สตีฟ วิตคอฟฟ์ และ จาเรด คุชเนอร์ ทูตพิเศษของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ในการเจรจากับมอสโก ในฐานะ "แหล่งขุมทรัพย์" ที่มีทรัพยากรธรรมชาติมหาศาลและโอกาสการลงทุนอันมั่งคั่ง ซึ่งล่อตาล่อใจให้อเมริกายกเลิกมาตรการคว่ำบาตรประเทศแห่งนี้ ตามรายงานของวอลล์สตรีท เจอร์นัล ในวันศุกร์(26ธ.ค.) อ้างอิงแหล่งข่าวใกล้ชิดในประเด็นนี้
รายงานของวอลล์สตรีท เจอร์นัล ระบุทั้ง 2 คนเชื่อว่าการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรและบูรณาการรัสเซียกลับเข้าสู่เศรษฐกิจโลก อาจทำเงินให้นักลงทุนอเมริกาและหลุดพ้นความสัมพันธ์ยูเครนและยุโรปอย่างราบรื่น
ตะวันตกกำหนดมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ตามหลังความขัดแย้งยูเครนลุกลามบานปลายในปี 2022 แต่ทาง มอสโก ยืนกรานว่ามันรังแต่ทำให้เศรษฐกิจของรัสเซียมีความเข้มแข็ง
ที่ผ่านมา วิตคอฟฟ์ แย้มว่าบรรดาบริษัททั้งหลายของสหรัฐฯอาจกลับเข้าสู่รัสเซีย หลังบรรลุข้อตกลงสันติภาพกับยูเครน ส่วน ทรัมป์ เอง แสดงความสนใจในโครงการร่วมต่างๆนานากับมอสโก เช่นเดียวกับในแร่แรร์เอิร์ธของรัสเซีย ซึ่งโผล่ขึ้นมาเป็นประเด็นโต้เถียงหลักในการทำสงครามการค้าเดี๋ยวหยุดเดี๋ยวเริ่มของเขากับจีนในปีนี้ ในขณะที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แสดงถึงความตั้งใจร่วมมือกับอเมริกา ในเรื่องทรัพยากรแรร์เอิร์ธของรัสเซีย
นอกจากนี้แล้วกิจการร่วมค้าระหว่างสหรัฐฯและรัสเซีย ก็เป็นแก่นหลักในความพยายามผลักดันสันติภาพ และโร้ดแมปสำหรับยูเครนของประธานาธิบดีทรัมป์เช่นกัน
รายงานของวอลล์สรีท เจอร์นัล ระบุว่าหนึ่งในหลายเหตุผลของเรื่องนี้คือ มีข่าวบ่งชี้เกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการปลดอายัดทรัพย์สินหลายแสนล้านดอลลาร์ของรัสเซียในตะวันตก และบางส่วนในนั้นอาจถูกนำไปลงทุนในโครงการร่วมระหว่างสหรัฐฯกับรัสเซีย โดยวอชิงตันจะได้ส่วนแบ่งกำไรราวครึ่งหน่งของโครงการเหล่านั้น
ในร่างข้อเสนอเบื้องต้นที่เผยแพร่โดยสื่อมวลชน อีกหนึ่งข้อของแผนสันติภาพของทรัมป์ คือการเสนอเป็นเจ้าของร่วมโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ซาโปริซเซีย ที่ถูกกองกำลังรัสเซียยึดครองมาตั้งแต่ปี 2022
ระหว่างการเจรจาทางการทูตกับทั้งรัสเซียและยูเครนที่กำลังดำเนินอยู่ในปัจจุบัน ทั้ง วิตคอฟฟ์ และ คุชเนอร์ แสดงความสนใจเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯจะมีส่วนร่วมในการควบคุมโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ดังกล่าว และใช้มันในการขุดคริปโทเคอร์เรนซี จากการเปิดเผยของปูตินในวันพฤหัสบดี(25ธ.ค.)
ในขณะที่วังเครมลินปิดปากเงียบเป็นส่วนใหญ่ในเรื่องเกี่ยวกับการเจรจา แต่ทาง วิตคอฟฟ์ เรียกการพบปะหารือรอบล่าสุดว่า "ผลิดอกออกผลและเป็นไปอย่างสร้างสรรค์"
(ที่า:วอลล์สตรีท เจอร์นัล/อาร์ทีนิวส์)


