xs
xsm
sm
md
lg

เบอร์ลี่ฯหั่นงบตลาดหวั่นพลาดเป้า ชูธงเทสโต้-โดโซะลุยปัจจัยลบอื้อ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ ฟู้ดส์ รุดผุดแผนตั้งรับตลาดสแน็กอืดปี48โตแค่10% รัดเข็มขัดหั่นงบการตลาด1-2% พร้อมปรับระบบลอจิสติกเพิ่มบรรจุหีบห่อ หวังลดต้นทุน 10% ระบุปัจจัยลบอื้อ ราคาดีเซลมีโอกาสขยับกระทบความเชื่อมั่นผู้บริโภค-ค่าขนส่งพุ่ง ตลาดสแน็กพลิกฝุ่นตลบพรีเมียมน้อย-ลดปริมาณ ทำใจปีหน้ามีสิทธิ์รายได้ไม่เข้าเป้าจากที่วางไว้ 15-17% หดเหลือ 12-14%

นายสุรัตน์ ผู้บังเกิดผล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ ฟู้ดส์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายมันฝรั่งทอดกรอบตราเทสโต ข้าวอบกรอบโดโซะ ปารตี้ แคมปัส เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทได้เตรียมวางแผนการทำตลาดในช่วงปีหน้าแล้ว เพื่อรองรับกับแนวโน้มราคาน้ำมันดีเซลที่จะปรับขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อระบบลอจีสติกจะปรับราคาสูงขึ้นตาม อีกทั้งในช่วงต้นปีที่ผ่านมาจนกระทั่งถึงครึ่งปีหลังนี้วัตถุดิบหลักในการผลิตบรรจุภัณฑ์ปรับราคาสูงขึ้นต่อเนื่องจนกระทั่งปัจจุบันเพิ่มขึ้นราว20% ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตบรรจุภัณฑ์สูงขึ้น โดยขนาดซองเล็กต้นทุนสูง30% ส่วนขนาดซองใหญ่ 25%

ในเบื้องต้น ปีหน้าบริษัทได้เตรียมปรับลดงบในการทำตลาดลงราว1-2% เมื่อเทียบกับปีนี้บริษัทใช้งบการตลาด 300 ล้านบาท หรือคิดเป็น 17-18% ของยอดขายโดยรวม ซึ่งถ้าเทียบกับปีที่ผ่านมาบริษัทใช้งบเพิ่มขึ้นถึง20% พร้อมกันนี้ยังได้ปรับระบบขนส่งสินค้าใหม่ โดยจะเพิ่มการบรรจุต่อหีบให้มากขึ้น เช่น จาก 8 โหลเป็น 10 โหลต่อหีบ ทั้งนี้คาดว่ากลยุทธ์ดังกล่าวจะช่วยลดค่าใช้จ่ายถึง10%

แนวโน้มตลาดขนมขบเคี้ยวโดยรวมมูลค่า12,000ล้านบาทในปีหน้านี้ จะมีอัตราการเติบโตเพียงแค่10% เมื่อเทียบกับปีนี้ตลาดมีอัตราการเติบโตได้ถึง20% โดยตัวเลขที่คาดการณ์ไว้นั้นเนื่องจากในปีหน้าจะมีปัจจัยทางด้านราคาน้ำมันดีเซลที่มีแนวโน้มจะปรับขึ้น ซึ่งจะมีผลกระทบทางด้านจิตวิทยาของกลุ่มผู้บริโภคให้มีการชะลอการซื้อสินค้าบ้างแต่ก็คงไม่มากนัก เนื่องจากขนมขบเคี้ยวเป็นสินค้าที่มีกลุ่มเป้าหมายเด็กเป็นส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตามมองว่าภาวะตลาดในปี 2548 ยังคงดีกว่าเมื่อเทียบกับในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจในปี 2540 ที่ตลาดไม่โตเลย

ในปีนี้เห็นชัดเจนว่าผู้ประกอบการที่ใช้กลยุทธ์ผลิตของพรีเมียมตลาดขนมขบเคี้ยวน้อยลงมาก ซึ่งปัจจุบันเหลือเพียงไม่กี่หลายเท่านั้น เช่น แคมปัส และขนมขึ้นรูปบางแบรนด์
 
ส่วนแนวโน้มในปี 2548 คาดว่าการใช้กลยุทธ์พรีเมียมจะลดลงไปอีก เพราะการมีของพรีเมียมทำให้ต้นทุนสูงขึ้น และหากสถานการณ์ตลาดไม่ดี ผู้ประกอบการบางรายอาจถึงขั้นลดปริมาณลง เนื่องจากการขึ้นราคาคงเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก เพราะขนมขบเคี้ยว 5 บาท ถือว่าเป็นราคาที่ผู้บริโภคสามารถซื้อได้ง่าย และเป็นความคุ้นเคยว่าหากเป็นขนมต้องราคา 5 บาท ซึ่งการเพิ่มราคาเป็น 6-7
บาทจะขายลำบาก

"ผลประกอบการในปีหน้านี้บริษัทตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต 15-17% จากรายได้รวมที่วางไว้ในปีนี้ 2,500 ล้านบาท แต่เนื่องจากสภาพตลาดในปีหน้านี้ซึ่งคาดว่าจะมีปัจจัยลบหลายประการ ทำให้บริษัทคาดว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้อาจจะลดลงไป 2-3%"

สำหรับการทำตลาดบริษัทจะให้ความสำคัญสองแบรนด์หลัก ประกอบด้วย เทสโต ซึ่งล่าสุดในช่วงเดือนตุลาคมจะออกรสเครื่องเทศเพิ่มอีกหนึ่งรสชาติ นอกจากนี้บริษัทยังหันมาสร้างความแข็งแกร่งทางด้านสปอร์ตมาร์เก็ตติ้งให้กับเทสโตอย่างต่อเนื่อง โดยในสิ้นปีนี้บริษัทตั้งเป้าว่าเทสโตจะมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นจาก 25% เป็น 35%  ขณะที่ฟริโตเลย์มีส่วนแบ่ง 50-60%จากมูลค่าตลาด4,000ล้านบาท
 
ส่วนโดโซะบริษัทจะออกรูปลักษณ์ใหม่สู่ตลาด รวมถึงกำลังพิจารณาผลิตข้าวอบกรอบชนิดแผ่นบาง ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในตลาดยุโรปมาก เพราะมีคุณค่าทางโภชนาการมากกว่า โดยปัจจุบันโดโซะเป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 77 % ชินมัย 20% จากมูลค่าตลาด 1,000 ล้านบาท

สุรัตน์ กล่าวว่า ตลาดขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพยังคงเป็นเรื่องใหม่ในไทย และคงจะต้องใช้เวลาถึงจะเกิด เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคต้องการบริโภคขนมควบคู่กับความอร่อย ขณะที่ขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพจะมีจุดด้อยในเรื่องของรสชาติ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าเทรนด์ดังกล่าวคงจะมีมากขึ้น ทั้งนี้เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคไทยที่หันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น ซึ่งมีแนวโน้มว่าผู้ประกอบจะนำไฟเบอร์ การมีแคลอรีและส่วนผสมของน้ำมันน้อยและธัญพืชมาเป็นจุดขายมากขึ้น อย่างไรก็ตามมองว่าตลาดขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพจะเป็นแค่นิชมาร์เก็ตเท่านั้น

สำหรับผลประกอบการกลุ่มอาหารในปีนี้ บริษัทตั้งเป้าเติบโต25%หรือประมาณ2,500 ล้านบาท โดยในช่วง 7 เดือนแรกที่ผ่านมา บริษัทมีอัตราการเติบโต 28% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ส่วนรายได้ในปีที่ผ่านมามีราว 1,700 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนรายได้จากเทสโต 40-45% โดโซะ 35 %ที่เหลือ 20-25% เป็น ปาร์ตี้ แคมปัส และไบตี้
กำลังโหลดความคิดเห็น