สหรัฐอเมริกาออกมาวิพากษ์วิจารณ์จีนเป็นครั้งแรกเกี่ยวกับการใช้เรดาร์ควบคุมการยิงล็อกเป้าใส่เครื่องบินทหารของญี่ปุ่นระหว่างการฝึกซ้อมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ทั้งสองประเทศในเอเชียให้ข้อมูลที่แตกต่างกันออกไป ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มสูงขึ้น
เหตุกระทบกระทั่งกันใกล้เกาะโอกินาวาของญี่ปุ่นเกิดขึ้นหลังจากที่นายกรัฐมนตรี ซานาเอะ ทาคาอิจิ ได้จุดชนวนข้อพิพาทกับปักกิ่งเมื่อเดือนที่แล้ว ด้วยการออกมากล่าวในเชิงสมมติว่า ญี่ปุ่นอาจตอบโต้ทางทหาร หากจีนโจมตีไต้หวัน
จีนอ้างสิทธิ์เหนือไต้หวันซึ่งปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย และไม่ตัดความเป็นไปได้ที่จะใช้กำลังเข้าควบคุมเกาะแห่งนี้ ซึ่งอยู่ห่างจากดินแดนญี่ปุ่นเพียง 100 กิโลเมตร และล้อมรอบด้วยเส้นทางเดินเรือที่โตเกียวใช้
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวเมื่อคืนวันอังคาร (9) ว่า "การกระทำของจีนไม่เอื้อต่อสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาค"
“ความเป็นพันธมิตรระหว่างสหรัฐฯ และญี่ปุ่นแข็งแกร่งและเป็นหนึ่งเดียวกันมากกว่าที่เคย ความมุ่งมั่นของเราที่มีต่อชาติพันธมิตรเช่นญี่ปุ่นนั้นไม่เปลี่ยนแปลง และเรามีการติดต่อกันอย่างใกล้ชิดทั้งในเรื่องนี้และเรื่องอื่นๆ”
มิโนรุ คิฮาระ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น กล่าวแสดงความยินดีต่อความคิดเห็นของสหรัฐฯ โดยกล่าวว่ามัน "สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งระหว่างสหรัฐฯ และญี่ปุ่น"
ด้านกระทรวงการต่างประเทศของจีนยังไม่ออกมาให้ความเห็นในประเด็นดังกล่าว
เมื่อคืนวันอังคาร (9) ญี่ปุ่นได้ส่งเครื่องบินรบขึ้นบินเพื่อเฝ้าระวังการลาดตระเวนร่วมระหว่างกองทัพอากาศรัสเซียและจีนที่เกิดขึ้นรอบๆ ประเทศ
การที่เครื่องบินรบของจีนเล็งเรดาร์ไปที่เครื่องบินของญี่ปุ่นเมื่อวันเสาร์ (6) ถือเป็นการเผชิญหน้ากันที่ร้ายแรงที่สุดระหว่างกองทัพของสองประเทศในรอบหลายปี
การกระทำดังกล่าวถูกมองว่าเป็นการคุกคาม เพราะเท่ากับส่งสัญญาณถึงการโจมตีที่อาจเกิดขึ้น และอาจบังคับให้เครื่องบินเป้าหมายต้องหลบหลีก โตเกียวประณามการกระทำดังกล่าวว่าเป็น “อันตราย”
อย่างไรก็ตาม ปักกิ่งกล่าวว่า เครื่องบินของญี่ปุ่นได้เข้าใกล้และก่อกวนกองทัพเรือจีนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ขณะที่กองทัพเรือจีนกำลังทำการฝึกบินบนเรือบรรทุกเครื่องบินตามที่ได้ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ ทางตะวันออกของช่องแคบมิยาโกะ
ประธานาธิบดี ไล่ ชิงเต๋อ แห่งไต้หวัน กล่าวกับผู้สื่อข่าวในกรุงไทเปเมื่อวันพุธ (10) ว่า การซ้อมรบของจีนเป็น "พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง"
"เราขอเรียกร้องให้จีนแสดงความรับผิดชอบที่เหมาะสมกับการเป็นชาติมหาอำนาจ สันติภาพนั้นประเมินค่าไม่ได้ สงครามไม่มีผู้ชนะ สันติภาพต้องได้รับการส่งเสริมจากทุกฝ่าย และจีนก็มีส่วนรับผิดชอบในเรื่องนี้" เขากล่าว
ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียเสื่อมถอยลงอย่างมาก นับตั้งแต่ ทาคาอิจิ กล่าวต่อรัฐสภาเมื่อเดือนที่แล้วว่า การโจมตีไต้หวันของจีนอาจเป็น "สถานการณ์ที่คุกคามการอยู่รอด" และอาจกระตุ้นให้โตเกียวตอบโต้ทางทหาร
รัฐบาลจีนเรียกร้องให้เธอถอนคำพูดดังกล่าว กล่าวหาโตเกียวว่าคุกคามทางทหาร และแนะนำพลเมืองของตนไม่ให้เดินทางไปญี่ปุ่น
เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำญี่ปุ่น จอร์จ กลาส ได้แสดงการสนับสนุนญี่ปุ่นอย่างเปิดเผยในโพสต์โซเชียลมีเดียหลายครั้งนับตั้งแต่ข้อพิพาททางการทูตเริ่มต้นขึ้น แต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่นๆ ของสหรัฐฯ ยังคงนิ่งเงียบ
ทรัมป์ ซึ่งวางแผนจะไปเยือนปักกิ่งในปีหน้าเพื่อเจรจาการค้า ได้โทรศัพท์หา ทาคาอิจิ เมื่อเดือนที่แล้ว เพื่อขอร้องให้เธออย่ากระพือข้อพิพาทให้รุนแรงขึ้นไปอีก ตามข้อมูลจากแหล่งข่าว
ที่มา: รอยเตอร์


