มีรายงานว่าสหรัฐฯกำลังยกระดับจัดวางกำลังทหารใกล้เวเนซุเอลา ด้วยการเพิ่มเติมกำลังพลเข้าสู่ทะเลแคริบเบียน ท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างวอชิงตันกับการากัส ตามรายงานของหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล
วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานอ้างแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่สหรัฐฯและข้อมูลติดตามเที่ยวบิน ระบุว่าความเคลื่อนไหวเสริมกำลังครั้งนี้ รวมไปถึงเครื่องบินปฏิบัติการพิเศษและอากาศยานขนส่งทางทหาร และการประจำการดังกล่าวมีเจตนาเพื่อมอบทางเลือกต่างๆเพิ่มเติมแก่วอชิงตัน สำหรับความเป็นไปได้ที่จะดำเนินการกับเวเนซุเอลา แม้ไม่มีการแถลงต่อสาธารณะอย่างเจาะจงเกี่ยวกับปฏิบัติการดังกล่าว
สื่อแห่งนี้รายงานต่อว่า CV-22 Osprey เครื่องบินรบหลายบทบาทที่ใช้เทคโนโลยีใบพัดแบบเอียง (tiltrotor) ที่เกี่ยวข้องกับหน่วยปฏิบัติการพิเศษของสหรัฐฯ อย่างน้อย 10 ลำ ได้บินจากฐานทัพในทวีปอเมริกา เข้าสู่ทะเลแคริบเบียนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขณะเดียวกันมีข่าวด้วยว่าเครื่องบินขนส่งทางยุทธวิธี C-17 ได้ลำเลียงกำลังพลและยุทโปกรณ์ไปยังเปอร์โตริโกในวันจันทร์(22ธ.ค.)
กองบัญชาการใต้แห่งสหรัฐฯ ปฏิเสธแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรายงานความเคลื่อนไหวทางทหารในครั้งนี้ อ้างว่าปฏิบัติการดังกล่าวเกี่ยวข้องกับความมั่นคง ส่วนทำเนียบขาวและกระทรวงสงคราม ไม่ตอบคำถามเกี่ยวกับการประจำการทางทหาร
รายงานข่าวเกี่ยวกับการเสริมกำลัง มีขึ้นในขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ยกระดับกดดันรัฐบาลเวเนซุเอลาอย่างหนักหน่วง ออกคำสั่งปิดล้อมห้ามเรือบรรทุกน้ำมันที่ถูกคว่ำบาตร เข้าและออกจากประเทศแห่งนี้
ทรัมป์ กล่าวหาเวเนซุเอลาว่าขโมนพลังงานและสาธารณูปโภคของสหรัฐฯ และเตือนเวเนซุเอลา อาจเจอกับการระดมกองเรือครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกาใต้ จนกว่าจะคืนทรัพย์สินเหล่านั้น เขาไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ของปฏิบัติการโจมตีทางอากาศและทางภาคพื้น
ในสัปดาห์ที่แล้ว สหรัฐฯยึดเรือบรรทุกน้ำมันของเวเนซุเอลา 2 ลำ ในน่านน้ำสากล อ้างว่าเรือเหล่านั้นปฏิบัติการละเมิดมาตรการคว่ำบาตรคว่ำบาตรของวอชิงตัน เจ้าหน้าที่การากัสประณามการยึดเรือดังกล่าวว่าเป็นเสมือน "โจรสกัด" และกล่าวหา ทรัมป์ กำลังหาทางเปลี่ยนการปกครอง เพื่อเข้าถึงการควบคุมทรัพยากรน้ำมันของประเทศ
พฤติกรรมของวอชิงตันเรียกเสียงประณามจากนานาชาติ รัสเซียวิจารณ์การยึดเรือบรรทุกน้ำมันและการปิดล้อมทางทะเลเวเนซุเอลา เตือนว่ามันจะก่อผลลัพธ์เลวร้ายแก่เสถียรภาพในภูมิภาคและความมั่นคงทางทะเล ส่วนจีนก็ร้องขอความอดทนอดกลั้นเช่นกัน
(ที่มา:วอลล์สตรีท เจอร์นัลด์/อาร์ทีนิวส์)


