เครื่องบินโดยสารลำหนึ่ง เกือบชนกันกลางอากาศกับอากาศยานของกองทัพสหรัฐฯใกล้ชายฝั่งเวเนซุเอลาเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ตามรายงานของสำนักข่าวเอพีและนิวยอร์กไทม์สในวันจันทร์(15ธ.ค.) อ้างอิงการสื่อสารทางวิทยุและข้อมูลติดตามการบิน
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นท่ามกลางความเคลื่อนไหวของสหรัฐฯ ที่เสริมกำลังทางนาวีในแคริบเบียน และคำขู่โจมตีพวกก่อการร้ายยาเสพติดในแผ่นดินเวเนซุเอลา ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งอเมริกา
รายงานข่าวระบุว่าเที่ยวบิน 1112 ของสายการบินเจ็ตบลู ประจันหน้ากันกลางอากาศกับเครื่องบินเติมเชื้อเพลิงลำหนึ่งของกองทัพอากาศสหรัฐฯ ขณะกำลังเดินทางจากคาราเซา เกาะเล็กๆนอกชายฝั่งเวเนซุเอลา ไปยังสนามบินนานาชาติจอห์น เอฟ.เคนเนดี ของนิวยอร์ก
ราว 22 นาทีหลังจากเทคออฟ เครื่องบินโดยสารสูญเสียเพดานบินระหว่างการไต่ระดับ "เราเกือบชนกันกลางอากศ" นักบินของเจ็ตบลูกล่าว "พวกเขาพุ่งตัดหน้าเส้นทางการบินของเราตรงๆ พวกเขาไม่ได้เปิดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รับสัญญาณเรดาร์จากภาคพื้นดิน มันน่าตกใจมาก"
เดเรค ดอมโบรวสกี โฆษกของเจ็ตบลู ให้สัมภาษณ์ในวันอาทิตย์(14ธ.ค.) ว่าสายการบินได้รายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปยังเจ้าหน้าที่แล้ว "สมาชิกลูกเรือของเราได้รับการฝึกฝนขั้นตอนปฏิบัติอย่างเหมาะสม สำหรับสถานการณ์ต่างๆนานาบนเที่ยวบิน เราขอชมเชยลูกเรือของเรา สำหรับการรายงานสถานการณ์นี้มายังหัวหน้าทีมของเราในทันที" เขากล่าว
นาวาเอกแมนนี ออร์ติซ โฆษกกองบัญชาการใต้แห่งกองทัพสหรัฐฯ บอกว่า "พวกเขาทราบเรื่องแล้ว ในรายงานเมื่อเร็วๆนี้เกี่ยวกับปฏิบัติการเครื่องบินทหารสหรัฐฯในแคริบเบียน และปัจจุบันอยู่ระหว่างตรวจสอบประเด็นดังกล่าว" เขาบอกต่อว่ายังคงให้ความสำคัญด้านความปลอดภัยในระดับสูงสุด และกองทัพจะทำงานผ่านช่องทางต่างๆที่เหมาะ เพื่อประเมินข้อเท็จจริงต่างๆเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
นับตั้งแต่เดือนกันยายน กองทัพสหรัฐฯสังหารผู้คนไปแล้วมากกว่า 80 ราย ในปฏิบัติการโจมตีเรือต่างๆที่กล่าวหาว่าเป็นพวกลักลอบขนยาเสพติด ทรัมป์กล่าวอ้างว่าเรือเหล่านั้นถูกรัฐบาลเวเนซุเอลาใช้ไหลบ่ายาเสพติดเข้าสู่อเมริกา
เวเนซุเอลา ปฏิเสธความเกี่ยวข้องใดๆกับการลักลอบขนยาเสพติด และบอกว่าการโจมตีเป็นส่วนหนึ่งในแผนของพวกนักล่าอาณานิคม ที่มีเป้าหมายโค่นล้มประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร และปล้นทรัพยากรทางธรรมชาติของประเทศ
(ที่มา:อาร์ทีนิวส์)


