ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันจันทร์ (22 ธ.ค.) ว่า หากประธานาธิบดี นิโคลัส มาดูโร แห่งเวเนซุเอลายอมลงจากอำนาจก็จะเป็นการตัดสินใจที่ "ชาญฉลาด" และสหรัฐฯ อาจจะเก็บหรือขายน้ำมันที่ยึดได้นอกชายฝั่งเวเนซุเอลาในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
มาตรการกดดันของ ทรัมป์ ต่อ มาดูโร ยังรวมถึงการเพิ่มกำลังทหารในภูมิภาค และปฏิบัติการโจมตีเรือที่ต้องสงสัยว่าลักลอบขนยาเสพติดในมหาสมุทรแปซิฟิกและทะเลแคริบเบียนใกล้กับเวเนซุเอลามากกว่า 20 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 100 คนจากการโจมตีเหล่านั้น
เมื่อถูกถามว่าเป้าหมายคือการบีบให้ มาดูโร ลงจากอำนาจหรือไม่ ทรัมป์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า "ผมคิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น... ขึ้นอยู่กับเขาว่าจะทำอะไร ผมคิดว่ามันจะเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดสำหรับเขา แต่เราก็ต้องรอดูกันต่อไป"
"ถ้าเขาต้องการทำอะไรสักอย่าง ถ้าเขาเล่นบทแข็งกร้าว มันก็จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้เล่นบทแข็งกร้าว" เขากล่าว
ระหว่างการแถลงข่าว ทรัมป์ ยังได้โจมตีประธานาธิบดี กุสตาโว เปโตร แห่งโคลอมเบีย ซึ่งเขามีความขัดแย้งด้วยมาตลอดทั้งปี
“เขาไม่ใช่มิตรของสหรัฐอเมริกา เขาเลวร้ายมาก เป็นคนเลวมาก เขาต้องระวังตัวให้ดี เพราะเขาผลิตโคเคนและส่งเข้ามาในสหรัฐฯ” ทรัมป์ กล่าวเมื่อถูกถามเกี่ยวกับการวิพากษ์วิจารณ์ของ เปโตร ต่อวิธีจัดการความตึงเครียดกับเวเนซุเอลาของรัฐบาลทรัมป์
นอกเหนือจากการโจมตีแล้ว ทรัมป์ ยังได้ประกาศ “มาตรการปิดล้อม” เรือบรรทุกน้ำมันทั้งหมดที่อยู่ภายใต้มาตรการคว่ำบาตรไม่ให้เข้าและออกจากเวเนซุเอลา หน่วยยามฝั่งสหรัฐฯ เริ่มไล่ล่าเรือบรรทุกน้ำมันในน่านน้ำสากลใกล้เวเนซุเอลาเมื่อวันอาทิตย์ (21) ซึ่งจะเป็นปฏิบัติการครั้งที่ 2 ในสุดสัปดาห์นี้ และครั้งที่ 3 ในเวลาไม่ถึงสองสัปดาห์หากประสบความสำเร็จ
“บางทีเราอาจจะขายมัน บางทีเราอาจจะเก็บมันไว้” ทรัมป์ กล่าวเมื่อถูกถามว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับน้ำมันที่ยึดได้ พร้อมเสริมว่าพวกมันอาจถูกนำไปใช้เติมเต็มคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ
ด้าน มาดูโร กล่าวโดยไม่อ้างถึง ทรัมป์ ตรงๆ ว่า ผู้นำทุกคนควรใส่ใจกิจการภายในของประเทศตนเองเป็นสำคัญ
"ถ้าผมได้คุยกับเขาอีกครั้ง ผมจะบอกเขาว่า แต่ละประเทศควรดูแลกิจการภายในของตนเอง" มาดูโรกล่าว โดยอ้างถึงการสนทนาทางโทรศัพท์ครั้งแรกระหว่างผู้นำทั้งสองเมื่อเดือนที่แล้ว
ที่มา: รอยเตอร์


