์ จำกัด เปิดเผยว่า ช่วงโลว์ชีซั่นปีนี้เป็นปีแรกที่ปริมาณนักท่องเที่ยวลดลงจนผิดปกติ จากทุกปีในช่วงเปลี่ยนฤดูกาล จำนวนนักท่องเที่ยวจะลดลงประมาณ 50% ของช่วงเวลาปกติ แต่ปีนี้จากการสอบถามข้อมูลไปยังโรงแรมต่างๆ รวมถึงบริษัททัวร์อื่นๆ พบว่าจำนวนนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะที่เป็นคนไทย มีจำนวนลดลงมากถึง70-80% ซึ่งขณะนี้ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด แต่ในเบื้องต้น คาดอาจเป็นเพราะการจัดมหกรรมลดราคาแพคเกจท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นให้คนไทยเที่ยวมากขึ้นมีความถี่เกินไป โดยเฉพาะกิจกรรมที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)เป็นผู้จัด ลูกค้าจึงไม่ต้องเร่งการตัดสินใจซื้อในทันที นอกจากนั้นสถานการณ์ทางเศรษฐกิจเองก็มีส่วนให้คนไทยบางกลุ่มชะลอเรื่องการเที่ยวลงไปบ้าง
ดังนั้นกลยุทธ์ของบริษัท ในการที่จะกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวมากขึ้นคือ การสร้างโปรแกรมการเที่ยวในรูปแบบใหม่ และการนำเสนอรายละเอียดของสถานที่ท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น โดยใช้วิธีเจาะลึกลงไปในแต่ละแห่งว่ามีอะไรที่จะมานำเสนอแก่นักท่องเที่ยวได้มากขึ้น เช่น แพคเกจเที่ยว ชิม อิ่ม อร่อย ที่หนุ่มสาวทัวร์ได้จัดขึ้นในช่วงเดือนมิ.ย.-ก.ย.2547 จะมีการพานักท่องเที่ยวไปชิมอาหารตามร้านอร่อยในแหล่งนั้นๆ ซึ่งจะฉีกแนวจากการเที่ยวและกินอาหารในโรงแรมตามปกติ ส่วนการเที่ยวในรูปแบบใหม่ จะต้องมีการสร้างครีเอทีฟให้กับโปรแกรมเที่ยวนั้นๆให้ดูไม่ธรรมดา มีกิจกรรมเสริมระหว่างการท่องเที่ยว
ต้นทุนพุ่งโรงแรมจ่อขึ้นราคา
การประเมินตลาดในครึ่งปีหลัง ซึ่งปัจจัยลบที่สำคัญ จะมาจากภาวะเงินเฟ้อ และราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูง ซึ่งจะส่งผลให้ธุรกิจทัวร์อาจชะลอหรืออยู่ในภาวะทรงตัว และจากปัจจัยดังกล่าว ล่าสุดในเดือนตุลาคมนี้ผู้ประกอบการโรงแรมทั้งทางภาคเหนือ อีสาน และใต้ ได้ทำหนังสือเวียนแจ้งมาว่า จะขอขึ้นราคาห้องพัก เพื่อสอดรับกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น โดยจะปรับขึ้นประมาณ 7-10% โดยอ้างว่าในช่วงต้นปีได้ร่วมทำโปรโมชั่นทั้งกับ ททท.และบริษัททัวร์จนพบว่า กำลังซื้อเริ่มอิ่มตัว และราคาน้ำมันที่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลธุรกิจถูกกระทบเพิ่มขึ้น 30%
นายวุฒิชัย กล่าวอีกว่า จากแคมเปญโปรโมชั่นที่ททท.และหน่วยงานอื่นๆ ได้จัดกันต่อเนื่องมาโดยตลอด พบว่าความรู้สึกของนักท่องเที่ยว ขณะนี้เริ่มที่จะไม่ตอบรับ เนื่องจากเพราะจากการที่เข้าไปใช้บริการของโรงแรม และบริษัททัวร์ ที่ซื้อไว้ในแพคเกจ มีการตั้งเงื่อนไขและข้อจำกัด โดยหากต้องการบริการเพิ่มก็จะต้องจ่ายเงินเพิ่ม ซึ่งเมื่อกลับมาคำนวนจะพบว่ามีราคาถูกกว่าแพคเกจปกติเพียง 10% ซึ่งไม่คุ้มกับเงินที่ต้องจ่ายไปก่อน
เบนเข็มหันจับกรุ๊ปสัมมนา
นางสาวพรรษา สิงห์โตแก้ว กรรมการผู้จัดการ บริษัทอารมณ์ดีทัวร์ จำกัด กล่าวยอมรับว่า ในช่วงโลว์ซีซั่นปีนี้ นักท่องเที่ยวเงียบผิดปกติ ซึ่งหากเทียบกับปีอื่นๆที่ผ่านมา แต่ไม่รวมปีก่อนเพราะมีสถานการณ์โรคซาร์สระบาดนั้น ในส่วนของบริษัท มียอดจองลดลงคิดเป็นมูลค่าเกือบ 50% ซึ่งส่วนหนึ่งน่าจะมาจากสถานการณ์ภาคใต้ และราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น ประกอบกับเป็นช่วงฤดูมรสุม เพราะสถานที่ที่นักท่องเที่ยวนิยมไปมากที่สุดคือ ทะเลใต้ โดยเฉพาะจังหวัด ภูเก็ต กระบี่ และจัดทัวร์แต่ละครั้งก็จะได้ราคาดี ในช่วงนี้ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวนิยมไปเที่ยวจังหวัดใกล้ๆไม่เกิน 200-300 ก.ม.จากรุงเทพฯ
อย่างไรก็ตามการที่ททท.ได้จัดงานเพื่อกระตุ้นตลาดท่องเที่ยว โดยใช้ราคาแพคเกจทัวร์เข้ามาจูงใจให้คนเที่ยว ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนนิสัยผู้บริโภคให้รอซื้อแต่ของถูก โดยไม่พิจารณาคุณภาพและรายละเอียดในการเที่ยวของทริปนั้นๆ เพราะการที่ผู้ประกอบการลดราคาแพคเกจทัวร์ ก็ย่อมต้องตัดรายการเที่ยวบางอย่างออกไป ส่วนหนึ่งเพื่อลดต้นทุน และสนองตอบนโยบาย ททท.
ส่วนสถานการณ์ธุรกิจนำเที่ยวในขณะนี้ พบว่ามีบริษัททัวร์เกิดขึ้นใหม่มากกว่า 100 บริษัทในช่วง 1-2ปีที่ผ่านมา ทำให้มีการขายแพคเกจทัวร์แบบตัดราคากันเอง นอกจากนั้นผู้ประกอบการในธุรกิจนี้ยังต้องแข่งขันกับ สายการบิน และโรงแรม ที่ได้หันมาจัดแพคเกจนำเที่ยวเองด้วย โดยขายพร้อมตั๋วเครื่องบิน หรือที่พักโรงแรมและอาหาร
ในส่วนของบริษัท มีนโยบายชัดเจนที่จะไม่ลดราคาเพื่อต่อสู้ หรือจับลูกค้าทัวร์แบบฉาบฉวย แต่ได้ใช้วิธีแตกบริการ หันมารับทัวร์ ในเชิงจัดสัมมนา เน้นในตัววิทยากรที่จะมาบรรยาย ซึ่งจะเป็นมัคคุเทศน์ที่มีความรู้ พร้อมให้สาระแบบไม่เครียด ตรงนี้บริษัทสามารถทำราคาได้สูงกว่า และจัดโรงแรมระดับ 4-5 ดาวให้ลูกค้าได้ ซึ่งที่ผ่านมาลูกค้าพอใจ และมีการเรียกใช้บริการซ้ำ ซึ่งบริษัททำเช่นนี้มาได้ 2 ปีแล้ว แต่ด้วยรายได้ในส่วนของการจัดทัวร์แบบเดิมมีปริมาณลดลง จึงทำให้คาดว่าในปีนี้ กำไรของบริษัทจะลดลงจากปีก่อนราว 30%
จี้ททท.ตั้งหน่วยงานดูแล
อย่างไรก็ตามมองว่าการที่ ททท.หันมากระตุ้นการท่องเที่ยวอย่างจริงจัง เป็นเรื่องดี แต่เท่าที่ผ่านมา เป็นเพียงการกระตุ้นให้ประชาชนหันมาท่องเที่ยวมากขึ้น แต่ยังไม่มีหน่วยงานใดเข้ามารับผิดชอบในเรื่องของคุณภาพทัวร์ หรือกวดขันเรื่องใบจดทะเบียนประกอบธุรกิจและวิชาชีพที่ถูกต้อง เพราะหากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ และประเทศก็เตรียมจะเปิดการค้าเสรี ซึ่งถึงตอนนั้น ก็จะมีผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวล้มหายตายจากจำนวนมาก โดยเฉพาะบริษัทที่เป็นแค่โบรกเกอร์ และไม่มีสินค้าเป็นของตัวเอง
"ต้องการให้ ททท.หันมาดูแลผู้ประกอบธุรกิจทัวร์บ้าง โดยอาจตั้งเป็นหน่วยงานขึ้นมาดูแลผู้ประกอบการ พร้อมกับตั้งคณะกรรมการมาตรวจสอบในเรื่องของราคา และคุณภาพให้เป็นมาตรฐาน ซึ่งหากผู้ที่ไม่มีความชำนาญเรื่องการนำเที่ยว อย่าง สายการบิน หรือ โรงแรม เขาจะไม่รู้ถึงวิธีการสอดแทรกเนื้อหาสาระในเรื่องของความสำนึกรักธรรมชาติ"
ชี้ทัวร์เร่งปรับตัวรับตลาดแข่งดุ
นางจุฑามาศ ศิริวรรณ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เปิดเผยว่า ททท.เป็นหน่วยงานที่ดำเนินการระดับนโยบาย ด้วยการคิดกิจกรรมแคมเปญ รวมถึงการติดต่อประสานงานไปยังหน่วยงานต่างๆทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อประชาสัมพันธ์กิจกรรมของประเทศไทย เป็นการดึงดูดนักท่องเที่ยว และเมื่อตลาดนักท่องเที่ยวเริ่มโตขึ้นย่อมมีการแข่งขันสูงขึ้นเป็นเรื่องธรรมดา ดังนั้นจึงเป็นเรื่องของบริษัททัวร์ที่ต้องมีการปรับทั้งในเรื่องการบริการให้ได้มาตรฐาน ออกแคมเปญใหม่ๆ รวมถึงดำเนินธุรกิจในรูปแบบเครือข่ายเชื่อมโยง หรือจับมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อความอยู่รอดและการให้บริการที่ดีแก่ลูกค้า
อย่างไรก็ตาม แม้สถานการณ์น้ำมัน อาจส่งผลให้ตลาดในประเทศเกิดการชลอตัว แต่ ททท.ก็ยังตั้งความหวังให้ตลาดนี้เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ คือในปี 2548 มีรายได้ 3.47 แสนล้านบาท ปี 2549 รายได้ 3.78 แสนล้านบาท ปี 2550 รายได้ 4.03 แสนล้านบาท และปี 2551 มีรายได้ 4.37 แสนล้านบาท