ทรัมป์เผยสหรัฐฯบุกยึดเรือน้ำมันขนาดใหญ่ลำหนึ่งนอกชายฝั่งเวเนซุเอลา ด้านการากัสชี้ การใช้กำลังทหารเข้าควบคุมเรือสินค้าซึ่งถือว่าผิดปกติอย่างยิ่งฟ้องว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของอเมริกาคือการปล้นทรัพยากรพลังงานของเวเนซุเอลา ขณะที่วุฒิสมาชิกเดโมแครตจวกการกระทำดังกล่าวเป็นหลักฐานว่า คณะบริหารทรัมป์โกหกคำโต ทั้งเรื่องการโจมตีเรือในทะเลแคริบเบียน และการระดมกำลังเตรียมพร้อมในบริเวณดังกล่าว ซึ่งทั้งหมดนี้มีเป้าหมายในการเปลี่ยนแปลงระบอบปกครองในเวเนซุเอลา
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เปิดเผยกับพวกผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวเมื่อวันพุธ (10 ธ.ค.) ว่า อเมริกาได้ใช้กำลังเข้ายึดเรือน้ำมันลำหนึ่ง จากบริเวณนอกชายฝั่งเวเนซุเอลา โดยเป็นเรือขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยยึดมา เขาอ้างว่าการบุกยึดครั้งนี้กระทำด้วยเหตุผลที่เหมาะสมอย่างยิ่ง ทว่าไม่ยอมให้รายละเอียด และเมื่อถูกถามว่า จะทำอย่างไรกับน้ำมันบนเรือ ผู้นำสหรัฐฯ ตอบว่า อเมริกาคงจะเก็บไว้
แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่อเมริกันรายหนึ่งเปิดเผยว่า ปฏิบัติการดังกล่าวดำเนินการโดยหน่วยยามฝั่งสหรัฐฯ ที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทัพเรือ และอยู่ภายใต้อำนาจในการบังคับใช้กฎหมายของอเมริกา โดยเฮลิคอปเตอร์จากเรือบรรทุกเครื่องบินอาร์เอสเอส เจอรัลด์ อาร์. ฟอร์ด ที่ประจำการอยู่ในทะเลแคริบเบียนนับตั้งแต่เดือนที่แล้ว นำเจ้าหน้าที่หน่วยยามฝั่งไปยังเรือบรรทุกน้ำมันดังกล่าว
วิดีโอความยาว 45 วินาทีที่แพม บอนดี รัฐมนตรียุติธรรมสหรัฐฯ โพสต์บนโซเชียล เผยให้เห็นเฮลิคอปเตอร์ 2 ลำบินไปเหนือเรือบรรทุกน้ำมัน ก่อนที่เจ้าหน้าที่ติดอาวุธในชุดพรางจะโรยตัวลงบนเรือ
บอนดีระบุว่า เรือบรรทุกน้ำมันลำดังกล่าวถูกอเมริกาประกาศแซงก์ชันคว่ำบาตรมานานหลายปีแล้ว เนื่องจากเกี่ยวข้องกับเครือข่ายขนส่งน้ำมันผิดกฎหมายที่ให้การสนับสนุนองค์การก่อการร้ายต่างชาติ
เจ้าหน้าที่อเมริกันระบุว่า เรือที่ถูกยึดซึ่งปัจจุบันใช้ชื่อว่า สกิปเปอร์ ได้เดินทางออกจากเวเนซุเอลาราวๆ วันที่ 2 ธ.ค. พร้อมน้ำมันดิบประมาณ 2 ล้านบาร์เรล ซึ่งเกือบครึ่งหนึ่งเป็นของผู้นำเข้าน้ำมันที่เป็นกิจการของรัฐบาลคิวบา โดยก่อนหน้านี้เรือลำนี้เคยใช้ชื่อว่า เอ็ม/ที เอดิซา ได้ถูกอเมริกาแซงก์ชันในปี 2022 จากข้อหาเกี่ยวข้องกับเครือข่ายเรือบรรทุกน้ำมันเงาที่ ลักลอบขนน้ำมันดิบในนามกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่าน และกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน
กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ในขณะนั้นระบุว่า เครือข่ายดังกล่าวดำเนินการโดยผู้ค้าน้ำมันยูเครนที่เปิดบริษัทอยู่ในสวิตเซอร์แลนด์
อย่างไรก็ตาม ทางด้าน รัฐบาลเวเนซุเอลา ออกคำแถลงระบุว่า การยึดเรือบรรทุกน้ำมันเช่นนี้ของสหรัฐฯ เข้าข่ายการปล้นสะดมทางทะเลอย่างชัดเจน และเผยให้เห็นว่า เหตุผลที่แท้จริงเบื้องหลังพฤติกรรมก้าวร้าวอันยาวนานของอเมริกาต่อเวเนซุเอลาคือน้ำมันและพลังงานของเวเนซุเอลา
ในวันพฤหัสฯ (11 ธ.ค.) สถานเอกอัครราชทูตอิหร่านประจำกรุงการากัส ก็โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ ประณามว่า การกระทำของอเมริกาละเมิดบรรทัดฐานและกฎหมายระหว่างประเทศ
ทั้งนี้ เวเนซุเอลาเป็นประเทศซึ่งมีแหล่งน้ำมันสำรองที่พิสูจน์แล้วว่าใหญ่ที่สุดในโลก และผลิตน้ำมันวันละราว 1 ล้านบาร์เรล ถือเป็นแหล่งรายได้สำคัญของประเทศ
ประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร ของเวเนซุเอา ที่ถูกอเมริกากล่าวหาว่า ก่อการร้ายโดยอาศัยเงินจากการค้ายาเสพติด ไม่ได้กล่าวถึงการยึดเรือบรรทุกน้ำมันระหว่างปราศรัยก่อนการชุมนุมที่พรรครัฐบาลจัดขึ้นที่การากัสในวันพุธ แต่ประกาศกับผู้สนับสนุนว่า เวเนซุเอลาพร้อมแล้วที่จะทำลายจักรวรรดิอเมริกาเหนือหากจำเป็น และย้ำว่า เป้าหมายที่แท้จริงของปฏิบัติการทางทหารของอเมริกาคือ บีบให้ตนออกจากตำแหน่ง
ส่วนที่สหรัฐฯ วุฒิสมาชิกคริส แวน ฮอลเลน จากพรรคเดโมแครต ที่เป็นกรรมาธิการอยู่ในคณะกรรมาธิการวิเทศสัมพันธ์ของวุฒิสภา วิจารณ์ว่า การยึดเรือบรรทุกน้ำมันครั้งนี้เป็นหลักฐานที่ตอกย้ำว่า เรื่องทั้งหมดที่รวมถึงการประจำการกองกำลังในทะเลแคริบเบียน และการโจมตีเรือที่ถูกกล่าวหาว่า ลักลอบขนยาเสพติด เป็นการโกหกคำโตของคณะบริหารทรัมป์ และเป้าหมายที่แท้จริงคือ การเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองในเวเนซุเอลา
วินเซนต์ พี. โอฮารา นักประวัติศาสตร์ทางทะเล ชี้ว่า การยึดเรือบรรทุกน้ำมันของอเมริกาเป็นการกระทำที่ผิดปกติมากและเป็นการยั่วยุ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า การดำเนินการดังกล่าวจะทำให้เรืออื่นๆ หลีกเลี่ยงน่านน้ำนอกชายฝั่งเวเนซุเอลา ซึ่งเท่ากับเป็นการโจมตีเศรษฐกิจของประเทศนี้โดยตรง
คณะบริหารทรัมป์กำลังเผชิญการตรวจสอบเข้มงวดขึ้นจากสมาชิกรัฐสภาเกี่ยวกับปฏิบัติการโจมตีเรือในทะเลแคริบเบียอย่างต่อเนื่องหลายสิบครั้ง ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 87 คน จากการโจมตีเฉพาะส่วนที่รับรู้กัน 22 ครั้งตั้งแต่ต้นเดือนก.ย. โดยรวมถึงกรณีอื้อฉาวกระทำการโจมตีซ้ำซึ่งสังหารผู้รอดชีวิต 2 คนที่เกาะซากเรืออยู่ภายหลังการโจมตีครั้งแรก
ผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายบางคน รวมทั้งสมาชิกเดโมแครตระบุว่า การกระทำดังกล่าวอาจเป็นการละเมิดกฎหมายว่าด้วยการใช้กำลังทหารที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต
สมาชิกรัฐสภาหลายคนยังเรียกร้องให้เผยแพร่วิดีโอการโจมตีเรือโดยที่ไม่มีการตัดต่อ ทว่า พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหม เปิดเผยกับผู้นำคองเกรสเมื่อวันอังคารว่า กำลังพิจารณาว่า จะเผยแพร่เนื้อหาเหล่านั้นหรือไม่
(ที่มา: เอพี/รอยเตอร์)


