xs
xsm
sm
md
lg

‘สหรัฐฯ-รัสเซีย’เดินหน้าทำข้อตกลงคลายความตึงเครียดระหว่างกัน ไม่ว่า‘เซเลนสกี’จะเข้าร่วมด้วยหรือไม่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: สตีเฟน ไบรเอน



(เก็บความจากเอเชียไทมส์ https://asiatimes.com/2025/12/us-russia-detente-pushing-ahead-with-or-without-zelensky/)

US-Russia detente pushing ahead with or without Zelensky
by Stephen Bryen
23/12/2025

ผู้นำยูเครนอย่าง เซเลนสกี ติดแหง็กไม่ยอมขยับไปไหนในประเด็นปัญหาเรื่องดินแดน ขณะที่พวกผู้เจรจาของฝ่ายสหรัฐฯ-รัสเซีย ซึ่งมีความคิดจิตใจแบบธุรกิจ สายตาเล็งแลไปที่การก้าวเข้าเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ทวิภาคีกันในอนาคต

ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจอะไรเลยที่การเจรจากันในเรื่องยูเครน ได้กลับมาติดแหง็กอยู่ที่ประเด็นปัญหาดินแดนอีกครั้งหนึ่งแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องเที่ยวสอดส่ายสายตาไปไกลๆ หรอก ก็สามารถมองเห็นปัญหานี้ได้แล้ว รองประธานาธิบดี เจดี แวนซ์ ของสหรัฐฯ [1] ก็ได้พูดเอาไว้เมื่อไม่นานมานี้ว่า “พวกประเด็นปัญหาที่ยากที่สุดยังคงไม่ได้รับการแก้ไข ซึ่งก็รวมไปถึงเรื่องใครจะได้เป็นผู้ควบคุมภูมิภาคดอนบาส (Donbas) ด้วย”

ขณะที่สหรัฐฯพูดว่ามีเหตุผลบางประการที่จะทำให้สามารถมองการณ์ในแง่ดีด้วยท่าทีระมัดระวัง ทว่าเสียงบางเสียงของทางฝ่ายยุโรปไปไกลกว่านั้นมาก และแสดงเหตุผลโต้แย้งว่าจริงๆ แล้วการเจรจากำลังบังเกิดผลที่น่าพอใจ ประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ สตูบบ์ ของฟินแลนด์ คิดว่า “เรากำลังเข้าใกล้การตกลงกันมากที่สุดยิ่งกว่าเวลาใดๆ” ทีเดียว

เรากำลังจะได้เห็นการทดสอบกันในเร็ววันนี้ ตอนที่ฝ่ายรัสเซียได้รับฟังการบรรยายสรุปเกี่ยวกับผลการสนทนากันซึ่งเกิดขึ้นในไมอามี ขณะเดียวกัน สตีฟ วิตคอฟฟ์ (Steve Witkoff) ผู้แทนพิเศษของทำเนียบขาว ในคำแถลงร่วมกับ รุสเตม อูเมรอฟ (Rustem Umerov) เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติของยูเครน ได้เรียกการพูดคุยที่เกิดขึ้นในวันอาทิตย์ (21 ธ.ค.) ที่ไมอามี ว่า “มีผลดีและสร้างสรรค์” และบอกว่า พวกเขา “เน้นหนักอยู่ที่แบบแผนวิธีการเชิงยุทธศาสตร์ที่เห็นพ้องต้องกันระหว่างยูเครน, สหรัฐฯ, และยุโรป”

รัสเซียนั้นมีเหตุผลที่โน้มน้าวใจหลายประการซึ่งทำให้พวกเขาต้องพยายามและยังคงอยู่ในการเจรจาต่อไป อย่างไรก็ดี สำหรับรัสเซียแล้ว ความสำเร็จไม่ใช่อยู่ที่การตกลงกันได้ในเรื่องการสู้รบขัดแย้งในยูเครน ซึ่งพวกเขาอ้างว่าพวกเขากำลังเป็นฝ่ายชนะอยู่แล้ว แทนที่จะสนใจที่ตรงนั้น ฝ่ายรัสเซียกำลังมองหาทางสำหรับการมีความสัมพันธ์ทางยุทธศาสตร์กับสหรัฐฯ และจะถือว่า นี่ต่างหาก เป็นผลลัพธ์ที่พึงปรารถนา

ส่วนประกอบต่างๆ ที่อาจเป็นไปได้ของความสัมพันธ์ทางยุทธศาสตร์ระหว่างรัสเซีย-สหรัฐฯนั้น จวบจนถึงเวลานี้ ยังไม่ได้ถูกนำมาวางแบบนโต๊ะเจรจากันจนหมดสิ้น กระนั้น สิ่งที่ทราบกันแล้วก็คือ คิริลล์ ดมิตรีฟ (Kirill Dmitriev) ผู้เจรจาหลักของฝ่ายรัสเซีย กำลังหารือเกี่ยวกับแผนการลงทุนและแผนการธุรกิจต่างๆ หลายหลากกับ วิตคอฟฟ์ ซึ่งเป็นผู้เจรจาระดับท็อปสุดของฝ่ายสหรัฐฯ

การหาทางทำความตกลงกันทางธุรกิจเช่นที่ว่านี้ อาจจะรวมไปถึงเรื่องสหรัฐฯกับรัสเซียร่วมกันทำโครงการต่างๆ ในภูมิภาคอาร์กติก ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ทรัมป์ให้ความสนใจ โดยที่รัสเซียดูเหมือนจะนำหน้าสหรัฐฯไปแล้วในเรื่องเหล่านี้ นอกจากนั้น ยังอาจจะรวมถึงลู่ทางความเป็นไปได้ที่ทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือกันในด้านเทคโนโลยีและแร่ธาตุ โดยรวมไปถึงเรื่องแรร์เอิร์ธ และยูเรเนียม ด้วย สิ่งที่เกี่ยวข้องโยงใยกับการหารือทางเศรษฐกิจเหล่านี้ ก็คือ พวกมาตรการแซงก์ชั่นคว่ำบาตรอย่างหลากหลายของสหรัฐฯ ซึ่งจะต้องถูกประกาศยกเลิก

เนื่องจาก ดิมิตรีฟ เป็นผู้ชำนาญพิเศษด้านการลงทุน และไม่ได้รับอาณัติให้เจรจาประเด็นปัญหาทางทหารเชิงยุทธศาสตร์ การหารือเรื่องเหล่านี้จึงอาจเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต ฝ่ายรัสเซียพูดอยู่บ่อยครั้งว่า พวกเขาต้องการทำให้ความสัมพันธ์ที่แดนหมีขาวมีอยู่กับสหรัฐฯและที่มีอยู่กับนาโต้ กลับคืนสู่ความสัมพันธ์ในขั้นปกติ แล้วจัดทำข้อตกลงทางยุทธศาสตร์กัน ซึ่งจะสร้างเสถียรภาพให้แก่ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ-รัสเซีย และความสัมพันธ์รัสเซีย-ยุโรป

ในฝ่ายสหรัฐฯนั้น สามารถพูดได้ว่า วิตคอฟฟ์ และผู้ร่วมงานของเขา ซึ่งคือ จาเร็ด คุชเนอร์ (Jared Kushner) บุตรเขยของประธานาธิบดีทรัมป์ ก็อยู่ในสถานะทำนองเดียวกัน ความเป็นจริงแล้วมันไม่ได้มีความชัดเจนแต่อย่างใดเลยว่า พวกเขาคนใดคนหนึ่งได้ผ่านการตรวจสอบและมีการเปิดไฟเขียวด้านความมั่นคงที่จำเป็น สำหรับการเข้าร่วมในการสนทนาทางยุทธศาสตร์กับรัสเซียแล้วหรือยัง

มันอาจจะเป็นไปได้ว่า การพูดโพล่งของประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 19 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งเสนอแนะให้ฝ่ายยุโรปมีการสนทนาแบบพบปะกันกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย [2] คือการส่อแสดงให้เห็นอย่างแรงกล้าว่า ทางฝรั่งเศสกำลังมองหาทางเพื่อออกจากภาวะในปัจจุบัน

ปูติน นั้น จำเป็นต้องพิจารณาความริเริ่มจาก มาตรง คราวนี้ โดยคำนึงถึงความสมดุล นั่นคือต้องไม่ให้การหารือกับยุโรปที่อาจเกิดขึ้นนี้ กลายเป็นการสร้างสับสนจนก่อกวนความพยายามก้าวไปสู่สันติภาพที่มีสหรัฐฯป็นผู้นำ เท่าที่ปรากฏออกมาจนถึงเวลานี้ ฝ่ายรัสเซียกล่าวว่าพวกเขายินดีที่จะสนทนากับยุโรป ซึ่งเท่ากับเป็นการหลบฉากจากการดำเนินการอย่างเป็นเอกเทศของ มาครง นั่นเอง

ฝ่ายรัสเซียมีเหตุผลที่ต้องการจะหาทางดำเนินการให้ข้อตกลงเชิงยุทธศาสตร์ทั้งทางทหาร, การทูต, และทางการเมือง กับสหรัฐฯ และกับนาโต้ เข้าที่เข้าทาง ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ปูติน เข้าอกเข้าเป็นอย่างดีว่า เขาจำเป็นที่จะต้องปรับทิศทางเศรษฐกิจของรัสเซียกันใหม่ภายหลังสงครามยูเครนสิ้นสุดลง

รัสเซียเวลานี้กำลังต้องพึ่งพาจีนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในด้านอิเล็กทรอนิกส์, เครื่องจักรอุปกรณ์ระดับก้าวหน้า, เทคโนโลยีโลหะขั้นสูง, วิทยาการหุ่นยนต์, และการคำนวณเชิงควอนตัม เทคโนโลยีด้านต่างๆ ทั้งหมดเหล่านี้ คือสิ่งที่ภายในรัสเซียเองกำลังขาดหายไป หรือไม่ก็เพียงแค่สามารถให้การสนับสนุนได้อย่างอ่อนแรงเต็มที

การที่แดนหมีขาวขาดไร้ภาคพาณิชยกรรมที่มีชีวิตชีวา รวมทั้งการลงทุนอยู่ในสภาพจำกัดจำเขี่ยตลอดระยะเวลาหลายๆ ปีที่ผ่านมา ได้ทำให้รัสเซียในปัจจุบันอยู่ในสภาพที่แลดูเหมือนกับเป็นประเทศโลกที่สามรายหนึ่งเพียงแต่มีอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งมันก็เป็นสภาพการณ์ที่ มิคฮาอิล กอร์บาชอฟ ผู้เป็นนายใหญ่แดนหมีขาวในยุคก่อนหน้าปูติน รวมทั้งได้เคยถูกถอดออกจากอำนาจมาถึง 2 ครั้ง 2 หน มีความตระหนักรับรู้เป็นอย่างดีตั้งแต่เมื่อ 40 ปีก่อน ถึงแม้ว่ารัสเซียยังคงมีความสามารถฟื้นฟูสมรรถนะทางด้านการบินและอวกาศของตนเองขึ้นมาได้ใหม่ และเวลานี้สามารถดำเนินการผลิตเครื่องบินพาณิชย์ขึ้นเองภายในท้องที่ โดยไม่ต้องอาศัยการนำเข้าจากฝ่ายตะวันตก

ทว่ารัสเซียยังไม่ได้พิสูจน์ให้เห็นเลยว่า ความก้าวหน้าเหล่านี้เป็นสิ่งที่จะสามารถหาประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ได้จริงๆ ถึงแม้บางทีมอสโกอาจจะไม่สนใจใยดีกับเรื่องเช่นนี้ก็ตามที ในขณะที่ฝ่ายตะวันตกกำลังเพิ่มพูนยกระดับการลงทุนในด้านปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) โดยทีจีนก็กำลังเดินไปในเส้นทางสายนี้อย่างสนุกสนานเช่นกัน แต่รัสเซียกลับดูเหมือนสะดุดติดแหง็ก สามารถสาธิตให้เห็นเพียงแค่ขีดความสามารถด้านเอไอเล็กๆ น้อยๆ บางอย่างในด้านโดรน และอาวุธอื่นๆ เท่านั้น ขณะที่กองทัพสมัยใหม่ในทุกวันนี้จำเป็นต้องมีการบูรณาการในระดับสูง ตลอดจนกระบวนการตัดสินใจที่ได้รับความสนับสนุนจากเอไอ ซึ่งเป็นบางสิ่งบางอย่างที่รัสเซียยังคงขาดไร้ไปเสียแทบทั้งสิ้น

ปัญหาแกนกลางสำคัญที่สุดสำหรับรัสเซียก็คือว่า พวกเขาสามารถต่อรองทำข้อตกลงต่างๆ ในอนาคตให้สำเร็จกับสหรัฐฯได้หรือไม่ ตลอดจนความเป็นไปได้ที่จะทำเช่นนี้กับพวกประเทศนาโต้ขนาดใหญ่ที่สุดบางรายด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝรั่งเศส โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฝรั่งเศสนั้นครั้งหนึ่งเคยทำดีลธุรกิจจำนวนหนึ่งในยุคโซเวียตมาแล้ว โดยที่ไม่ได้มีการทำดีลกับยูเครนแต่อย่างใด

ถ้าหากยังคงใช้ท่าทีเมินเฉยในประเด็นปัญหาเรื่องดินแดนต่อไปอีก ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ก็อาจกำลังช่วยเหลือให้บังเกิดผลลัพธ์ที่ช่างย้อนแย้งเหลือเกินออกมาประการหนึ่ง นั่นคือ มันอาจอำนวยความสะดวกให้รัสเซียกับสหรัฐฯสามารถมองหาสันติภาพได้โดยผ่านเครื่องมืออื่นๆ ชนิดที่ไม่ต้องอาศัยยูเครน

สตีเฟน ไบรเอน เป็นอดีตรองปลัดกระทรวงกลาโหมฝ่ายนโยบายของสหรัฐฯ และผู้สื่อข่าวพิเศษอยู่ที่เอเชียไทมส์ ข้อเขียนชิ้นนี้ทีแรกสุดปรากฏอยู่บนจดหมายข่าว Weapons and Strategy ในแพลตฟอร์ม Substack ของเขา

เชิงอรรถ
[1] https://www.politico.com/news/2025/12/22/vance-russia-ukraine-war-00702823
[2] https://www.reuters.com/world/macron-says-europe-will-need-engage-with-putin-if-us-peace-talks-fail-2025-12-19/
กำลังโหลดความคิดเห็น