ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ได้เตือนให้นายกรัฐมนตรี ซานาเอะ ทาคาอิจิ แห่งญี่ปุ่น ให้หลีกเลี่ยงการยกระดับข้อพิพาทกับจีนระหว่างการเจรจาสัปดาห์นี้ ในขณะที่ ทรัมป์ เองก็มุ่งมั่นที่จะรักษาการสงบศึกสงครามการค้าที่เปราะบางกับปักกิ่ง
ทาคาอิจิ ได้จุดชนวนข้อพิพาททางการทูตครั้งใหญ่ที่สุดกับปักกิ่งในรอบหลายปี โดยเธอได้แสดงความเห็นที่รัฐสภาในเดือนนี้ว่า การโจมตีไต้หวันของจีนโดยสมมติฐานอาจกระตุ้นให้ญี่ปุ่นใช้ปฏิบัติการตอบโต้ทางทหาร ซึ่งทำให้ปักกิ่งโกรธเกรี้ยวอย่างหนัก
ระหว่างการพูดคุยทางโทรศัพท์กับ ทาคาอิจิเมื่อวันอังคาร (25) ทรัมป์ กล่าวว่า เขาไม่ต้องการให้สถานการณ์ตึงเครียดมากไปกว่านี้ ตามข้อมูลจากแหล่งข่าวรัฐบาลญี่ปุ่น 2 คนซึ่งขอไม่เปิดเผยชื่อ เนื่องจากเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
แหล่งข่าวยังชี้ด้วยว่า ทรัมป์ ไม่ได้เรียกร้องอะไรเป็นพิเศษจาก ทาคาอิจิ ซึ่งก็สะท้อนให้เห็นว่าเขาไม่ได้เห็นด้วยกับข้อเรียกร้องของปักกิ่งที่ต้องการให้นายกฯ ญี่ปุ่นถอนคำพูด
ผู้นำญี่ปุ่นเองก็ยังไม่ได้ประกาศถอนคำพูดแต่อย่างใด โดยรัฐบาลของเธออ้างว่าคำพูดดังกล่าวสะท้อนนโยบายที่ญี่ปุ่นมีมายาวนานอยู่แล้ว
มิโนรุ คิฮาระ หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรายงานดังกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี (27)
เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นบางคนมีความกังวลมานานแล้วว่า ทรัมป์ อาจเตรียมที่จะลดการสนับสนุนไต้หวันลงเพื่อบรรลุข้อตกลงการค้ากับจีน ซึ่งอาจทำให้ปักกิ่งฮึกเหิม และก่อให้เกิดความขัดแย้งขึ้นในเอเชียตะวันออก
“สำหรับทรัมป์ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ-จีน” คาซูฮิโระ มาเอะจิมะ ศาสตราจารย์ด้านการเมืองสหรัฐฯ แ
จากมหาวิทยาลัยโซเฟียกล่าว “ญี่ปุ่นถูกมองเป็นเพียงเครื่องมือหรือไพ่ใบหนึ่งในการจัดการความสัมพันธ์นี้มาโดยตลอด”
การคุยโทรศัพท์ระหว่าง ทรัมป์ กับ ทาคาอิจิ เกิดขึ้นทันทีหลังจากที่ ทรัมป์ สนทนากับ สี จิ้นผิง ซึ่งประธานาธิบดีจีนกล่าวว่า “การกลับคืนสู่จีน” ของไต้หวันเป็นส่วนสำคัญในวิสัยทัศน์ของปักกิ่งต่อระเบียบโลก ตามรายงานของสำนักข่าวซินหวา
ไต้หวันซึ่งปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยปฏิเสธการอ้างสิทธิของปักกิ่ง โดยระบุว่ามีเพียงประชาชนไต้หวันเท่านั้นที่สามารถกำหนดอนาคตของเกาะได้ พร้อมทั้งตัดความเป็นไปได้ที่จะกลับคืนสู่จีน
ทรัมป์ ไม่ได้พูดถึงประเด็นไต้หวันในรายงานการหารือกับ สี จิ้นผิง แต่เน้นย้ำว่าสองประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกมีความสัมพันธ์ที่ "แข็งแกร่งอย่างยิ่ง" และกำลังดำเนินการเพื่อสรุปข้อตกลงการค้าที่ครอบคลุม
"ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนนั้นดีมาก และนั่นก็เป็นสิ่งที่ดีมากสำหรับญี่ปุ่น ซึ่งเป็นพันธมิตรที่รักและใกล้ชิดของเรา" ทำเนียบขาวระบุในถ้อยแถลงที่อ้างว่าเป็นของ ทรัมป์
"เราได้ลงนามข้อตกลงการค้าที่ยอดเยี่ยมกับญี่ปุ่น จีน เกาหลีใต้ และประเทศอื่นๆ อีกมากมาย และโลกก็สงบสุข ขอให้เรารักษาไว้เช่นนี้ต่อไป!" เขากล่าว
การที่ ทรัมป์ นิ่งเฉยต่อข้อพิพาทระหว่างญี่ปุ่นกับจีนที่ทวีความรุนแรงขึ้นจนถึงขั้นที่ปักกิ่งเรียกร้องให้ชาวจีนงดเดินทางไปญี่ปุ่น ซึ่งส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว ยิ่งทำให้บรรดาเจ้าหน้าที่ในโตเกียวกังวลมากขึ้น
หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัลเป็นสื่อเจ้าแรกที่ออกมาเผยเรื่องที่ ทรัมป์ ขอให้ ทาคาอิจิ ลดระดับความตึงเครียดกับปักกิ่ง
ขณะเดียวกัน หนังสือพิมพ์พีเพิลส์เดลีซึ่งเป็นสื่อของรัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์จีน ก็ระบุในบทบรรณาธิการวันนี้ (27) ว่า จีนเรียกร้องให้สหรัฐฯ ควบคุมญี่ปุ่นเพื่อป้องกัน "การฟื้นฟูลัทธิทหาร" ซึ่งเน้นย้ำถึงบทบาทของญี่ปุ่นที่เคยเป็นศัตรูร่วมของจีนกับสหรัฐฯ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
“จีนและสหรัฐฯ มีความรับผิดชอบร่วมในการที่จะปกป้องระเบียบระหว่างประเทศหลังสงคราม และต่อต้านความพยายามหรือการกระทำใดๆ ที่จะฟื้นฟูลัทธิทหาร” บทความดังกล่าวระบุ
ถ้อยแถลงที่ไม่ทันยั้งคิดของ ทาคาอิจิ ในรัฐสภาเกี่ยวกับไต้หวันนั้นขัดแย้งกับความคลุมเครือเชิงยุทธศาสตร์ที่อดีตผู้นำญี่ปุ่นหลายคนเคยยึดถือมา
อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นเคยบอกกับรอยเตอร์ก่อนหน้านี้ว่า เธอไม่สามารถที่จะถอนคำพูดเพื่อคลี่คลายข้อพิพาทที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และนำไปสู่ความสัมพันธ์อันเขม็งเกลียวยาวนานระหว่างจีนและญี่ปุ่นได้
ที่มา: รอยเตอร์


