กระทรวงมหาดไทยกัมพูชาปฏิเสธคำกล่าวอ้างของผู้สันทัดกรณีรายหนึ่งของสำนักข่าวชาแนลนิวส์เอชีย(ซีเอ็นเอ) สื่อมวลชนสิงคโปร์ ที่ระบุว่ามาตรการปราบปรามสแกมออนไลน์ของเขมรเล็งเป้าเฉพาะ "ตัวเล็กตัวน้อย" เพื่ออวดว่าเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการแล้ว แต่ในความเป็นจริงกลับปล่อยตัวการใหญ่ลอยนวล
ในถ้อยแถลงของกระทรวงมหาดไทยกัมพูชาที่เผยแพร่เมื่อวันพุธ(26พ.ย.) ระบุว่าบทความของผู้สัดทัดกรณี Nirmal Ghosh อยู่บนพื้นฐานของอารมณ์ความรู้สึกและมุมมองทางการเมือง ไม่ได้สะท้อนการทำงานที่ดำเนินการโดยหน่วยงานต่างๆของกัมพูชาและคู่หูนานาชาติ
ถ้อยแถลงเน้นย้ำว่ากัมพูชา เช่นเดียวกับหลายประเทศในภูมิภาค ยังคงเผชิญความท้าทายต่างๆนานาจากอาชญากรรมข้ามชาติ
เจ้าหน้าที่กัมพูชาอ้างว่าเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชายแดนปฏิบัติการอยู่ทั่วโลก และแม้กระทั่งบรรดาชาติพัฒนาแล้วก็ประสบปัญหาในการควบคุมการกระทำผิดแบบเดียวกัน ขณะที่กระทรวงมหาดไทยกัมพูชาชี้ว่าทางสำนักข่าวซีเอ็นเอ ควรหันไปจัดทำรายงานข่าวเชิงสืบสวน เกี่ยวกับขบวนการฉ้อโกงต่างๆนานาในชาติอื่นๆในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะดีกว่า
กระทรวงมหาดไทยกัมพูชาพูดเน้นในสิ่งที่พวกเขาให้คำจำกัดความว่า มีการร่วมมืออย่างครอบคลุมกับเหล่าองค์กรบังคับใช้กฎหมายของต่างชาติ ในนั้นรวมถึงหน่วยเฉพาะกิจจากสหรัฐฯ, ญี่ปุ่น, ออสเตรเลีย, เกาหลีใต้ และสิงคโรป์ พร้อมระบุว่าการวิพากษ์วิจารณ์ความพยายามของกัมพูชา เสี่ยงมองข้ามบทบาทของคู่หูเหล่านี้
อ้างอิงตัวเลขของทางรัฐบาล ถ้อยแถลงของกระทรวงมหาดไทยกัมพูชาระบุว่ามีชาวต่างชาติ 283 คนถูกจับกุมและเนรเทศในปี 2023 ก่อนเพิ่มเป็น 2,982 คนในปี 2027 และในปี 2025 เจ้าหน้าที่เผยว่ามีคดีการฉ้อโกงที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี 24 คดี ผลก็คือนำไปสู่การควบคุมตัวชาวต่างชาติ 1,859 ราย
เวลานี้มีการยื่นฟ้องร้องต่อศาลแล้ว 11 คดี มีผู้ต้องสงสัยรวมกัน 148 คน ในนั้นรวมถึงพวกผู้ที่ถูกล่าวหาว่าเป็นหัวหน้าแก๊ง
แม้มีความกังวลจากกลุ่มสิทธิมนุษยชนทั้งหลายและสื่อมวลชนระหว่างประเทศ เกี่ยวกับจำนวนของเขตล้อมรั้วสแกมในภูมิภาค แต่ทางกระทรวงมหาดไทยกัมพูชาเน้นย้ำว่าปฏิบัติการต่างๆในกัมพูชาจะเดินหน้าต่อไป และยังคงให้ความสำคัญสูงสุดกับความมั่นคงแห่งชาติ และความปลอดภัยของพลเมืองต่างชาติที่ได้รับผลกระทบจากอาชญากรรมดังกล่าว
(ที่มา:เคทีพี)


