นายกรัฐมนตรียังไม่ยืนยันว่าจะใช้การปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเพื่อช่วยแก้ปัญหาราคาน้ำมันแพงหรือไม่ โดยระบุว่ากำลังให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาแนวทางที่เหมาะสมอยู่ แต่ยอมรับว่าปัจจุบันใช้เงินตรึงราคาน้ำมันไปแล้วกว่า 20,000 ล้านบาท สำหรับการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน หากกลดภาษี 1 บาทต่อลิตร จะช่วยลดการอุดหนุนเงินกองทุนน้ำมันได้ประมาณ 6,000 ล้านบาท
จากกรณีที่มีผู้เสนอให้มีการปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเพื่อช่วยแก้ปัญหาราคาน้ำมันแพง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในเรื่องนี้กำลังให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องหาแนวทางแก้ปัญหาในทุกรูปแบบว่าจะใช้แนวใดดี หากอะไรดีที่สุดก็จะใช้แนวทางนั้น โดยต้องยอมรับว่าขณะนี้มีการใช้เงินตรึงราคาน้ำมันเกือบ 20,000 ล้านบาทแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงพลังงานศึกษาหลายแนวทางในการแก้ปัญหาดังกล่าว ทั้งเรื่องการประกาศลดอัตราชดเชยต่อโรงกลั่นน้ำมัน 1 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล การลดภาษีสรรพสามิตที่ปัจจุบันเก็บในส่วนของเบนซินที่อัตราลิตรละ 3.68 บาท ดีเซลลิตรละ 2.30 บาท หรือการใช้งบประมาณเข้ามาอุดหนุนกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพราะขณะนี้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ามาชดเชยเกือบ 20,000 ล้านบาทแล้ว และมีแนวโน้มจะต้องชดเชยในระดับสูงต่อไป ในขณะที่กองทุนได้เข้ามากู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาแล้ว 8,000 ล้านบาท และใช้เงินของกองทุนเองเข้ามาชดเชยประมาณ 2,000 ล้านบาท ดังนั้น จึงอาจจะต้องกู้เงินจากสถาบันการเงินเพิ่มเติม
นอกจากนี้ การปรับขึ้นราคาน้ำมันทั้งเบนซินและดีเซลก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งในการแก้ปัญหา โดยเบนซินอาจจะปล่อยเท่ากับราคาตลาดโลก ส่วนดีเซลหากปรับขึ้นก็จะปรับขึ้นเพียงเล็กน้อย เพราะหากปรับขึ้นมากก็จะเป็นข้ออ้างในเรื่องการปรับขึ้นค่าขนส่งและราคาสินค้าซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวม
ทั้งนี้ ปัจจุบันประเทศไทยมีการใช้น้ำมันประมาณ 24,000 ล้านลิตรต่อปี แบ่งเป็นดีเซล 17,000 ล้านลิตร และเบนซิน 7,000 ล้านลิตร หากลดภาษี 1 บาทต่อลิตร ในช่วงครึ่งปีที่เหลือของปี 2547 ก็จะทำให้ลดการอุดหนุนลงได้ประมาณ 6,000 ล้านบาท แต่ถ้าลดภาษี 2 บาท ก็จะช่วยแก้ปัญหาได้ 12,000 ล้านบาท
จากกรณีที่มีผู้เสนอให้มีการปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเพื่อช่วยแก้ปัญหาราคาน้ำมันแพง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในเรื่องนี้กำลังให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องหาแนวทางแก้ปัญหาในทุกรูปแบบว่าจะใช้แนวใดดี หากอะไรดีที่สุดก็จะใช้แนวทางนั้น โดยต้องยอมรับว่าขณะนี้มีการใช้เงินตรึงราคาน้ำมันเกือบ 20,000 ล้านบาทแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงพลังงานศึกษาหลายแนวทางในการแก้ปัญหาดังกล่าว ทั้งเรื่องการประกาศลดอัตราชดเชยต่อโรงกลั่นน้ำมัน 1 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล การลดภาษีสรรพสามิตที่ปัจจุบันเก็บในส่วนของเบนซินที่อัตราลิตรละ 3.68 บาท ดีเซลลิตรละ 2.30 บาท หรือการใช้งบประมาณเข้ามาอุดหนุนกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพราะขณะนี้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ามาชดเชยเกือบ 20,000 ล้านบาทแล้ว และมีแนวโน้มจะต้องชดเชยในระดับสูงต่อไป ในขณะที่กองทุนได้เข้ามากู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาแล้ว 8,000 ล้านบาท และใช้เงินของกองทุนเองเข้ามาชดเชยประมาณ 2,000 ล้านบาท ดังนั้น จึงอาจจะต้องกู้เงินจากสถาบันการเงินเพิ่มเติม
นอกจากนี้ การปรับขึ้นราคาน้ำมันทั้งเบนซินและดีเซลก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งในการแก้ปัญหา โดยเบนซินอาจจะปล่อยเท่ากับราคาตลาดโลก ส่วนดีเซลหากปรับขึ้นก็จะปรับขึ้นเพียงเล็กน้อย เพราะหากปรับขึ้นมากก็จะเป็นข้ออ้างในเรื่องการปรับขึ้นค่าขนส่งและราคาสินค้าซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวม
ทั้งนี้ ปัจจุบันประเทศไทยมีการใช้น้ำมันประมาณ 24,000 ล้านลิตรต่อปี แบ่งเป็นดีเซล 17,000 ล้านลิตร และเบนซิน 7,000 ล้านลิตร หากลดภาษี 1 บาทต่อลิตร ในช่วงครึ่งปีที่เหลือของปี 2547 ก็จะทำให้ลดการอุดหนุนลงได้ประมาณ 6,000 ล้านบาท แต่ถ้าลดภาษี 2 บาท ก็จะช่วยแก้ปัญหาได้ 12,000 ล้านบาท