Angkor Dairy Products ผู้ผลิตนมของกัมพูชา ต้องรุดเปิดแถลงข่าวชี้แจงและยืนยันกับประชาชนว่าทางบริษัทไม่มีหุ้นส่วนชาวไทย ตอบโต้ข้อมูลบางส่วนที่กำลังถูกส่งต่ออย่างกว้างขวางบนสื่อสังคมออนไลน์ โหมกระพือเสียงเรียกร้องให้บอยคอตต์ ท่ามกลางความขัดแย้งกับไทย พร้อมกับร่ายยาวเกี่ยวกับคุณประโยชน์ต่างๆนานาที่ทางบริษัทมอบให้กับประเทศ
ถ้อยแถลงในเรื่องเกี่ยวกับการขายหุ้น Angkor Milk ทางบริษัทเน้นย้ำว่า Angkor Milk ไม่เป็นบริษัทมหาชนที่จัดการความเป็นเจ้าของผ่านหุ้น ดังนั้นข่าวเกี่ยวกับการมีหุ้นส่วนชาวไทย จึงเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
ในถ้อยแถลงทาง Angkor Milk ยังใช้โอกาสนี้ให้ข้อมูลทั้งหมดกับลูกค้า ย้อนกลับไปตั้งแต่ทางบริษัทได้รับอนุญาตจากสภาส่งเสริมการลงทุนของกัมพูชา(CDC)ในปี 2013 ก่อนที่โรงงานก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มต้นกระบวนการผลิตนมในปี 2015
Angkor Milk ระบุว่าระหว่างปฏิบัติการต่างๆในอดีตที่ผ่านมา ทางบริษัทได้ทำคุณประโยชน์ต่างๆนานา ประกอบด้วย 1.สนับสนุนเศรษฐกิจกัมพูชา โดยทางบริษัทเป็นโรงงานนมแห่งแรกของประเทศ เสียภาษีให้กับภาครัฐไปแล้วกว่า 80 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นับตั้งแต่เริ่มดำเนินงานและลงทุนในทรัพย์สินประเภททุนไปราว 51 ล้านดลอลาร์
2.ทางบริษัทได้สร้างงานแก่ประชาชนชาวกัมพูชา Angkor Milk มุ่งมั่นอย่างแข็งขันในการสนับสนุนเศรษฐกิจกัมพูชาและความผาสุกของประชาชนชาวกัมพูชา Angkor Milk มอบงานและการฝึกฝนอาชีพในห่วงโซการผลิตของผลิตภัณฑ์นม Angkor Milk ซึ่งสอดคล้องกับมาตรฐานระดับประเทศและนานาชาติ
จนถึงตอนนี้ Angkor Milk มอบงานแก่ประชาชนชาวกัมพูชาราว 600 คนและช่วยส่งเสริมการสร้างเศรษฐกิจภายและภายในระบบ ผ่านผู้จัดจำหน่ายมากกว่า 50,000 ราย มอบความสะดวกสบายแก่ลูกค้าทั่วประเทศ เหล่านี้เองพิสูจน์ว่า Angkor Milk มีภารกิจพัฒนาไปพร้อมๆกับประชาชนชาวกัมพูชา ทั้งในแง่ของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศ
ลำดับ 3 การพัฒนาผลิตภัณฑ์ตามกรอบความต้องการของตลาดกัมพูชา ผลิตภัณฑ์ของ Angkor Milk ผ่านการวิจัยและการผลิตตามมาตรฐานระดับชาติและระดับนานาชาติ ป้อนผู้บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กๆทั่วประเทศมากกว่า 3 ล้านคน
ทางบริษัทเน้นย้ำปิดท้ายว่าทุกผลิตภัณฑ์ของ Angkor Milk ผลิตโดยคนเขมร ผลิตในเขตเศรษฐกิจพิเศษรอยัล กรุ๊ป ในเขตกัมบูล กรุงพนมเปญ สอดคล้องกับมาตรฐานการจัดการความปลอดภัยทางอาหาร FSSC 22000 และ ISO 9001 รวมถึงได้รับการรับรองจากสำนักงานความปลอดภัยทางอาหารแห่งสหรัฐฯ FDA, สำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลาม, สภาบันแห่งชาติ, กระทรงสาธารณสุข และเป็นไปตามมาตรฐานด้านอาหารอื่นๆอีกมากมาย
(ที่มา:dap-news)


