รัสเซียเปิดปฏิบัติการยิงโจมตีเคียฟและภูมิภาคอื่นๆ ของยูเครนด้วยขีปนาวุธและโดรนอย่างหนักในวันนี้ (27 ธ.ค.) ก่อนที่ประธานาธิบดี โวโลดีมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครนจะเข้าประชุมครั้งสำคัญกับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เพื่อหาข้อตกลงยุติสงครามที่ยืดเยื้อมาเกือบ 4 ปี
เซเลนสกี กล่าวว่า การหารือซึ่งจะเกิดขึ้นที่รัฐฟลอริดาในวันอาทิตย์ (28) จะมุ่งเน้นไปที่ดินแดนที่จะอยู่ภายใต้การควบคุมของแต่ละฝ่าย หลังจากสามารถยุติการสู้รบที่เริ่มต้นขึ้นในเดือน ก.พ. ปี 2022 ตามคำสั่งรุกรานของ วลาดิมีร์ ปูติน ซึ่งถือเป็นความขัดแย้งที่ร้ายแรงที่สุดในยุโรปนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2
เสียงระเบิดดังขึ้นในกรุงเคียฟขณะที่หน่วยป้องกันภัยทางอากาศของยูเครนเริ่มปฏิบัติการ โดยกองทัพยูเครนปคะกาศผ่านแอป Telegram ว่ามีการนำขีปนาวุธออกมาใช้ด้วย ขณะที่กองทัพอากาศยูเครนระบุว่า โดรนของรัสเซียกำหนดเป้าหมายไปที่เมืองหลวงและภูมิภาคทางตะวันออกเฉียงเหนือและใต้ของยูเครน
สัญญาณเตือนภัยทางอากาศยังคงมีผลที่กรุงเคียฟประมาณ 4 ชั่วโมงหลังจากประกาศใช้ และยังไม่มีรายงานความเสียหายหรือไฟฟ้าดับในทันที
รัสเซียยังไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับการโจมตีครั้งนี้
เมื่อคืนวันพฤหัสบดี (25) รัสเซียได้ยิงถล่มโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของยูเครน และเพิ่มการโจมตีในภูมิภาคโอเดสซาทางตอนใต้ซึ่งเป็นที่ตั้งท่าเรือหลักของยูเครน
ท่ามกลางการสู้รบที่ดุเดือดอย่างต่อเนื่อง ประเด็นเรื่องดินแดนยังคงเป็นอุปสรรคทางการทูตที่สำคัญที่สุด โดย เซเลนสกี บอกกับนักข่าวที่กรุงเคียฟว่า ร่างแผนสันติภาพ 20 ข้อที่สหรัฐฯ ผลักดันนั้นเสร็จสมบูรณ์แล้ว 90%
เขากล่าวว่า ข้อตกลงว่าด้วยหลักประกันความมั่นคงระหว่างยูเครนและสหรัฐฯ เกือบจะเสร็จสมบูรณ์แล้ว ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญหลังจากที่การรับประกันในยุคหลังสหภาพโซเวียตก่อนหน้านี้พิสูจน์แล้วว่าไร้ความหมาย
“หลายสิ่งหลายอย่างสามารถตัดสินใจได้ก่อนปีใหม่” เซเลนสกีกล่าวกับ Politico
ทรัมป์ กล่าวว่า สหรัฐฯ คือแรงผลักดันหลักในกระบวนการนี้
“เขาจะไม่ได้อะไรเลย จนกว่าผมจะอนุมัติ” ทรัมป์กล่าวกับ Politico “ดังนั้นก็มารอดูกันว่า เขาได้อะไรบ้าง”
เซเลนสกีกล่าวกับเว็บไซต์ข่าว Axios ว่า สหรัฐฯ เสนอข้อตกลงด้านการรับประกันความมั่นคงเป็นเวลา 15 ปี ซึ่งสามารถต่ออายุได้ แต่เคียฟต้องการข้อตกลงที่ยาวนานกว่านั้น พร้อมข้อกำหนดที่มีผลผูกพันทางกฎหมายเพื่อป้องกันการรุกรานของรัสเซียเพิ่มเติม
ทรัมป์ กล่าวว่า เขาเชื่อว่าการประชุมในวันอาทิตย์ (28) จะผ่านไปด้วยดี และยังกล่าวอีกว่าตนคาดว่าจะได้พูดคุยกับ ปูติน “เร็วๆ นี้ มากเท่าที่ผมต้องการ”
นอกเหนือจากดินแดนแล้ว ประเด็นสำคัญอีกประการหนึ่งคือการควบคุมโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซีย ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปที่รัสเซียเข้ายึดครองในช่วงสัปดาห์แรกของสงคราม
มอสโกเรียกร้องให้ยูเครนถอนตัวออกจากพื้นที่ทางตะวันออกของภูมิภาคโดเนตสก์ซึ่งกองทัพรัสเซียยังไม่สามารถควบคุมได้เบ็ดเสร็จในการรุกคืบเพื่อยึดครองดอนบาสทั้งหมด ซึ่งรวมถึงภูมิภาคลูฮันสก์ด้วย
ด้านเคียฟต้องการให้การสู้รบยุติลงที่แนวรบปัจจุบัน
ภายใต้ข้อเสนอประนีประนอมของสหรัฐฯ จะมีการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษหากยูเครนยอมถอนตัวออกจากบางส่วนของภูมิภาคโดเนตสก์ แม้ว่ารายละเอียดต่างๆ ยังไม่ได้มีการตกลงกันก็ตาม
สำนักข่าว Axios อ้างคำพูดของ เซเลนสกี ว่า หากเขาไม่สามารถผลักดันให้สหรัฐฯ สนับสนุนจุดยืนที่ "แข็งแกร่ง" ของยูเครนในประเด็นดินแดนได้ เขาก็ยินดีที่จะนำแผน 20 ข้อไปลงประชามติ ตราบใดที่รัสเซียตกลงที่จะหยุดยิงเป็นเวลา 60 วันเพื่อให้ยูเครนมีเวลาเตรียมตัวและจัดการลงคะแนนเสียง
ผู้นำยูเครนกล่าวด้วยว่า เขาต้องการให้มีการกดดันรัสเซียมากขึ้นกว่านี้
ด้าน เซียร์เก รยาบคอฟ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย กล่าวว่าแผน 20 ข้อของเคียฟมีข้อแตกต่างจากสิ่งที่รัสเซียได้หารือกับสหรัฐฯ ตามรายงานของสำนักข่าว Interfax-Russia
อย่างไรก็ตาม เขาก็แสดงความมองโลกในแง่ดีว่าเรื่องต่างๆ ได้มาถึง "จุดเปลี่ยน" ในการแสวงหาทางออกแล้ว
ทำเนียบเครมลินแถลงเมื่อวันศุกร์ (26) ว่า ยูริ อูชาคอฟ ที่ปรึกษาด้านนโยบายต่างประเทศของปูติน ได้พูดคุยกับสมาชิกของรัฐบาล ทรัมป์ หลังจากที่มอสโกได้รับข้อเสนอจากสหรัฐฯ เกี่ยวกับข้อตกลงสันติภาพที่เป็นไปได้ อย่างไรก็ตาม ทำเนียบเครมลินไม่ได้เปิดเผยว่ามอสโกพิจารณาเอกสารเหล่านั้นอย่างไร
ที่มา: รอยเตอร์


